คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ฟุตบอลลีกกำลังลุ้นกันชนิดเข้าด้ายเข้าเข็ม ตั้งแต่หัวยันท้ายตาราง แต่ต้องพักเบรกให้กับโปรแกรมทีมชาติอีกครั้ง ในการเตรียมเปิดบ้านรับมือ ไต้หวัน ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม เอฟ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วของปีนี้ (นัดสุดท้าย อิรัก-ไทย แข่งปีหน้า) ดังนั้นจึงพามาสรุปสถานการณ์ของตารางคะแนนก่อนกลับมาดวลแข้งกันใน 6 นัดที่เหลือ โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จ่อสร้างสถิติใหม่มากมาย
แชมป์ปีนี้คงไร้ปัญหาสำหรับจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มี 68 คะแนน จาก 28 นัด เมื่อคู่แข่งตัวเป้งอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดีกรีแชมป์ 3 สมัย สะดุดขาตัวเอง 2 นัด จากการเสมอ ทีโอที เอสซี 1-1 และแพ้ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-2 ทิ้งช่องว่างห่าง 5 แต้ม แม้ทางทฤษฎีจะมีความเป็นไปได้ แต่ทางปฏิบัติต้องบอกว่าแทบจะไม่มีหวัง เพราะยี่ห้อ “ปราสาทสายฟ้า” ที่เดินหน้าคว้าชัยรวดมาแล้ว 10 นัดติด คงยากที่จะพลาด โดย 6 เกมที่เหลือจะเจอ เชียงราย ยูไนเต็ด (ห) นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (ห) บางกอกกล๊าส เอฟซี (ย) สระบุรี เอฟซี (ห) บีอีซี เทโรศาสน (ย) และ การท่าเรือ เอฟซี (ย)
หากคว้าแชมป์สำเร็จ บุรีรัมย์ จะกลายเป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุด 4 สมัย ต่อจากปี 2011 2013 และ 2014 อีกทั้งยังจะเป็นทีมแรกที่ครองโทรฟีใบนี้ 3 สมัยติดต่อกัน และหากกำชัยรวดในอีก 6 เกมที่เหลือ บวกเพิ่มเป็น 86 คะแนนได้ จะเป็นการทำลายสถิติเก็บแต้มสูงสุดต่อฤดูกาลที่ตนเคยทำไว้เมื่อปี 2011 คือ 85 คะแนน และยังจะทำสถิติเก็บชัยชนะต่อฤดูกาลมากที่สุด คือ 26 นัด เทียบเท่าที่เคยทำไว้เมื่อปี 2011 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีลุ้นเป็นทีมที่ยิงประตูต่อซีซันมากที่สุดหลังทำไปแล้ว 73 ประตู โดยสถิติปัจจุบันเป็นของ “กิเลนผยอง” ที่ทำไว้ 78 ประตู เมื่อฤดูกาล 2012
ในส่วนของตัวผู้เล่น ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ดาวยิงบราซิเลียนของทีม มีลุ้นที่จะผงาดครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดต่อซีซันเช่นกัน หลังระเบิดไปแล้ว 24 ประตู รั้งอันดับ 2 เท่ากับที่ ธีรศิลป์ แดงดา และ เคลย์ตัน ซิลวา ทำได้เมื่อปี 2012 ขาดอีกเพียง 3 ตุงก็จะแซงผู้นำอย่าง เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส หอกจากราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ทำไว้ 26 ประตูเมื่อซีซันก่อนได้ ซึ่งดูแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน
ลำดับถัดมาบนหัวตารางกำลังขับเคี่ยวอย่างดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะโควตาอันดับ 3 ยังมีลุ้นที่จะได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ปีหน้า หาก บุรีรัมย์ หรือ เอสซีจี เมืองทองฯ ทีมใดทีมหนึ่งได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ซีซันนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในรอบตัดเชือกทั้งคู่ โดยเป็น ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี (48 คะแนน) สุพรรณบุรี เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด (47 คะแนน) และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี (46 คะแนน) ที่กำลังไล่บี้กันอย่างสนุก
ส่วนท้ายตารางเรียกได้ว่าลุ้นกันสนุกที่สุด ทีโอที เอสซี ทีมบ๊วยน่าจะตกชั้นแน่นอนแล้ว โดยมีคะแนนตามหลังโซนปลอดภัยถึง 12 แต้ม ส่วนตั๋วมรณะอีก 2 ใบยังระทึก ไล่มาตั้งแต่อันดับ 13 ราชนาวี (28 คะแนน) อันดับ 14-15 บีอีซี เทโรศาสน, ชัยนาท ฮอร์นบิล (27 คะแนน) อันดับ 16 การท่าเรือ เอฟซี (23 คะแนน) และอันดับ 17 สระบุรี เอฟซี (22 คะแนน) ที่สามารถพลิกโผได้ทุกเมื่อ
สุดท้ายที่ต้องแสดงความยินดีก็คือ “เดอะ โปลิศ” เพื่อนตำรวจ ที่การันตีคว้าตั๋วคัมแบ็กสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังโกยแต้มทิ้งห่างอันดับ 4 ในศึกยามาฮ่า ลีก วัน ถึง 21 แต้ม ส่วนโควตาอีก 2 ทีมยังต้องลุ้นกันอีกยาว
