ยุคนี้พ.ศ.นี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเป็นปีทองของยามาฮ่าที่ประสบความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผลงานในระดับเวิล์ดจีพีที่สามารถคว้าชัยชนะได้ถึงสามแชมป์(ผู้ผลิต ทีม และบุคคล) รวมถึงรายการแข่งขันอื่นๆ ทั่วโลกก็ทำผลงานได้ตามเป้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามความสำเร็จดังกล่าวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำตลาดของค่ายส้อมเสียงในไทยอย่างไร...ธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สนับสนุนการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มีคำตอบรออยู่แล้ว...
แชมป์กีฬาความเร็ว2015
ในปี 2558 ยามาฮ่าประสบความสำเร็จกับการเป็นแชมป์เปี้ยนทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค รวมถึงในระดับโลก โดยเฉพาะรายการโมโตจีพี ยามาฮ่าได้ถึงสามแชมป์ ทั้งแชมป์ผู้ผลิต แชมป์ทีม และแชมป์บุคคล ซึ่งชัยชนะประเภทบุคคลก็ได้ทั้งอันดับหนึ่งและสอง (ฆอร์เก ลอเรนโซ ได้ที่1และวาเลนติโน รอสซี ได้ที่2 ) ส่วนในทางฝุ่นยามาฮ่าก็ได้แชมป์โมโตครอสด้วย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จครบทั้งทางเรียบและทางฝุ่นในระดับโลก
ขณะที่รายการใหญ่ระดับภูมิภาคอย่างซูซูก้า 8 ชั่วโมง(Suzuka 8 Hours World Endurance Road Race 2015) เราก็สามารถคว้าแชมป์มาได้อีกเช่นกัน ซึ่งบอกได้เลยว่าการแข่งขันรายการนี้สะท้อนสมรรถนะของรถได้เป็นอย่างดี ว่ามีความทนทานและประสิทธิภาพขนาดไหน
ขณะเดียวกันรายการแข่งขันในประเทศ ภายใต้สังกัดทีม ยามาฮ่าไทยแลนด์เรซซิ่งทีมก็คว้าแชมป์มาได้อีกเช่นกัน โดยในปีนี้เรามีนักแข่ง ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี ที่สามารถทำสถิติใหม่ความเร็วต่อรอบดีที่สุดในสนามไทยแลนด์เซอร์กิตด้วย
ความสำเร็จสู่กลยุทธ์การตลาด
สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาด ความสำคัญที่สุดก็คือการสื่อสาร และโลกทุกวันนี้การสื่อสารเปิดกว้าง ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ภายในพริบตา และเมื่อกลยุทธ์ต่างๆ เช่น ราคา โปรโมชั่น แคมเปญที่ใช้เป็นจุดขาย ทุกอย่างเท่ากันหมด ความแตกต่างหรือสิ่งที่ยามาฮ่าเหนือกว่าคือมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งหรือกิจกรรมหนึ่งที่จะทำให้คนเกิดการจดจำแบรนด์ได้ดี นั่นหมายถึงมอเตอร์สปอร์ตเป็นการสร้างแบรนด์ดิ้งให้คนจดจำได้ดีที่สุด
โดยเรามองว่าตรงนี้ลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งเราต้องมาแข่งกันเรื่องให้บริการหลังการขาย เมื่อเขาใช้รถ เขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์การขับขี่ที่ดี โดยกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเป็นหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ตรงนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ จดจำ ติดตาม นี่คือการสร้างฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น ขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะฉะนั้นผลงานในสนามจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่เป็นตัวรุกการทำตลาดของยามาฮ่า
