คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ค่ำคืนวันพุธที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เกมฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก มีเหตุการณ์ให้พูดถึงมากมาย เริ่มจาก การท่าเรือ เอฟซี เปิดสนามแพท สเตเดียม ปราชัยอย่างหมดรูปให้กับ อาร์มี ยูไนเต็ด 0-2 พร้อมกับสถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกชั้น เมื่อแข่งขันไป 27 นัด มีเพียง 20 คะแนน รั้งอันดับ 17 ยึดตำแหน่งรองบ๊วยอย่างเหนียวแน่น แม้จะได้ มาซาฮิโร วาดะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ผู้เคยปลุกปล้ำนำทีม ชลบุรี เอฟซี คว้ารองแชมป์ลีกในฤดูกาลก่อน แต่ก็ยังไม่อาจปลุกสโมสรในตำนานลูกหนังไทยตื่นขึ้นมาเก็บแต้มหนีตายได้อย่างใจแฟนบอลและทีมบริหาร เมื่อครบ 90 นาทีจึงได้เห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของ "คุณแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ หลั่งใหลออกมา
แม้จะสงสารผู้บริหารคนสวย แต่ความซวยอันหนักหนาสาหัสไม่ได้เกิดที่แพท สเตเดียม เท่านั้น หากแต่ที่สนามเอสซีจี สเตเดียม ก็เกิดเหตุให้แฟนฟุตบอลทั่วประเทศได้จดจำและโจษขานกันสนั่นหวั่นไหวในค่ำคืนเดียวกัน เมื่อ เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม ชลบุรี เอฟซี เละเทะ 4-2 ซึ่งดราม่าบังเกิดในนาทีที่ 41 ขณะที่เจ้าถิ่นนำอยู่ถึง 2-0 จังหวะเข้าปะทะแย่งบอลกันระหว่าง "แบงค์" ภูริทัต จาริกานนท์ มิดฟิลด์ทีมเยือนกับ "กัปตันโก้" ดัสกร ทองเหลา กองกลางจอมเก๋าที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็เห็นว่าถึงบอลช้ากว่าคู่แข่ง ลงไปนอนดีดดิ้นให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ต ถึงตอนนี้ อลงกรณ์ ฝีมือช่าง ผู้ตัดสินที่หน้าอกมีตรา "ฟีฟา" ประทับหราไม่รอช้า ชูใบแดงไล่ ภูริทัต ออกทันที
ภายหลังเกม จเด็จ มีลาภ กุนซือ "ฉลาม" ยังยอมรับความเฉียบคมของแนวรุกเมืองทองฯ ที่แม้จะมีโอกาสพอๆ กันแต่ กลับเป็นคู่แข่งที่ปิดบัญชีได้เด็ดขาดกว่า พร้อมกับรับสภาพเตรียมใจมาแล้วว่าวันนี้กลัวที่สุดคือจุดโทษ และใบแดง สุดท้ายสิ่งที่กลัวก็ปรากฎขึ้นจนได้ แม้จะเสียจุดโทษ แต่การได้ใบแดงแบบนี้ก็เตรียมใจยอมรับลำบากเหมือนกัน
ด้าน "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธาน ชลบุรี เอฟซี เองก็รับไม่ไหวกับใบแดงของ ภูริทัต เพราะมันเป็นใบแดงโดยตรง ทั้งที่นักเตะเองเข้าถึงบอลก่อน และดูอย่างไรก็ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอย่าง ดัสกร แน่นอน จึงต้องยื่นอุทธรณ์โทษใบแดงต่อ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หมายลดโทษลงมา เพื่อจะได้ลงสนามนัดต่อไปได้
สิ่งที่ต้องยอมรับคือ เกมนั้น ชลบุรี เอฟซี ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเลย แถมแนวรับยังคงรั่วสุดๆ กับการเช็กล้ำหน้าแนวรุกที่จัดจ้านของ เมืองทองฯ อันประกอบด้วย มาริโอ ยูรอฟสกี, ธีรศิลป์ แดงดา และ คลีตัน ซิลวา ที่พร้อมพาบอลไปถล่มตาข่ายได้ตลอดเวลา แต่การชักใบแดงไล่ออกแบบไม่ต้องรอใบเหลือง หรือตักเตือนกันของผู้ตัดสิน อลงกรณ์ นำมาซึ่งความพ่ายแพ้แบบยับเยินเกินกว่าที่ควรจะเป็น บวกกับอาการดีดดิ้นปานใจจะขาดของกัปตันคนเก่งยิ่งทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจ
ส่วนตัวไม่ทราบเหมือนกันว่าทั้งคู่รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์คืนวันนั้น ดัสกร จะดีใจ, สุขใจ กับชัยชนะ และการทำให้ทีมได้เปรียบ หรือภูมิใจกับสิ่งที่ทำลงไปต่อนักเตะรุ่นน้องอย่าง ภูริทัต หรือไม่? แต่สิ่งที่ตามมาในฐานะแฟนฟุตบอลคนหนึ่งคงติดภาพของกัปตันทีมรายนี้ว่าไม่น่ารักเหมือนเคย ขณะที่ผู้ตัดสินอย่าง อลงกรณ์ แม้ว่า พล.อ.ชินเสน ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินจะออกมายืนยันว่าทำหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบตามมาคือความหวาดระแวงต่อการลงทำหน้าที่ในนัดต่อไปไม่เชื่อก็ลองเอาชื่อตัวเองไปนั่งเซิร์จกูเกิลดูก็ได้ว่ามีคนรักมากขนาดไหน...
