คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดยุคใหม่ของประเทศไทยดำเนินมาเป็นปีที่ 8 แล้ว แต่การปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับ ของแต่ละสโมสรยังมีปัญหาตลอดมา โดยเฉพาะเรื่องการตีความเกี่ยวกับโควต้านักเตะต่างชาติที่ลงเล่นในสนามของแต่ละทีม
เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บีอีซี เทโรศาสน ทีมที่อัดแน่นไปด้วยนักเตะดีกรีทีมชาติในทุกระดับ แต่แฟนๆกลับต้องคอยเฝ้าลุ้นทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เนื่องจากยังมีแค่ 27 คะแนน รั้งอันดับ 14 วนเวียนอยู่ใกล้โซนตกชั้น ต้อนรับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 มี 47 คะแนน น้อยกว่า ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี เพียงแค่คะแนนเดียว ทำให้มีโอกาสลุ้นเป็นอันดับ 3 และคว้าโควต้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนสลีก ฤดูกาลหน้าด้วย
ผลนัดดังกล่าวจบลงด้วยความพ่ายแพ้คาบ้านของ บีอีซี จากการเสียประตูเดียวในนาทีที่ 52 โดย “โจโจ้” เจย์ซี จอห์น อ๊อควุนวานเน่ (Jaycee John Okwunwanne) ดาวยิงชาวบาห์เรน ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ แบงค็อก ตอนเปิดตลาดเล้กสองนี่เอง เป็นคนซัดเต็มข้อเข้าประตูไป ทำให้ บีอีซี ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก คะแนนไม่ขยับ ในขณะที่ทีมร่วมลุ้นหนีตกชั้นทั้ง ชัยนาท เอฟซี การท่าเรือ เอฟซี สระบุรี เอฟซี ต่างก็เก็บชัยชนะไปได้ทุกทีมตั้งแต่นัดวันเสาร์ บีอีซี ต้องร่วงลงมาอยู่ในโซนตกชั้น
แต่สิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นในนัดนั้น และเป็นเรื่องที่ คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องหยิบยกขึ้นมาดูก็คือ แบงค็อก ซึ่งส่งผู้เล่นต่างชาติลงสนามครบตามโควต้าแล้ว มาถึงนาทีที่ 56 คาลิฟา ซิสเซ่ (Kalifa Cisse) กองกลางร่างโย่ง ชาวมาลี ของ แบงค็อก ไปเตะหนักใส่นักเตะ บีอีซี ผู้ตัดสินให้ใบแดงไล่ออกจากสนาม แล้วนาทีที่ 78 แบงค็อก เปลี่ยนเอา โรแเม็ง กาสมี่ (Romain Gasmi) นักเตะฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโควต้าต่างชาติทั่วไป ลงมาแทน “โจโจ้” ที่ลงในโควต้านักเตะต่างชาติสัญชาติเอเชีย ทำให้นักเตะต่างชาติของ แบงค็อก มีจำนวนเกินกว่าที่ ข้อบังคับและระเบียบว่าด้วยการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทย พ.ศ. 2558 อนุญาตไว้
โดยในข้อ 5.3 (1) ระบุให้ทีมในลีกสูงสุดส่งผู้เล่นชาวต่างชาติลงได้ 3 คนตลอดการแข่งขัน และให้ลงเพิ่มได้อีก 1 คนในกรณีที่เป็นผู้เล่นที่มีสัญชาติอยู่ในประเทศสมาชิกของ AFC อันนี้มันก็คือ กฎที่เราเรียกว่า 3+1 นั่นเอง นอกจากนั้นในข้อ 5.3 (4) ยังมีเขียนดักเอาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้เล่นต่างชาติโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โควต้าผู้เล่นต่างชาติที่อยู่ในสนามก็ต้องลดจำนวนลงไปตาม ไม่ใช่ว่าจะนำนักเตะไทยออก แล้วส่งนักเตะต่างชาติลงไปเติมให้ครบจำนวน 4 คน