ทั้งนี้แม้ภาพรวมวงการมอเตอร์สปอร์ตเติบโตขึ้น แต่พื้นฐานรถเล็ก รถครอบครัว ยังเป็นตลาดที่ทุกคนต้องใช้ การสร้างแบรนด์ของยามาฮ่าเป็นตัวชี้ว่ารถตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็กมีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งมีผลสำรวจออกมาว่า คนซื้อ 55% อันดับแรกในการตัดสินใจคือแบรนด์ดิ้ง และอย่างที่บอก ผลงานในสนามส่งเสริมการสร้างแบรนด์ได้ดี และเรายังต้องทำตรงนี้ต่อเนื่องและทำให้ดีด้วย ขณะที่กลุ่มรถเล็กเรามีจัดกิจกรรมทั่วประเทศผ่านทางผู้จำหน่ายในพื้นที่ 630 แห่งทั่วประเทศ โดยในหนึ่งปีเรามีกิจกรรมกว่า 7,000 ครั้ง
ตอบสนองความภาคภูมิใจ
นอกจากผลงานในสนามแล้ว สิ่งที่ยามาฮ่าเน้นควบคู่ไปด้วยอยู่เสมอว่า เรามีดีเอ็นเอที่ยอดเยี่ยมแห่งการแข่งขันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือ อาร์ซีรีย์ ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่รถในตระกูล อาร์1 อาร์6 อาร์3 ไปจนถึงอาร์15 โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีดีเอ็นเอในการพัฒนาตัวเดียวกัน ไม่ว่าลูกค้าจะใช้อาร์ซีรีย์รุ่นอะไรก็จะมีความภาคภูมิใจเทียบเท่ากัน ทั้งนี้ลูกค้าที่ใช้รถจักรยานยนต์จะไม่มีการแบ่งแยก คนใช้สองล้อคือพวกเดียวกัน และพวกเขาเข้าใจว่า อาร์ซีรีย์เป็นหนึ่งในสุดยอดของมอเตอร์สปอร์ต ณ ตอนนี้
สร้างบุคลากรด้านมอเตอร์สปอร์ต
เมื่อเรามีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว ทีนี้เราก็ต้องเป็นผู้นำในด้านอื่นๆ ด้วย โดยเรามองว่าสำหรับประเทศไทย ตลาดมอเตอร์สปอร์ตกำลังเติบโต เนื่องจากมีสนามแข่งขันช้างฯ ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกที่นำพาทีมแข่งต่างๆ ในไทยไปสู่มาตรฐานตรงนั้นด้วย เหตุนี้ทุกคนจึงต้องพัฒนา และบุคลากรมาจากไหน ทุกวันนี้บุคลากรมาจากคนที่เคยทำทีมแข่งเล็กๆ และยังไม่เป็นวงกว้าง
เหตุนี้จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างบุคลากรเหล่านี้ในวงการมอเตอร์สปอร์ต หรือสร้างค่านิยมที่ถูกต้องกับเยาวชนในประเทศ นี่เป็นเป้าหมายของโครงการยามาฮ่า โมโต ชาเล้นจ์ 2015(Yamaha Moto Challenge 2015) ที่เรามีเอ็มโอยูกับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ทั้งหมด 380 โรงเรียน โดยท่านนายก รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช ให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเป็นการจัดการแข่งขันเกมมอเตอร์สปอร์ตให้กับเยาวชน เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานความรู้เชิงช่างให้นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา และพัฒนาบุคลากรต่อยอดองค์ความรู้ทั้งในเชิงเทคโนโลยีวิศวกรรม การบริหารจัดการทีม เตรียมความพร้อมบุคลากรสู่การประกอบอาชีพทางด้านมอเตอร์สปอร์ตในอนาคต โดยเด็กอาชีวะจะได้เข้ามาเรียนรู้ระบบของอาชีพในวงการมอเตอร์สปอร์ต ภายในหนึ่งโรงเรียนมีบุคลากร 5 คน ประกอบด้วย อันดับที่1.อาจารย์เป็นผู้จัดการทีม อันดับที่2. นักเรียนปวชปี3 หรือปี 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมพร้อมเป็นนักแข่งสำรอง อันดับที่3.และ4. ช่างประจำทีม2คน และอันดับที่ 5. นักแข่ง