ค่ำคืนวันพุธที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เกมฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก มีเหตุการณ์ให้พูดถึงมากมาย เริ่มจาก การท่าเรือ เอฟซี เปิดสนามแพท สเตเดียม ปราชัยอย่างหมดรูปให้กับ อาร์มี ยูไนเต็ด 0-2 พร้อมกับสถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกชั้น เมื่อแข่งขันไป 27 นัด มีเพียง 20 คะแนน รั้งอันดับ 17 ยึดตำแหน่งรองบ๊วยอย่างเหนียวแน่น แม้จะได้ มาซาฮิโร วาดะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ผู้เคยปลุกปล้ำนำทีม ชลบุรี เอฟซี คว้ารองแชมป์ลีกในฤดูกาลก่อน แต่ก็ยังไม่อาจปลุกสโมสรในตำนานลูกหนังไทยตื่นขึ้นมาเก็บแต้มหนีตายได้อย่างใจแฟนบอลและทีมบริหาร เมื่อครบ 90 นาทีจึงได้เห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของ "คุณแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ หลั่งใหลออกมา
แม้จะสงสารผู้บริหารคนสวย แต่ความซวยอันหนักหนาสาหัสไม่ได้เกิดที่แพท สเตเดียม เท่านั้น หากแต่ที่สนามเอสซีจี สเตเดียม ก็เกิดเหตุให้แฟนฟุตบอลทั่วประเทศได้จดจำและโจษขานกันสนั่นหวั่นไหวในค่ำคืนเดียวกัน เมื่อ เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม ชลบุรี เอฟซี เละเทะ 4-2 ซึ่งดราม่าบังเกิดในนาทีที่ 41 ขณะที่เจ้าถิ่นนำอยู่ถึง 2-0 จังหวะเข้าปะทะแย่งบอลกันระหว่าง "แบงค์" ภูริทัต จาริกานนท์ มิดฟิลด์ทีมเยือนกับ "กัปตันโก้" ดัสกร ทองเหลา กองกลางจอมเก๋าที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็เห็นว่าถึงบอลช้ากว่าคู่แข่ง ลงไปนอนดีดดิ้นให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ต ถึงตอนนี้ อลงกรณ์ ฝีมือช่าง ผู้ตัดสินที่หน้าอกมีตรา "ฟีฟา" ประทับหราไม่รอช้า ชูใบแดงไล่ ภูริทัต ออกทันที
ภายหลังเกม จเด็จ มีลาภ กุนซือ "ฉลาม" ยังยอมรับความเฉียบคมของแนวรุกเมืองทองฯ ที่แม้จะมีโอกาสพอๆ กันแต่ กลับเป็นคู่แข่งที่ปิดบัญชีได้เด็ดขาดกว่า พร้อมกับรับสภาพเตรียมใจมาแล้วว่าวันนี้กลัวที่สุดคือจุดโทษ และใบแดง สุดท้ายสิ่งที่กลัวก็ปรากฎขึ้นจนได้ แม้จะเสียจุดโทษ แต่การได้ใบแดงแบบนี้ก็เตรียมใจยอมรับลำบากเหมือนกัน
ด้าน "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธาน ชลบุรี เอฟซี เองก็รับไม่ไหวกับใบแดงของ ภูริทัต เพราะมันเป็นใบแดงโดยตรง ทั้งที่นักเตะเองเข้าถึงบอลก่อน และดูอย่างไรก็ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอย่าง ดัสกร แน่นอน จึงต้องยื่นอุทธรณ์โทษใบแดงต่อ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หมายลดโทษลงมา เพื่อจะได้ลงสนามนัดต่อไปได้
สิ่งที่ต้องยอมรับคือ เกมนั้น ชลบุรี เอฟซี ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเลย แถมแนวรับยังคงรั่วสุดๆ กับการเช็กล้ำหน้าแนวรุกที่จัดจ้านของ เมืองทองฯ อันประกอบด้วย มาริโอ ยูรอฟสกี, ธีรศิลป์ แดงดา และ คลีตัน ซิลวา ที่พร้อมพาบอลไปถล่มตาข่ายได้ตลอดเวลา แต่การชักใบแดงไล่ออกแบบไม่ต้องรอใบเหลือง หรือตักเตือนกันของผู้ตัดสิน อลงกรณ์ นำมาซึ่งความพ่ายแพ้แบบยับเยินเกินกว่าที่ควรจะเป็น บวกกับอาการดีดดิ้นปานใจจะขาดของกัปตันคนเก่งยิ่งทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจ
ส่วนตัวไม่ทราบเหมือนกันว่าทั้งคู่รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์คืนวันนั้น ดัสกร จะดีใจ, สุขใจ กับชัยชนะ และการทำให้ทีมได้เปรียบ หรือภูมิใจกับสิ่งที่ทำลงไปต่อนักเตะรุ่นน้องอย่าง ภูริทัต หรือไม่? แต่สิ่งที่ตามมาในฐานะแฟนฟุตบอลคนหนึ่งคงติดภาพของกัปตันทีมรายนี้ว่าไม่น่ารักเหมือนเคย ขณะที่ผู้ตัดสินอย่าง อลงกรณ์ แม้ว่า พล.อ.ชินเสน ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินจะออกมายืนยันว่าทำหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบตามมาคือความหวาดระแวงต่อการลงทำหน้าที่ในนัดต่อไปไม่เชื่อก็ลองเอาชื่อตัวเองไปนั่งเซิร์จกูเกิลดูก็ได้ว่ามีคนรักมากขนาดไหน...
