ขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด ยืนยันไม่ได้ฮั้วช่วยให้ บีอีซี เทโรศาสน ได้ 3 แต้มฟรี พร้อมโต้ไม่ได้เปลี่ยนตัวผิดกฎจนถูกปรับแพ้ ลั่นเดินหน้าเต็มที่ถึงศาลปกครอง
หลังจากที่ คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ปรับผลการแข่งขันให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด แพ้ต่อ บีอีซี เทโรศาสน 0-3 หลัง "แข้งเทพ" เปลี่ยนตัวผู้เล่นต่างชาติเกินโควตาในเกมที่บุกชนะ "มังกรไฟ" 1-0 ศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมด้วยกุนซือ มาโน โพลกิง ร่วมกับตัวแทนจากสโมสร ราชนาวี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, สระบุรี เอฟซี และการท่าเรือ เอฟซี ตั้งโต๊ะแถลงการณ์ตอบโต้ถึงกรณีดังกล่าว ที่ อาคารทรูทาวเวอร์ (รัชดา)
นายขจร ยืนยันว่าทีมตนไม่ได้ทำผิดกฎแต่อย่างใด โดยระบุว่า ในการเปลี่ยนตัวผู้เล่นต่างชาติกฎระเบียบข้อ 5.3 (1) ระบุว่าจะต้องมีผู้เล่นต่างชาติในสนาม 3 คน และสามารถเพิ่มผู้เล่นต่างชาติเป็นโควตาเอเชียได้อีก 1 คน จากนั้นในข้อ 5.3 (4) ระบุการเปลี่ยนตัวของผู้เล่นต่างชาตินั้น ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นต่างชาติใดบ้าง จึงต้องตีความว่าในสนามสามารถมีผู้เล่นต่างชาติ 3 คนได้ โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องโควตาเอเชีย อีกต่อไป
"ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเราทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่าง ดังนั้นการวินิจฉัย ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวของกรรมการในครั้งนี้ทำให้เราไม่สบายใจมาก ที่ผ่านมามีข่าวบอกว่าผมฮั้วให้ บีอีซี เทโรฯ ไม่ตกชั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกทีมสามารถส่งทนายมาร่วมกับเราได้ โดยวันนี้ผมจะยื่นอุทธรณ์แน่นอน หากคณะกรรมการฯยังยืนยันตามเดิม ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปรครองต่อไป เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเรามาก ทั้งเรื่องการหาสปอนเซอร์ ที่ต้องดูตามอันดับคะแนน รวมถึงเงินสนับสนุนจากทีพีแอลในแต่ละอันดับ และที่ทำให้เราเสียชื่อเสียง"
"ในกฎข้อใบแดง ระเบียบเขียนไว้แค่ว่าโควตาต่างชาติ ไม่ได้มีการแบ่งสัดส่วน ดังนั้นเราจึงไม่ผิด หากคณะกรรมการฯต้องการจะให้เป็นแบบนั้น ก็สามารถแก้ไขในกฎของปีหน้าได้ แต่ปีนี้ก็ต้องยึดตามลายลักษณ์อักษรที่เขียนไว้ ที่สำคัญในเกมนั้นก็ไม่มีใครยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ทั้งผู้ตัดสินที่ 4 หรือ แมตช์คอมมิชชันเนอร์ จึงแสดงว่าเราสามารถทำได้" นายใหญ่แข้งเทพ กล่าว
ด้าน มาโน โพลกิง กุนซือ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าเข้าใจในกฎ 3+1(เอเชีย) ซึ่งในกฎเขียนไว้ชัดเจนว่า หากผู้เล่นต่างชาติโดนใบแดง ไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นไทยออกและนำผู้เล่นต่างชาติเข้าไปเล่นเพิ่มได้อีก ซึ่งตนก็ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะเมื่อจบเกมทีมก็มีโควตาผู้เล่นต่างชาติในสนาม 3 คน ส่วนอีก 1 คนโดนใบแดง ซึ่งกฎไม่ได้ระบุว่ามีการแบ่งสัดส่วนว่าต้องเป็นผู้เล่นต่างชาติหรือเอเชีย
ขณะที่ตัวแทนจาก 4 สโมสรโซนท้ายตาราง ที่มาร่วมแถลงการณ์ด้วยในครั้งนี้ แสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ต้องการให้คณะกรรมการฯมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการลุ้นทำคะแนนของหลายทีม รวมถึงสภาพจิตใจของคนทำทีมและแฟนบอล พร้อมฝากให้เป็นบทเรียน