คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ภายหลังจากบอร์ด ไทยพรีเมียร์ลีก มีมติเพิ่มจำนวนสโมสรในลีกสูงสุดฤดูกาล 2016 จากเดิม 18 ทีม เป็น 20 ทีม ด้วยเหตุผลที่เพื่อให้ทันต่อการเปิดลีกในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากมีการฟ้องร้องกันระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด เรื่องการส่งผู้เล่นต่างชาติเกินโควตา เกรงว่าคำตัดสินของศาล หรือรวมไปถึงการฟ้องร้องต่อ ฟีฟา จะล่าช้าจนอาจกระทบต่อลีก และการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ทีมอย่าง บีอีซี เทโรศาสน ที่จบอันดับ 16 ได้อยู่ในไทยพรีเมียร์ลีกต่อไป แทนที่จะตกชั้น ส่วนอันดับ 17 อย่าง การท่าเรือ และ ทีโอที เอสซี ทีมอันดับ 18 ซึ่งเป็นบ๊วย ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าทีมใดจะได้อยู่ต่อตาม "มังกรไฟ" นั้น ยังไม่มีคำตอบแต่อย่างใด
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ 3 สโมสรที่อยู่ในบอร์ด "ทีพีแอล" อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , ชลบุรี เอฟซี และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เป็นอย่างมาก เพราะมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มทีมกระทันหันเช่นนั้น ซึ่งเมื่อรับมติดังกล่าวไม่ได้จึงตัดสินใจอำลาจากบอร์ดทั้งหมด
จะว่าไปบอร์ดไทยพรีเมียร์ลีก ออกจะแปลกๆ สักหน่อย เมื่อมีเพียงแค่ 5 สโมสรเท่านั้นที่อยู่ในบอร์ด ส่วนอีก 11 คนที่เหลือมีทนาย มีคุณหมอ มีสื่อมวลชน มีผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสด แต่ไม่มีตัวแทนจากสโมสรอื่นๆ อีก 13 สโมสรร่วมอยู่ด้วย ที่สำคัญสโมสรที่มีผลได้ผลเสียครั้งนี้อย่าง บีอีซี เทโรฯ ก็มีตัวแทนอยู่ในบอร์ดครั้งนี้ จึงมีคำถามจาก เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ฯ ว่าไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างหรือ?
ขณะที่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดจาก "ทีพีแอล" ว่าระหว่าง การท่าเรือ หรือ ทีโอที ทีมใดจะได้อีก 1 สิทธิ์สำหรับอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อฤดูกาลหน้า "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรดังย่านคลองเตย จัดแถลงข่าวเชิญสื่อมวลชนมาชี้แจงจุดยืนของสโมสรว่าจะไม่ขอเตะเพลย์ออฟเพื่อหาทีมตกชั้นกับ "ฮัลโหล" แน่นอน โดยให้เหตุผลว่าทีมตนจบอันดับ 17 ควรเป็น 1 ใน 20 ทีมสำหรับฤดูกาลหน้า
การพูดเช่นนี้อาจได้ใจแฟนบอลของตัวเอง แต่ที่แน่ๆ แฟนบอลและผู้บริหาร ทีโอที เอสซี ย่อมไม่ปลื้ม เพราะหากอ้างตรรกะเดียวกันทีมของตนแม้จะจบด้วยอันดับ 18 แต่ก็ควรจะมีสิทธิ์อยู่ใน 20 ทีมเหมือนกัน กลายเป็นว่าไม่แฟร์สำหรับทีมเก่าแก่จากแจ้งวัฒนะอีก
ที่สำคัญมันไม่แฟร์สำหรับทีมชาติไทยด้วย เพราะการเพิ่มเป็น 20 ทีม หมายถึงทุกสโมสรต้องแข่งขันกันเพิ่มอีก 4 นัด รวมแล้วเป็น 38 นัดในลีก แถมยังมีโปรแกรมฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่หากว่าจะคว้าแชมป์อาจต้องเตะ 5 นัด เช่นเดียวกับ ลีก คัพ ที่เป็น 5 นัดเหมือนกัน พร้อมกับยกตัวอย่างให้ดูชมเลยว่าฤดูกาลที่แล้ว นัดสุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชิงแชมป์เอฟเอ คัพ กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อันถือเป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาลยังเตะตั้งวันที่ 26 ธันวาคม หมายความว่านักเตะทีมชาติไทยจะต้องกรำศึกหนักตลอดปี
แล้วทีมชาติไทย มีโปรแกรมต้องลงแข่งขันทั้งฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย แถมยังมีโปรแกรมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ "ซูซูกิ คัพ" ที่มาจ่อรอปลายปีอีก แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้...