ข้อสำคัญมันอยู่ตรงความเข้าใจไม่ถูกต้องในกฎของการแข่งขัน นึกไปว่านักเตะต่างชาติ 3+1 นั้นก็คือ 4 คน เมื่อนักเตะต่างชาติของตนโดนไล่ออกไปและต้องลดจำนวนลง จาก 4 คนในสนามเหลือแค่ 3 ดังนั้น จะส่งนักเตะต่างชาติทั่วไปลงอีกก็ได้ เพราะตราบใดที่มีนักเตะต่างชาติ 3 คนคงไม่ผิดกฎ
อันนี้ คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ 7 คน พิจารณาว่า 3 คือต่างชาติทั่วไป และ 1 คือ ต่างชาติเอเชีย ในเมื่อ ต่างชาติทั่วไปถูกไล่ออกไป 1 คน โควต้าที่เหลือจะต้องเป็น 2+1 แต่นี่ทาง แบงค็อก เล่นเปลี่ยนเป็น 3+0 จึงถือว่าผิดกฎ ทำให้ล่าสุด คณะกรรมการฯ ตัดสินให้ แบงค็อก แพ้ในเกมดังกล่าว 0-3 และยังถูกปรับเงินอีก 3 หมื่นบาทด้วย
งานนี้ถือเป็นความไม่แม่นกฎของฝ่าย แบงค็อก เองล้วนๆ โทษใครไม่ได้ นอกจากจะส่งผลให้ บีอีซี ได้ 3 แต้ม ขึ้นมาอยู่อันดับ 13 พลิกฟื้นคืนชีพ ไม่ต้องติดอยู่ในโซนตกชั้นแล้วยังทำเอาบรรดาทีมใกล้โซนตกชั้น ทั้ง ศรีสะเกษ ชัยนาท สระบุรี และราชนาวี ฝันค้างไปด้วย นึกว่าจะมี บีอีซี ลงไปเล่น ยามาฮ่า ลีก วัน แทน นอกจากนั้น การที่ แบงค็อก ถูกริบ 3 แต้มคืน คงมี 47 แต้มเท่าเดิม โอกาสลุ้นจบฤดูกาลที่อันดับ 3 คว้าโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งห่างมือไปอีกไกล ทีมที่ได้รับผลดีกลับกลายเป็น บางกอกกล๊าส ที่ได้รับชัยชนะในคืนวันเดียวกัน ยืนอยู่อันดับ 3 ทีมเดียว ถีบตัวทิ้งห่าง ไม่มีใครมาหายใจรดต้นคอให้เปียกชื้นครับ
โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดยุคใหม่ของประเทศไทยดำเนินมาเป็นปีที่ 8 แล้ว แต่การปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับ ของแต่ละสโมสรยังมีปัญหาตลอดมา โดยเฉพาะเรื่องการตีความเกี่ยวกับโควต้านักเตะต่างชาติที่ลงเล่นในสนามของแต่ละทีม
เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บีอีซี เทโรศาสน ทีมที่อัดแน่นไปด้วยนักเตะดีกรีทีมชาติในทุกระดับ แต่แฟนๆกลับต้องคอยเฝ้าลุ้นทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เนื่องจากยังมีแค่ 27 คะแนน รั้งอันดับ 14 วนเวียนอยู่ใกล้โซนตกชั้น ต้อนรับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 มี 47 คะแนน น้อยกว่า ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี เพียงแค่คะแนนเดียว ทำให้มีโอกาสลุ้นเป็นอันดับ 3 และคว้าโควต้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนสลีก ฤดูกาลหน้าด้วย
ผลนัดดังกล่าวจบลงด้วยความพ่ายแพ้คาบ้านของ บีอีซี จากการเสียประตูเดียวในนาทีที่ 52 โดย “โจโจ้” เจย์ซี จอห์น อ๊อควุนวานเน่ (Jaycee John Okwunwanne) ดาวยิงชาวบาห์เรน ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ แบงค็อก ตอนเปิดตลาดเล้กสองนี่เอง เป็นคนซัดเต็มข้อเข้าประตูไป ทำให้ บีอีซี ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก คะแนนไม่ขยับ ในขณะที่ทีมร่วมลุ้นหนีตกชั้นทั้ง ชัยนาท เอฟซี การท่าเรือ เอฟซี สระบุรี เอฟซี ต่างก็เก็บชัยชนะไปได้ทุกทีมตั้งแต่นัดวันเสาร์ บีอีซี ต้องร่วงลงมาอยู่ในโซนตกชั้น
