คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ยังไม่ทันข้ามปี ตลาดซื้อ - ขายนักเตะ ในศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ก็คึกคักกันแล้ว หลายทีมเดินหน้าล่าตัวแข้งใหม่เข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บ ทว่า “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี กลับจำต้องทยอยปล่อยผู้เล่นตัวหลักที่เป็นคีย์แมนให้กับทีมมายาวนานออกไป
ชลบุรี เอฟซี ร้างโทรฟีสำคัญมาเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกัน แชมป์สุดท้ายที่ได้ คือ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2010 นอกจากนั้น มีเพียง ถ้วยพระราชทาน ก มาปลอบใจ 2 ครั้ง ปี 2011 และ 2012 โดยซีซันล่าสุดจบที่อันดับ 4 ซึ่งนับเป็นการหลุดจากท็อป 3 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ดังนั้น สิ่งที่แฟนบอลฉลามชลอยากจะเห็น ก็คือ การที่ทีมรักเร่งเครื่องเสริมทัพ กระชากสตาร์ฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทีม เพื่อแสดงความมุ่งมั่นว่าทีมจะกลับไปแก้มืออีกครั้งในฤดูกาลหน้า แต่ทว่าสถานการณ์กลับตรงกันข้าม นอกจากจะยังไม่ได้แข้งใหม่แล้ว ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายในสโมสรอีกต่างหาก
ไล่ตั้งแต่การเสีย 2 แข้งซีเนียร์ของทีมให้คู่ปรับบนหัวตารางอย่าง อดุล หละโสะ กองกลางที่อยู่กับทีมมา 11 ปี ให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายด่านรองกัปตันทีม ที่เฝ้าเสามา 18 ปี ที่เตรียมซบ สุพรรณบุรี เอฟซี รวมถึง 2 สตาร์บราซิเลียน จูเลียโน มิเนย์โร เพลย์เมกเกอร์ และ ติอาโก คุนญา ดาวซัลโวของทีม ที่ตะบันรวม 45 ประตู จาก 59 นัด ตลอด 3 ปีที่ลงเล่นในถิ่น ชลบุรี สเตเดียม
นอกจากนี้ ยังมีแววว่า จะเสีย ภูริทัต จาริกานนท์ ตัวตัดเกม ที่จ่อย้ายตาม “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ อดีตกุนซือไปร่วมงานกันที่ พีทีที ระยอง สู้ศึก ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชัน 1) ฤดูกาลหน้า นอกจากนี้ ยังอาจรวมถึง “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง วัย 18 ปี หากได้รับสัญญาจาก เอฟซี โตเกียว ที่เจ้าตัวไปเทสต์แข้งถึงประเทศญี่ปุ่น
ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การเลือกดัน เทิดศักดิ์ ใจมั่น ตัวเก๋าวัย 42 ปี ขึ้นทำหน้าที่กุนซือใหญ่เป็นครั้งแรก เสมือนเป็นการรับเผือกร้อน เพราะนอกจากจะมือใหม่แล้ว สภาพความพร้อมของทีมยังยวบลงกว่าเดิม และแฟนคลับเองก็คงรู้ดีว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นต้นสังกัดทุ่มเงินก้อนโตกระชากดาวดังเข้ามาทดแทน เพราะไม่ใช่นโยบายของสโมสร มีเพียง ณรงค์ จันทร์เสวก จากบางกอกกล๊าส เอฟซี และ ประกิต ดีพร้อม จากบุรีรัมย์ ที่เข้ามาใหม่ ทั้งหมดจึงดูเหมือนเป็นการถอยหลังลงคลอง จากทีมที่เคยลุ้นแย่งแชมป์ กลับโละตัวหลักจนแทบจะไม่เหลือ
ทว่า การก้าวเท้ากลับครั้งนี้นับว่าเป็นที่น่าจับตาไม่ใช่น้อย หากส่ายตาดูจะพบว่าปัจจุบัน “ฉลามชล” เหลือผู้เล่นจากชุดคว้าแชมป์ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2007 เพียง 2 รายเท่านั้น คือ พิภพ อ่อนโม้ ศูนย์หน้ากัปตันทีม วัย 36 ปี กับ ชลทิตย์ จันทคาม แบ็กขวาพันธุ์ดุ วัย 30 ปี ดังนั้น การปล่อย “บังดุล - ซูเปอร์ตี๋” ไป อาจมองว่าเป็นการเปิดทางให้เลือดใหม่ขึ้นมาแทนก็ย่อมได้ เพราะทั้งคู่น่าจะหมดความท้าทายกับสโมสรแห่งนี้แล้ว การเลือกดันดาวรุ่งที่มีความกระหายขึ้นมาให้ “น้าเทิด” บ่มเพาะ อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้าตามากกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แฟนบอลชลบุรี เอฟซี ควรจะต้องมั่นใจในบอร์ดบริหาร พร้อมเอาใจช่วยและเชียร์ทีมรักต่อไป สุดท้ายขอยืมคำพูดเท่ ๆ จาก “เจ้าตี๋” สินทวีชัย มาเป็นกำลังใจให้สาวก “บลู ชาร์ค” เพื่อเป็นพลังสู้กันต่อในปีใหม่นี้
- แม้อาจต้องเจอกับคลื่นทะเลที่ผันผวน จะช้าหรือเร็ว “ฉลาม” ยังคงต้องว่ายต่อไปอย่างสง่างาม -