ฟุตบอลลีกกำลังลุ้นกันชนิดเข้าด้ายเข้าเข็ม ตั้งแต่หัวยันท้ายตาราง แต่ต้องพักเบรกให้กับโปรแกรมทีมชาติอีกครั้ง ในการเตรียมเปิดบ้านรับมือ ไต้หวัน ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม เอฟ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วของปีนี้ (นัดสุดท้าย อิรัก-ไทย แข่งปีหน้า) ดังนั้นจึงพามาสรุปสถานการณ์ของตารางคะแนนก่อนกลับมาดวลแข้งกันใน 6 นัดที่เหลือ โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จ่อสร้างสถิติใหม่มากมาย
แชมป์ปีนี้คงไร้ปัญหาสำหรับจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มี 68 คะแนน จาก 28 นัด เมื่อคู่แข่งตัวเป้งอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดีกรีแชมป์ 3 สมัย สะดุดขาตัวเอง 2 นัด จากการเสมอ ทีโอที เอสซี 1-1 และแพ้ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-2 ทิ้งช่องว่างห่าง 5 แต้ม แม้ทางทฤษฎีจะมีความเป็นไปได้ แต่ทางปฏิบัติต้องบอกว่าแทบจะไม่มีหวัง เพราะยี่ห้อ “ปราสาทสายฟ้า” ที่เดินหน้าคว้าชัยรวดมาแล้ว 10 นัดติด คงยากที่จะพลาด โดย 6 เกมที่เหลือจะเจอ เชียงราย ยูไนเต็ด (ห) นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (ห) บางกอกกล๊าส เอฟซี (ย) สระบุรี เอฟซี (ห) บีอีซี เทโรศาสน (ย) และ การท่าเรือ เอฟซี (ย)
หากคว้าแชมป์สำเร็จ บุรีรัมย์ จะกลายเป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุด 4 สมัย ต่อจากปี 2011 2013 และ 2014 อีกทั้งยังจะเป็นทีมแรกที่ครองโทรฟีใบนี้ 3 สมัยติดต่อกัน และหากกำชัยรวดในอีก 6 เกมที่เหลือ บวกเพิ่มเป็น 86 คะแนนได้ จะเป็นการทำลายสถิติเก็บแต้มสูงสุดต่อฤดูกาลที่ตนเคยทำไว้เมื่อปี 2011 คือ 85 คะแนน และยังจะทำสถิติเก็บชัยชนะต่อฤดูกาลมากที่สุด คือ 26 นัด เทียบเท่าที่เคยทำไว้เมื่อปี 2011 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีลุ้นเป็นทีมที่ยิงประตูต่อซีซันมากที่สุดหลังทำไปแล้ว 73 ประตู โดยสถิติปัจจุบันเป็นของ “กิเลนผยอง” ที่ทำไว้ 78 ประตู เมื่อฤดูกาล 2012
ในส่วนของตัวผู้เล่น ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ดาวยิงบราซิเลียนของทีม มีลุ้นที่จะผงาดครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดต่อซีซันเช่นกัน หลังระเบิดไปแล้ว 24 ประตู รั้งอันดับ 2 เท่ากับที่ ธีรศิลป์ แดงดา และ เคลย์ตัน ซิลวา ทำได้เมื่อปี 2012 ขาดอีกเพียง 3 ตุงก็จะแซงผู้นำอย่าง เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส หอกจากราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ทำไว้ 26 ประตูเมื่อซีซันก่อนได้ ซึ่งดูแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน
ลำดับถัดมาบนหัวตารางกำลังขับเคี่ยวอย่างดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะโควตาอันดับ 3 ยังมีลุ้นที่จะได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ปีหน้า หาก บุรีรัมย์ หรือ เอสซีจี เมืองทองฯ ทีมใดทีมหนึ่งได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ซีซันนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในรอบตัดเชือกทั้งคู่ โดยเป็น ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี (48 คะแนน) สุพรรณบุรี เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด (47 คะแนน) และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี (46 คะแนน) ที่กำลังไล่บี้กันอย่างสนุก
ส่วนท้ายตารางเรียกได้ว่าลุ้นกันสนุกที่สุด ทีโอที เอสซี ทีมบ๊วยน่าจะตกชั้นแน่นอนแล้ว โดยมีคะแนนตามหลังโซนปลอดภัยถึง 12 แต้ม ส่วนตั๋วมรณะอีก 2 ใบยังระทึก ไล่มาตั้งแต่อันดับ 13 ราชนาวี (28 คะแนน) อันดับ 14-15 บีอีซี เทโรศาสน, ชัยนาท ฮอร์นบิล (27 คะแนน) อันดับ 16 การท่าเรือ เอฟซี (23 คะแนน) และอันดับ 17 สระบุรี เอฟซี (22 คะแนน) ที่สามารถพลิกโผได้ทุกเมื่อ
สุดท้ายที่ต้องแสดงความยินดีก็คือ “เดอะ โปลิศ” เพื่อนตำรวจ ที่การันตีคว้าตั๋วคัมแบ็กสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังโกยแต้มทิ้งห่างอันดับ 4 ในศึกยามาฮ่า ลีก วัน ถึง 21 แต้ม ส่วนโควตาอีก 2 ทีมยังต้องลุ้นกันอีกยาว