แต่สิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นในนัดนั้น และเป็นเรื่องที่ คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องหยิบยกขึ้นมาดูก็คือ แบงค็อก ซึ่งส่งผู้เล่นต่างชาติลงสนามครบตามโควต้าแล้ว มาถึงนาทีที่ 56 คาลิฟา ซิสเซ่ (Kalifa Cisse) กองกลางร่างโย่ง ชาวมาลี ของ แบงค็อก ไปเตะหนักใส่นักเตะ บีอีซี ผู้ตัดสินให้ใบแดงไล่ออกจากสนาม แล้วนาทีที่ 78 แบงค็อก เปลี่ยนเอา โรแเม็ง กาสมี่ (Romain Gasmi) นักเตะฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโควต้าต่างชาติทั่วไป ลงมาแทน “โจโจ้” ที่ลงในโควต้านักเตะต่างชาติสัญชาติเอเชีย ทำให้นักเตะต่างชาติของ แบงค็อก มีจำนวนเกินกว่าที่ ข้อบังคับและระเบียบว่าด้วยการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทย พ.ศ. 2558 อนุญาตไว้
โดยในข้อ 5.3 (1) ระบุให้ทีมในลีกสูงสุดส่งผู้เล่นชาวต่างชาติลงได้ 3 คนตลอดการแข่งขัน และให้ลงเพิ่มได้อีก 1 คนในกรณีที่เป็นผู้เล่นที่มีสัญชาติอยู่ในประเทศสมาชิกของ AFC อันนี้มันก็คือ กฎที่เราเรียกว่า 3+1 นั่นเอง นอกจากนั้นในข้อ 5.3 (4) ยังมีเขียนดักเอาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้เล่นต่างชาติโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โควต้าผู้เล่นต่างชาติที่อยู่ในสนามก็ต้องลดจำนวนลงไปตาม ไม่ใช่ว่าจะนำนักเตะไทยออก แล้วส่งนักเตะต่างชาติลงไปเติมให้ครบจำนวน 4 คน
ข้อสำคัญมันอยู่ตรงความเข้าใจไม่ถูกต้องในกฎของการแข่งขัน นึกไปว่านักเตะต่างชาติ 3+1 นั้นก็คือ 4 คน เมื่อนักเตะต่างชาติของตนโดนไล่ออกไปและต้องลดจำนวนลง จาก 4 คนในสนามเหลือแค่ 3 ดังนั้น จะส่งนักเตะต่างชาติทั่วไปลงอีกก็ได้ เพราะตราบใดที่มีนักเตะต่างชาติ 3 คนคงไม่ผิดกฎ
อันนี้ คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ 7 คน พิจารณาว่า 3 คือต่างชาติทั่วไป และ 1 คือ ต่างชาติเอเชีย ในเมื่อ ต่างชาติทั่วไปถูกไล่ออกไป 1 คน โควต้าที่เหลือจะต้องเป็น 2+1 แต่นี่ทาง แบงค็อก เล่นเปลี่ยนเป็น 3+0 จึงถือว่าผิดกฎ ทำให้ล่าสุด คณะกรรมการฯ ตัดสินให้ แบงค็อก แพ้ในเกมดังกล่าว 0-3 และยังถูกปรับเงินอีก 3 หมื่นบาทด้วย
งานนี้ถือเป็นความไม่แม่นกฎของฝ่าย แบงค็อก เองล้วนๆ โทษใครไม่ได้ นอกจากจะส่งผลให้ บีอีซี ได้ 3 แต้ม ขึ้นมาอยู่อันดับ 13 พลิกฟื้นคืนชีพ ไม่ต้องติดอยู่ในโซนตกชั้นแล้วยังทำเอาบรรดาทีมใกล้โซนตกชั้น ทั้ง ศรีสะเกษ ชัยนาท สระบุรี และราชนาวี ฝันค้างไปด้วย นึกว่าจะมี บีอีซี ลงไปเล่น ยามาฮ่า ลีก วัน แทน นอกจากนั้น การที่ แบงค็อก ถูกริบ 3 แต้มคืน คงมี 47 แต้มเท่าเดิม โอกาสลุ้นจบฤดูกาลที่อันดับ 3 คว้าโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งห่างมือไปอีกไกล ทีมที่ได้รับผลดีกลับกลายเป็น บางกอกกล๊าส ที่ได้รับชัยชนะในคืนวันเดียวกัน ยืนอยู่อันดับ 3 ทีมเดียว ถีบตัวทิ้งห่าง ไม่มีใครมาหายใจรดต้นคอให้เปียกชื้นครับ