ผลงานดีมีสิทธิ์เป็นนักแข่งยามาฮ่า
กิจกรรมนี้เราคิดว่าเป็นทางเลือกที่ใช่ กับกีฬาที่ชอบ เริ่มต้นในปีนี้ไปแล้ว 20 สถาบัน ซึ่งเยาวชนคนไหนที่มีผลงานดี ยามาฮ่าก็มีแมวมอง ในปีถัดไปอาจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมแข่งยามาฮ่าในอนาคตก็เป็นได้ เพราะนี่เป็นหนึ่งขั้นตอนการสรรหานักแข่งหน้าใหม่ของเราด้วย โดยในปีหน้าโมโต ชาเล้นจ์ก็จะเพิ่มโรงเรียนใหม่อีก 20 แห่ง และจะขยับนักแข่งที่มีฝีมือในปีนี้ไปสู่การแข่งขันอีกระดับหนึ่ง
เป้าหมายและโมเดลใหม่เจาะตลาดรถสปอร์ต
มองย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เซกเม้นท์รถสปอร์ตมีแค่ 2% แต่ปีที่แล้วเติบโตขึ้นมาถึง 8% และในปี 2558 คาดว่าจะโตถึง 12% ในจำนวนนี้ยามาฮ่าตั้งเป้าจะมีแชร์ 25% ภายใน 2 ปี แต่ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม 125 ซีซี. รวมอยู่ในเซกเม้นท์รถสปอร์ตด้วย ซึ่งถ้าตัดตรงนี้ออกไป ยามาฮ่าจะมีแชร์ถึง 40-50%
สำหรับโมเดลทำตลาดแน่นอนยังชูความโดดเด่นในตระกูลอาร์ซีรีย์เป็นรถสปอร์ตฟูลแฟริ่ง เหมาะสมกับลูกค้าที่ชอบความเร็วและการแข่งขัน ส่วนลูกค้าที่ชอบแนวสปอร์ตและมีไลฟ์สไตล์ใช้รถในเมืองมากขึ้น เราก็มีเอ็มทีซีรีย์ที่เป็นรถขับขี่สบายใช้งานได้หลากหลาย และเน้นการขับขี่ในเมือง โดยล่าสุดเรามีโมเดลใหม่ “เอ็ม-สแลซ” เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต่อยอดจากสปอร์ตขนาดเล็ก (เปิดตัวครั้งแรกของโลกในมอเตอร์เอ็กซ์โป2015) ส่วนโมเดลใหม่เมื่อต้นปีเราประกาศไปแล้วว่าภายใน 3 ปี จะมีใหม่ 12 โมเดล ปีนี้เปิดไปแล้ว 5 รุ่น ในปีหน้าคาดว่า 3-4 รุ่น น่าจะมีความเป็นไปได้
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
แชมป์กีฬาความเร็ว2015
ในปี 2558 ยามาฮ่าประสบความสำเร็จกับการเป็นแชมป์เปี้ยนทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค รวมถึงในระดับโลก โดยเฉพาะรายการโมโตจีพี ยามาฮ่าได้ถึงสามแชมป์ ทั้งแชมป์ผู้ผลิต แชมป์ทีม และแชมป์บุคคล ซึ่งชัยชนะประเภทบุคคลก็ได้ทั้งอันดับหนึ่งและสอง (ฆอร์เก ลอเรนโซ ได้ที่1และวาเลนติโน รอสซี ได้ที่2 ) ส่วนในทางฝุ่นยามาฮ่าก็ได้แชมป์โมโตครอสด้วย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จครบทั้งทางเรียบและทางฝุ่นในระดับโลก
ขณะที่รายการใหญ่ระดับภูมิภาคอย่างซูซูก้า 8 ชั่วโมง(Suzuka 8 Hours World Endurance Road Race 2015) เราก็สามารถคว้าแชมป์มาได้อีกเช่นกัน ซึ่งบอกได้เลยว่าการแข่งขันรายการนี้สะท้อนสมรรถนะของรถได้เป็นอย่างดี ว่ามีความทนทานและประสิทธิภาพขนาดไหน
ขณะเดียวกันรายการแข่งขันในประเทศ ภายใต้สังกัดทีม ยามาฮ่าไทยแลนด์เรซซิ่งทีมก็คว้าแชมป์มาได้อีกเช่นกัน โดยในปีนี้เรามีนักแข่ง ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี ที่สามารถทำสถิติใหม่ความเร็วต่อรอบดีที่สุดในสนามไทยแลนด์เซอร์กิตด้วย
ความสำเร็จสู่กลยุทธ์การตลาด
สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาด ความสำคัญที่สุดก็คือการสื่อสาร และโลกทุกวันนี้การสื่อสารเปิดกว้าง ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ภายในพริบตา และเมื่อกลยุทธ์ต่างๆ เช่น ราคา โปรโมชั่น แคมเปญที่ใช้เป็นจุดขาย ทุกอย่างเท่ากันหมด ความแตกต่างหรือสิ่งที่ยามาฮ่าเหนือกว่าคือมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งหรือกิจกรรมหนึ่งที่จะทำให้คนเกิดการจดจำแบรนด์ได้ดี นั่นหมายถึงมอเตอร์สปอร์ตเป็นการสร้างแบรนด์ดิ้งให้คนจดจำได้ดีที่สุด
โดยเรามองว่าตรงนี้ลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งเราต้องมาแข่งกันเรื่องให้บริการหลังการขาย เมื่อเขาใช้รถ เขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์การขับขี่ที่ดี โดยกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเป็นหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ตรงนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ จดจำ ติดตาม นี่คือการสร้างฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น ขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะฉะนั้นผลงานในสนามจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่เป็นตัวรุกการทำตลาดของยามาฮ่า
ทั้งนี้แม้ภาพรวมวงการมอเตอร์สปอร์ตเติบโตขึ้น แต่พื้นฐานรถเล็ก รถครอบครัว ยังเป็นตลาดที่ทุกคนต้องใช้ การสร้างแบรนด์ของยามาฮ่าเป็นตัวชี้ว่ารถตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็กมีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งมีผลสำรวจออกมาว่า คนซื้อ 55% อันดับแรกในการตัดสินใจคือแบรนด์ดิ้ง และอย่างที่บอก ผลงานในสนามส่งเสริมการสร้างแบรนด์ได้ดี และเรายังต้องทำตรงนี้ต่อเนื่องและทำให้ดีด้วย ขณะที่กลุ่มรถเล็กเรามีจัดกิจกรรมทั่วประเทศผ่านทางผู้จำหน่ายในพื้นที่ 630 แห่งทั่วประเทศ โดยในหนึ่งปีเรามีกิจกรรมกว่า 7,000 ครั้ง
ตอบสนองความภาคภูมิใจ
นอกจากผลงานในสนามแล้ว สิ่งที่ยามาฮ่าเน้นควบคู่ไปด้วยอยู่เสมอว่า เรามีดีเอ็นเอที่ยอดเยี่ยมแห่งการแข่งขันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือ อาร์ซีรีย์ ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่รถในตระกูล อาร์1 อาร์6 อาร์3 ไปจนถึงอาร์15 โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีดีเอ็นเอในการพัฒนาตัวเดียวกัน ไม่ว่าลูกค้าจะใช้อาร์ซีรีย์รุ่นอะไรก็จะมีความภาคภูมิใจเทียบเท่ากัน ทั้งนี้ลูกค้าที่ใช้รถจักรยานยนต์จะไม่มีการแบ่งแยก คนใช้สองล้อคือพวกเดียวกัน และพวกเขาเข้าใจว่า อาร์ซีรีย์เป็นหนึ่งในสุดยอดของมอเตอร์สปอร์ต ณ ตอนนี้
สร้างบุคลากรด้านมอเตอร์สปอร์ต
เมื่อเรามีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว ทีนี้เราก็ต้องเป็นผู้นำในด้านอื่นๆ ด้วย โดยเรามองว่าสำหรับประเทศไทย ตลาดมอเตอร์สปอร์ตกำลังเติบโต เนื่องจากมีสนามแข่งขันช้างฯ ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกที่นำพาทีมแข่งต่างๆ ในไทยไปสู่มาตรฐานตรงนั้นด้วย เหตุนี้ทุกคนจึงต้องพัฒนา และบุคลากรมาจากไหน ทุกวันนี้บุคลากรมาจากคนที่เคยทำทีมแข่งเล็กๆ และยังไม่เป็นวงกว้าง