ยังไม่ทันข้ามปี ตลาดซื้อ - ขายนักเตะ ในศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ก็คึกคักกันแล้ว หลายทีมเดินหน้าล่าตัวแข้งใหม่เข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บ ทว่า “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี กลับจำต้องทยอยปล่อยผู้เล่นตัวหลักที่เป็นคีย์แมนให้กับทีมมายาวนานออกไป
ชลบุรี เอฟซี ร้างโทรฟีสำคัญมาเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกัน แชมป์สุดท้ายที่ได้ คือ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2010 นอกจากนั้น มีเพียง ถ้วยพระราชทาน ก มาปลอบใจ 2 ครั้ง ปี 2011 และ 2012 โดยซีซันล่าสุดจบที่อันดับ 4 ซึ่งนับเป็นการหลุดจากท็อป 3 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ดังนั้น สิ่งที่แฟนบอลฉลามชลอยากจะเห็น ก็คือ การที่ทีมรักเร่งเครื่องเสริมทัพ กระชากสตาร์ฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทีม เพื่อแสดงความมุ่งมั่นว่าทีมจะกลับไปแก้มืออีกครั้งในฤดูกาลหน้า แต่ทว่าสถานการณ์กลับตรงกันข้าม นอกจากจะยังไม่ได้แข้งใหม่แล้ว ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายในสโมสรอีกต่างหาก
ไล่ตั้งแต่การเสีย 2 แข้งซีเนียร์ของทีมให้คู่ปรับบนหัวตารางอย่าง อดุล หละโสะ กองกลางที่อยู่กับทีมมา 11 ปี ให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายด่านรองกัปตันทีม ที่เฝ้าเสามา 18 ปี ที่เตรียมซบ สุพรรณบุรี เอฟซี รวมถึง 2 สตาร์บราซิเลียน จูเลียโน มิเนย์โร เพลย์เมกเกอร์ และ ติอาโก คุนญา ดาวซัลโวของทีม ที่ตะบันรวม 45 ประตู จาก 59 นัด ตลอด 3 ปีที่ลงเล่นในถิ่น ชลบุรี สเตเดียม
นอกจากนี้ ยังมีแววว่า จะเสีย ภูริทัต จาริกานนท์ ตัวตัดเกม ที่จ่อย้ายตาม “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ อดีตกุนซือไปร่วมงานกันที่ พีทีที ระยอง สู้ศึก ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชัน 1) ฤดูกาลหน้า นอกจากนี้ ยังอาจรวมถึง “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง วัย 18 ปี หากได้รับสัญญาจาก เอฟซี โตเกียว ที่เจ้าตัวไปเทสต์แข้งถึงประเทศญี่ปุ่น
ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การเลือกดัน เทิดศักดิ์ ใจมั่น ตัวเก๋าวัย 42 ปี ขึ้นทำหน้าที่กุนซือใหญ่เป็นครั้งแรก เสมือนเป็นการรับเผือกร้อน เพราะนอกจากจะมือใหม่แล้ว สภาพความพร้อมของทีมยังยวบลงกว่าเดิม และแฟนคลับเองก็คงรู้ดีว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นต้นสังกัดทุ่มเงินก้อนโตกระชากดาวดังเข้ามาทดแทน เพราะไม่ใช่นโยบายของสโมสร มีเพียง ณรงค์ จันทร์เสวก จากบางกอกกล๊าส เอฟซี และ ประกิต ดีพร้อม จากบุรีรัมย์ ที่เข้ามาใหม่ ทั้งหมดจึงดูเหมือนเป็นการถอยหลังลงคลอง จากทีมที่เคยลุ้นแย่งแชมป์ กลับโละตัวหลักจนแทบจะไม่เหลือ
ทว่า การก้าวเท้ากลับครั้งนี้นับว่าเป็นที่น่าจับตาไม่ใช่น้อย หากส่ายตาดูจะพบว่าปัจจุบัน “ฉลามชล” เหลือผู้เล่นจากชุดคว้าแชมป์ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2007 เพียง 2 รายเท่านั้น คือ พิภพ อ่อนโม้ ศูนย์หน้ากัปตันทีม วัย 36 ปี กับ ชลทิตย์ จันทคาม แบ็กขวาพันธุ์ดุ วัย 30 ปี ดังนั้น การปล่อย “บังดุล - ซูเปอร์ตี๋” ไป อาจมองว่าเป็นการเปิดทางให้เลือดใหม่ขึ้นมาแทนก็ย่อมได้ เพราะทั้งคู่น่าจะหมดความท้าทายกับสโมสรแห่งนี้แล้ว การเลือกดันดาวรุ่งที่มีความกระหายขึ้นมาให้ “น้าเทิด” บ่มเพาะ อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้าตามากกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แฟนบอลชลบุรี เอฟซี ควรจะต้องมั่นใจในบอร์ดบริหาร พร้อมเอาใจช่วยและเชียร์ทีมรักต่อไป สุดท้ายขอยืมคำพูดเท่ ๆ จาก “เจ้าตี๋” สินทวีชัย มาเป็นกำลังใจให้สาวก “บลู ชาร์ค” เพื่อเป็นพลังสู้กันต่อในปีใหม่นี้
- แม้อาจต้องเจอกับคลื่นทะเลที่ผันผวน จะช้าหรือเร็ว “ฉลาม” ยังคงต้องว่ายต่อไปอย่างสง่างาม -