ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคมนี้ มีโปรแกรมโม่แข้ง ซึ่งที่ผ่านมาเตะไปแล้ว 18 นัดก็ถือว่าผ่านพ้นช่วงครึ่งทางของฤดูกาล ดังนั้น “เดลี เมล” สื่อดังของเมืองผู้ดีจึงสรุปภาพรวมมาฝากกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นน่าสนใจแบ่งเป็น 10 ข้อได้ดังนี้
“จิ้งจอก” บินได้ - หลังจาก 12 เดือนก่อนหน้านี้ที่อยู่ท้ายตาราง เลสเตอร์ ซิตี ไต่ขึ้นมานั่งจ่าฝูงภายใต้การคุมทัพของ เคลาดิโอ รานิเอรี ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์ แต่ก็มีประสบการณ์ผ่านเวทีนี้กับ เชลซี สาเหตุหลักต้องขอบคุณการถล่มประตูของ เจมี วาร์ดี กับ ริยาด มาห์เรซ 2 แนวรุกที่ซัดไปคนละ 15 กับ 13 ประตูตามลำดับ
อำลา “มูรินโญ” - ปีที่แล้ว โชเซ มูรินโญ เป็นคนพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก แต่ทีมไม่มีทางเลือกต้องไล่ออกเพราะสตาร์ทเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 เริ่มตั้งแต่ศึก เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ ที่แพ้ อาร์เซนอล 0-1 มีปัญหากับ อีวา คาร์เนโร หมอสาว โดยไปหาว่าเธอทำหน้าที่บกพร่องเกมแรกที่เปิดบ้านเสมอ สวอนซี ซิตี 2-2 จากนั้นถูกปรับ 50,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.7 ล้านบาท) แบน 1 นัด เพราะด่ากรรมการเกมแพ้ เซาแธมป์ตัน 1-3 สุดท้ายอ้างว่ามีนักเตะทรยศ ซึ่งแฟนบอลชูป้ายว่าคือ ดิเอโก กอสตา, เอเดน ฮาซาร์ด และ เชส ฟาเบรกาส
คู่หู “วัตฟอร์ด” - ปีที่แล้วยังโลดแล่นเวที แชมเปียนชิป อยู่เลย แต่ว่าได้ โอดิออน อิกาโล กับ ทรอย ดีนีย์ 2 ตัวรุกช่วยกันยิงคนละ 13 กับ 6 ประตูตามลำดับ โดยเฉพาะรายแรกที่ยิงได้ 5 นัดติดต่อกันด้วย
“ทิม เชอร์วูด” - พา แอสตัน วิลลา รอดตกชั้นรวมถึงเข้าชิง เอฟเอ คัพ ปีที่แล้ว แต่ว่าอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษอย่าง เชอร์วูด ก็ไม่รอดถูกไล่ออก แม้ว่าเปลี่ยนกุนซือแล้วก็ไม่กระเตื้องมีเพียง 8 แต้มจาก 18 นัดห่างจากอันดับ 19 อยู่ 4 แต้มถ้าไม่รีบเร่งเครื่องรับรองลำบากแน่นอน ที่เลวร้ายก็คือยิงได้น้อยสุด 15 ประตูทั้งทีม
น้องใหม่มาแรง - เสียนักเตะบาดเจ็บระนาวทั้ง คัลลัม วิลสัน, ไทโรน มิงก์ส และ แม็กซ์ กราเดล แต่ว่า บอร์นมัธ ภายใต้การคุมทัพของ เอ็ดดี โฮว์ ก็ไม่นำมาเป็นข้อแก้ตัวเนื่องจากผลงานใช้ได้รั้งอันดับ 14 มี 20 แต้ม อย่างไรก็ตาม อย่าชะล่าใจอย่างเด็ดขาด ผู้เล่นเด่นก็คือ วิลสัน ที่ซัดไปแล้ว 5 ประตู
จอมหนึบ - โจ ฮาร์ท มือ 1 ทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี มีหนาว ๆ ร้อน ๆ เมื่อเจอกับ แจ๊ค บัตแลนด์ ของ สโต๊ก ซิตี โดยถูกดึงเข้ามาแทน อัสเมียร์ เบโกวิช ที่ขายให้กับ เชลซี ซึ่งก็ดีเกินคาดน่าจะได้ไปลุยศึก ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสกลางปีหน้า ผลงานคลีนชีต 9 นัดทีมเสียไปทั้งสิ้น 16 ประตูจาก 18 นัด
การมาของ “คล็อปป์” - สมใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล กับการได้ เจอร์เกน คล็อปป์ อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ามากู้วิกฤตแทน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ถูกไล่ออกไป ซึ่งผลงานโดยรวมคือชนะ 8 เสมอ 5 และแพ้ 3 นัดถือว่าไม่ขี้เหร่และอยู่ในช่วงปรับจูน อย่างไรก็ตาม ดันไปมีปากเสียงกับ โทนี พูลิส เกมเปิดบ้านเสมอ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 2-2
สัตว์ร้ายจอมถล่มประตู - ค่าตัวที่ เอฟเวอร์ตัน ซื้อมาจาก เชลซี คือ 28 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,540 ล้านบาท) โดยยิงได้ 2 ประตูตอนจบเดือนกันยายน แต่หลังจากนั้นประตูก็ไหลมาเทมาตอนนี้ยิงไปแล้วรวมทุกรายการ 16 ประตูแยกเป็น 13 ประตูนับเฉพาะบนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในสีเสื้อ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” โรเมลู ลูกากู หอกทีมชาติเบลเยียมซัดรวมไปแล้ว 52 ประตู
พ่อมด “ออซ” - เมซุต โอซิล กองกลางทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลกปี 2014 คือจอมแอสซิสต์สตัวจริง โดยปีนี้ถวายพานให้เพื่อนไปแล้ว 15 ประตูจาก 17 นัด แบ่งให้ โอลิเยร์ ชิรูด์ หอกฝรั่งเศสยิงมากที่สุด 6 ประตูตามด้วย อเล็กซิส ซานเชซ, ธีโอ วัลค็อตต์, โจเอล แคมป์เบลล์, อารอน แรมซีย์ และ คีแรน กิ๊บบ์ส รวมแล้วใกล้ทำลายสถิติ 20 แอสซิสต์สของ เธียร์รี อองรี ดาวยิงตำนานที่ทำเอาไว้ตลอดฤดูกาล 2002-03 ถ้าไม่โชคร้ายเจ็บเสียก่อน
ผู้มาเยือนที่น่ากลัว - ถ้าหาก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ปรับปรุงผลงานในบ้านของตนเองรับรองได้ท้าทายท็อปซิกซ์อย่างแน่นอน เพราะนอกบ้านนั้นปราบ อาร์เซนอล 2-0, ลิเวอร์พูล 3-0 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-1 ยามออกมาเยือนชนะไปแล้วถึง 4 นัดเก็บได้ 16 แต้มจากทั้งหมด 26 แต้มตอนนี้ แต่ว่านอกบ้านชนะแค่ 2 นัด