เหตุนี้จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างบุคลากรเหล่านี้ในวงการมอเตอร์สปอร์ต หรือสร้างค่านิยมที่ถูกต้องกับเยาวชนในประเทศ นี่เป็นเป้าหมายของโครงการยามาฮ่า โมโต ชาเล้นจ์ 2015(Yamaha Moto Challenge 2015) ที่เรามีเอ็มโอยูกับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ทั้งหมด 380 โรงเรียน โดยท่านนายก รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช ให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเป็นการจัดการแข่งขันเกมมอเตอร์สปอร์ตให้กับเยาวชน เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานความรู้เชิงช่างให้นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา และพัฒนาบุคลากรต่อยอดองค์ความรู้ทั้งในเชิงเทคโนโลยีวิศวกรรม การบริหารจัดการทีม เตรียมความพร้อมบุคลากรสู่การประกอบอาชีพทางด้านมอเตอร์สปอร์ตในอนาคต โดยเด็กอาชีวะจะได้เข้ามาเรียนรู้ระบบของอาชีพในวงการมอเตอร์สปอร์ต ภายในหนึ่งโรงเรียนมีบุคลากร 5 คน ประกอบด้วย อันดับที่1.อาจารย์เป็นผู้จัดการทีม อันดับที่2. นักเรียนปวชปี3 หรือปี 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมพร้อมเป็นนักแข่งสำรอง อันดับที่3.และ4. ช่างประจำทีม2คน และอันดับที่ 5. นักแข่ง
ผลงานดีมีสิทธิ์เป็นนักแข่งยามาฮ่า
กิจกรรมนี้เราคิดว่าเป็นทางเลือกที่ใช่ กับกีฬาที่ชอบ เริ่มต้นในปีนี้ไปแล้ว 20 สถาบัน ซึ่งเยาวชนคนไหนที่มีผลงานดี ยามาฮ่าก็มีแมวมอง ในปีถัดไปอาจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมแข่งยามาฮ่าในอนาคตก็เป็นได้ เพราะนี่เป็นหนึ่งขั้นตอนการสรรหานักแข่งหน้าใหม่ของเราด้วย โดยในปีหน้าโมโต ชาเล้นจ์ก็จะเพิ่มโรงเรียนใหม่อีก 20 แห่ง และจะขยับนักแข่งที่มีฝีมือในปีนี้ไปสู่การแข่งขันอีกระดับหนึ่ง
เป้าหมายและโมเดลใหม่เจาะตลาดรถสปอร์ต
มองย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เซกเม้นท์รถสปอร์ตมีแค่ 2% แต่ปีที่แล้วเติบโตขึ้นมาถึง 8% และในปี 2558 คาดว่าจะโตถึง 12% ในจำนวนนี้ยามาฮ่าตั้งเป้าจะมีแชร์ 25% ภายใน 2 ปี แต่ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม 125 ซีซี. รวมอยู่ในเซกเม้นท์รถสปอร์ตด้วย ซึ่งถ้าตัดตรงนี้ออกไป ยามาฮ่าจะมีแชร์ถึง 40-50%
สำหรับโมเดลทำตลาดแน่นอนยังชูความโดดเด่นในตระกูลอาร์ซีรีย์เป็นรถสปอร์ตฟูลแฟริ่ง เหมาะสมกับลูกค้าที่ชอบความเร็วและการแข่งขัน ส่วนลูกค้าที่ชอบแนวสปอร์ตและมีไลฟ์สไตล์ใช้รถในเมืองมากขึ้น เราก็มีเอ็มทีซีรีย์ที่เป็นรถขับขี่สบายใช้งานได้หลากหลาย และเน้นการขับขี่ในเมือง โดยล่าสุดเรามีโมเดลใหม่ “เอ็ม-สแลซ” เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต่อยอดจากสปอร์ตขนาดเล็ก (เปิดตัวครั้งแรกของโลกในมอเตอร์เอ็กซ์โป2015) ส่วนโมเดลใหม่เมื่อต้นปีเราประกาศไปแล้วว่าภายใน 3 ปี จะมีใหม่ 12 โมเดล ปีนี้เปิดไปแล้ว 5 รุ่น ในปีหน้าคาดว่า 3-4 รุ่น น่าจะมีความเป็นไปได้
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
