ผู้จัดการรายวัน 360 - ถือเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก หลังจากสโมสร "เอฟซี โตเกียว" ทีมดังในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น บรรลุข้อตกลงดึงตัว "เจ้ายิม" วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ กองกลางดาวรุ่งของชลบุรี เอฟซี และกัปตันชุด ยู-19 ไปร่วมทดสอบฝีเท้า ที่ประเทศญี่ปุ่น 1 สัปดาห์เต็ม
สำหรับ “ยิม” กลายเป็นที่จับตามองในฤดูกาลนี้ หลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในสีเสื้อ “ฉลามชล ” และเคยเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ไทยลีก หลังพังประตูได้ในเกมพบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ด้วยวัยเพียง 17 ปี 360 วัน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ก่อนจะโดนดาวรุ่งจาก เชียงราย ยูไนเต็ด ลบสถิติดังกล่าวไปแล้ว)
โดยดาวเตะที่เคยมีประสบการณ์ไปทดสอบฝีเท้ากับ เลสเตอร์ ซิตี และเพิ่งจะคว้ารางวัลดาวซัลโว ในศึก เอเอฟเอฟ U-19 ในปีนี้ ยอมรับรู้สึกกดดันกับการเดินทางไปสอบฝีเท้าครั้งนี้ แต่จะไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือเพื่อตามรอย วิทยา เลาหกุล อดีตผู้เล่นที่เคยค้าแข้งที่แดนอาทิตย์อุทัยมาแล้ว
"ยอมรับว่าตอนนี้การันตีไม่ได้ว่าทีมในญี่ปุ่นจะเลือกเราหรือไม่ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ที่กำลังจะได้โอกาสล้ำค่าครั้งนี้ แน่นอนว่าผมเองก็ยังเด็ก ยังต้องเรียนรู้และพัฒนาฝีเท้าอีกมาก ไปครั้งนี้ก็รู้สึกกดดันอยู่แล้ว แต่ก็หวังว่าผมจะทำผลงานให้ดีที่สุด และแอบหวังลึกๆ ว่าจะทำสำเร็จได้โอกาสค้าแข้งที่ญี่ปุ่น เหมือนโค้ชเฮง (วิทยา) เคยทำได้มาแล้ว" แข้งหน้าตี๋เผย
ซึ่งก่อนเดินทาง "เจ้ายิม" ยอมรับว่ามีการศึกษาสไตล์การเล่นฟุตบอลของนักเตะญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะใช้การต่อบอลสั้นที่สวยงาม เล่นเป็นทีมเวิร์ก วินัยในการเล่นสูง แต่อาจต้องการาผู้เล่นภายนอกประเทศที่มีทักษะแตกต่าง รวมถึงขยายฐานแฟนคลับไปสู่ระดับเอเชียมากขึ้น จนสโมสรต่างๆ เริ่มมองหาการตลาดวิธีใหม่นั่นคือเปิดตลาดอาเซียน ที่ประชากรคลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างมาก ด้วยการเปิดโควตาอาเซียนให้มีได้ทีมละ 1 คนเพื่อหวังจะให้ชาวอาเซียนหันมาสนใจลีกญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น หากมองด้วยแง่มุมดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ "เจ้ายิม" อาจได้รับโอกาสเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ค้าแข้งในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น
แข้งค่าย “ฉลามชล” กล่าวอีกว่า "ส่วนตัวผมเคยดูเจลีกเวลาที่แข่งขันกัน วัฒนธรรมการเชียร์บ้านเขาจะไม่ฮึกเหิมเหมือนเรา จนรู้สึกได้ว่าการค้าแข้งในประเทศไทยจะสนุกกว่า แต่ถ้ามองในแง่ของการพัฒนาฝีเท้า ผมมั่นใจว่าจะได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีระเบียบวินัยที่เข้มงวด จะช่วยฝึกให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้กับนักเตะฝีเท้าที่อยู่ในระดับแถวหน้าของเอเชีย"
"ที่สำคัญการเดินทางไปครั้งนี้ เราไม่มีคนตามไปดูแล มีเพียงฝ่ายประสานงานของสโมสรชลบุรี เอฟซี เท่านั้น ทำให้ได้ฝึกการตัดสินใจ การแก้ไขสถานการณ์ การเผชิญภาวะกดดันต่างๆ ใน 1 สัปดาห์ที่ญี่ปุ่นผมจะทำให้ดีที่สุด และหากได้เซ็นสัญญาจริง คงจะไม่มีอะไรให้ห่วง ไม่ว่าจะเป็นสโมสร หรือทีมชาติ เพราะเชื่อว่าสามารถหาคนมาแทนได้ อีกทั้งเป็นเรื่องดีที่ผมจะนำประสบการณ์ที่ได้จากเจลีกมาปรับใช้กับทีมชาติไทยต่อไป" กองกลางชาวเชียงใหม่ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ด้วยฝีเท้าที่การันตีความสามารถเกินอายุของ วรชิต คงไม่มีข้อกังขาในการถูกเลือกเข้ารับการทดสอบในครั้งนี้ แต่ด้วยสภาพจิตใจที่ยังไร้ซึ่งประสบการณ์ในต่างแดน ทำให้ "เซอร์เด็จ" จเด็จ มีลาภ อดีตกุนซืนฉลามชล อดห่วงแข้งวัย 18 ปีไม่ได้ "ด้วยฝีเท้าของยิมเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ห่วงคือสภาพร่างกายที่ยังไม่ฟิต 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับกล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับคู่ต่อสู้ระดับแนวหน้าของเอเชีย จึงอยากให้เจ้าตัวให้ความสำคัญในส่วนนี้ให้มาก รวมทั้งสภาพจิตใจที่จะมีผลกระทบโดยตรงกับการแข่งขัน ถ้าสามารถคลายความกดดันของตัวเองลงได้ เชื่อว่าเราจะได้เห็นเขาโลดแล่นในต่างแดนแน่นอน"
สำหรับ เอฟซี โตเกียว ก่อตั้งเมื่อปี 1935 เดิมชื่อ "โตเกียว แก๊ส ฟุตบอลคลับ และมีฉายา "แก๊ส" หรือ "เดอะ แก๊ส เมน" สนามเหย้าคือ อะยิโนะโมะโตะสเตเดียม ความจุราว 50,000 ที่นั่ง โดยเคยคว้าแชมป์ เจลีก เมื่อปี 1998, แชมป์เจ 2 ปี 2011 รวมถึงแชมป์ เจลีก คัพ 2 สมัย และ แชมป์ดิเอ็มเพอร์เรอร์คัพ 1 สมัย ขณะที่ฤดูกาลล่าสุดจบอันดับที่ 4 ในเจลีก