ภายหลังจากบอร์ด ไทยพรีเมียร์ลีก มีมติเพิ่มจำนวนสโมสรในลีกสูงสุดฤดูกาล 2016 จากเดิม 18 ทีม เป็น 20 ทีม ด้วยเหตุผลที่เพื่อให้ทันต่อการเปิดลีกในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากมีการฟ้องร้องกันระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด เรื่องการส่งผู้เล่นต่างชาติเกินโควตา เกรงว่าคำตัดสินของศาล หรือรวมไปถึงการฟ้องร้องต่อ ฟีฟา จะล่าช้าจนอาจกระทบต่อลีก และการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ทีมอย่าง บีอีซี เทโรศาสน ที่จบอันดับ 16 ได้อยู่ในไทยพรีเมียร์ลีกต่อไป แทนที่จะตกชั้น ส่วนอันดับ 17 อย่าง การท่าเรือ และ ทีโอที เอสซี ทีมอันดับ 18 ซึ่งเป็นบ๊วย ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าทีมใดจะได้อยู่ต่อตาม "มังกรไฟ" นั้น ยังไม่มีคำตอบแต่อย่างใด
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ 3 สโมสรที่อยู่ในบอร์ด "ทีพีแอล" อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , ชลบุรี เอฟซี และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เป็นอย่างมาก เพราะมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มทีมกระทันหันเช่นนั้น ซึ่งเมื่อรับมติดังกล่าวไม่ได้จึงตัดสินใจอำลาจากบอร์ดทั้งหมด
จะว่าไปบอร์ดไทยพรีเมียร์ลีก ออกจะแปลกๆ สักหน่อย เมื่อมีเพียงแค่ 5 สโมสรเท่านั้นที่อยู่ในบอร์ด ส่วนอีก 11 คนที่เหลือมีทนาย มีคุณหมอ มีสื่อมวลชน มีผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสด แต่ไม่มีตัวแทนจากสโมสรอื่นๆ อีก 13 สโมสรร่วมอยู่ด้วย ที่สำคัญสโมสรที่มีผลได้ผลเสียครั้งนี้อย่าง บีอีซี เทโรฯ ก็มีตัวแทนอยู่ในบอร์ดครั้งนี้ จึงมีคำถามจาก เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ฯ ว่าไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างหรือ?
ขณะที่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดจาก "ทีพีแอล" ว่าระหว่าง การท่าเรือ หรือ ทีโอที ทีมใดจะได้อีก 1 สิทธิ์สำหรับอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อฤดูกาลหน้า "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรดังย่านคลองเตย จัดแถลงข่าวเชิญสื่อมวลชนมาชี้แจงจุดยืนของสโมสรว่าจะไม่ขอเตะเพลย์ออฟเพื่อหาทีมตกชั้นกับ "ฮัลโหล" แน่นอน โดยให้เหตุผลว่าทีมตนจบอันดับ 17 ควรเป็น 1 ใน 20 ทีมสำหรับฤดูกาลหน้า
การพูดเช่นนี้อาจได้ใจแฟนบอลของตัวเอง แต่ที่แน่ๆ แฟนบอลและผู้บริหาร ทีโอที เอสซี ย่อมไม่ปลื้ม เพราะหากอ้างตรรกะเดียวกันทีมของตนแม้จะจบด้วยอันดับ 18 แต่ก็ควรจะมีสิทธิ์อยู่ใน 20 ทีมเหมือนกัน กลายเป็นว่าไม่แฟร์สำหรับทีมเก่าแก่จากแจ้งวัฒนะอีก
ที่สำคัญมันไม่แฟร์สำหรับทีมชาติไทยด้วย เพราะการเพิ่มเป็น 20 ทีม หมายถึงทุกสโมสรต้องแข่งขันกันเพิ่มอีก 4 นัด รวมแล้วเป็น 38 นัดในลีก แถมยังมีโปรแกรมฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่หากว่าจะคว้าแชมป์อาจต้องเตะ 5 นัด เช่นเดียวกับ ลีก คัพ ที่เป็น 5 นัดเหมือนกัน พร้อมกับยกตัวอย่างให้ดูชมเลยว่าฤดูกาลที่แล้ว นัดสุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชิงแชมป์เอฟเอ คัพ กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อันถือเป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาลยังเตะตั้งวันที่ 26 ธันวาคม หมายความว่านักเตะทีมชาติไทยจะต้องกรำศึกหนักตลอดปี
แล้วทีมชาติไทย มีโปรแกรมต้องลงแข่งขันทั้งฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย แถมยังมีโปรแกรมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ "ซูซูกิ คัพ" ที่มาจ่อรอปลายปีอีก แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้...