เอเยนซี – ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2016 แม้ยังไม่เปิดฉากจนกว่าจะถึงวันที่ 20 มีนาคม กับสนามแรกที่ ออสเตรเลีย แต่บรรดาทีมแข่งทั้งหลายก็เริ่มขยับเตรียมตัวสำหรับการเอารถทดสอบลงสนามเก็บข้อมูลกันแล้ว รวมถึงทีมน้องใหม่สัญชาติอเมริกันอย่าง “ฮาสส์ เอฟวัน” ที่ขอกระโจนลงสู่สมรภูมิเอฟวันเป็นครั้งแรก ด้วยความพร้อมสรรพมากมายทั้งทีมงานและเครื่องยนต์ชนิดทีเห็นแล้วต้องเรียกว่างานนี้ไม่ได้มากันเล่นๆ
การแข่งขันดวลความเร็วปีนี้ มีการเพิ่มทีมผู้เข้าแข่งขันขึ้นมาอีก 1 คือ ฮาสส์ เอฟวัน หลัง เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ชาวอังกฤษ ไฟเขียวอนุมัติให้ทีมซิ่งจากเมืองลุงแซม เป็นสมาชิกใหม่ของฤดูกาล 2016 จากการพูดคุยกันมาแบบยาวนานตั้งแต่ปีก่อน พร้อมเปิดตัวทีมงานกันเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยเจ้าของทีมก็คือ ยีน ฮาสส์ พร้อมควบตำแหน่งทีมบอสด้วยตัวเองร่วมกับ กันเธอร์ สไตเนอร์ หัวหน้าฝ่ายเทคนิค
แม้ชื่อชั้นยังเป็นน้องใหม่ของวงการ แต่หากคนที่ติดตามวงการความเร็วจากฝั่งอเมริกาอย่าง นาสคาร์ มาตลอดจะต้องคุ้นเคยกับชื่อของ ฮาสส์ เป็นอย่างดีเพราะเป็นเจ้าของทีมเดียวกับ สจวร์ต ฮาสส์ เรซซิง ทีมแข่งชื่อดังที่โลดแล่นคว้าแชมป์ นาสคาร์ สปรินท์ คัพ มาแล้ว 2 สมัย ก่อนตัดสินใจลองกระโดดมาจับเวทีรถสูตรหนึ่งบ้าง โดยมีฐานพัฒนาทีมอยู่ที่ นอร์ธ คาโรไลนา และอีกที่คือ อ็อกซ์ฟอร์ดเชียร์
ยีน ฮาสส์ เจ้าของทีมกล่าวตั้งแต่เปิดตัวทีมครั้งแรกว่าการทำทีมลงแข่งใน ฟอร์มูลา วัน คือสิ่งที่ใฝ่ฝัน และที่ผ่านมาก็ได้ศึกษากฎระเบียบมาตรฐานต่างๆของ เอฟวัน มาเป็นอย่างดี รวมถึงการควักเงินลงทุนใช้ไปกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,630 ล้านบาท) ให้กับการพัฒนารถ, ทีมงาน และนักแข่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควรสำหรับทีมน้องใหม่หากบริหารไม่ดีสิทธิ์ขาดทุนม้วนเสื่อกลับบ้านเหมือน เคเตอร์แฮม กับ มารัสเซีย ที่เจ๊งไปก่อนหน้า
“ตัวเลขของเราสำหรับการทำทีมนั้นไม่แตกต่างจากตอนที่เราลงทุนทำ นาสคาร์ แม้ว่าจะมีรถแข่งแค่ 2 คัน พร้อมทีมงานกว่า 200 คน เทียบเท่า วิลเลียมส์ หรือ ฟอร์ซ อินเดีย แต่เรายังสามารถเดินหน้าต่อได้ เรื่องค่าใช้จ่ายก็อยากบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะก่อนหน้านี้เราวางแผนมาเป็นดิบดีแล้ว” เจ้าของทีมชาวอเมริกัน เปิดเผยกับสื่อ โดยข่าวระบุว่าพวกเขาใช้เงิน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,270 ล้านบาท) ต่อการพัฒนารถ 1 คันจาก 2 คันที่ส่งลงสนาม
พูดถึงตัวรถ แม้ยังไม่เปิดเผยตัวเต็มแต่ก็มีการยืนยันแล้วว่าพวกเขาจะใช้เครื่องยนต์ของ เฟอร์รารี เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งด้วยความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันทำให้พวกเขาสามารถเจรจานำเครื่องของ “ม้าลำพอง” มาพัฒนาต่อได้แบบไร้ปัญหา จะเรียกว่าเป็น “เฟอร์รารี ทีมบี” ก็ไม่ผิด ล่าสุดก็เพิ่งผ่านการเทสต์ระบบการชนของ เอฟไอเอ ไปแล้ว ขณะเดียวกันยังได้ กันเธอร์ สไตเนอร์ อดีตทีมเทคนิคของ เรด บูลล์ มาช่วยกันดูแลการวางระบบต่างๆ ทำให้มั่นใจได้ว่า ฮาสส์ เอาจริงเอาจังพอสมควรกับการส่งทีมเข้าร่วมชิงชัยหนนี้
หันมาดูนักขับกันบ้าง ถ้าเป็นทีมเล็กๆมักจะใช้นักแข่งที่ชื่อชั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากมานั่งเก้าอี้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ ฮาสส์ ทำสิ่งที่เหนือกว่าคือดึงเอาสองนักแข่งที่มีประสบการณ์บนเวทีเอฟวันแบบโชกโชนอย่าง โรแมง โกรส์ชอง กับ เอสเตบัน กูเตียร์เรซ รายแรกมาจาก โลตัส ซึ่งมีปัญหาเรื่องจ่ายค่าจ้างนักแข่งมานานหลายปี ส่วนคู่หู กูเตียร์เรซ มาจาก เซาเบอร์ เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขาหมายมั่นประสบความสำเร็จในเวทีนี้มากเพียงใด
ส่วนเรื่องเป้าหมาย สไตเนอร์ เผยขอมุ่งเก็บแต้มให้ได้แบบต่อเนื่องทุกสนามตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่เรซแรกที่ ออสเตรเลีย เป็นต้นไป ส่วนเรื่องการลุ้นแชมป์นั้นขอยังไม่พูดถึงเพราะเร็วเกินไป “เราต้องการแต้มทันทีตั้งแต่เรซแรก รวมถึงควอลิฟาย ถ้าเราได้ผ่านเข้าสู่การควอลิฟายรอบสอง ก็ถือว่ามีโอกาส นั่นคือเป้าหมายของเรา และต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเราทำงานกันมาอย่างหนักตลอด 2 ปีเพื่อสิ่งนี้”
เป็นที่รู้กันว่าวงการรถสูตรหนึ่งนั้นเป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่ใครต่อใครล้วนใฝ่ฝันอยากมีส่วนร่วม ไม่ว่าการเป็นนักแข่งหรือผู้สร้างทีม เพราะนั่นหมายถึงผลประโยชน์อันมหาศาลรวมถึงค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเวทีอื่นๆดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่สำหรับปีแรกของ ฮาสส์ เอฟวัน แต่จากความมุ่งมั่นและการวางแผนมาเป็นอย่างดีจึงน่าสนใจเช่นกันว่าพวกเขาจะพิสูจน์ตัวเองในวงการนี้ได้ดีแค่ไหน