xs
xsm
sm
md
lg

เปลืองโค้ช / แมวดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

ถึงเวลานี้ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก เข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาลอย่างเต็มตัว โดยเหลือการแข่งขันทีมละ 9 นัด สถานการณ์ลุ้นแชมป์หนีไม่พ้น 2 ทีมยักษ์ใหญ่ที่ปีนี้สูสีเหลือเกิน เอสซีจี เมืองทองฯ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีแต้มเท่ากัน ต่างฝ่ายต่างก็หมายมั่นจะเอาถ้วยแชมป์กลับไปโชว์ที่บ้านของตนให้ได้ ขณะที่ บุรีรัมย์ แพ้ใครก็แพ้ได้ แต่ห้ามแพ้ เมืองทอง เด็ดขาด งานนี้คงต้องแข่งกันไล่ยิงประตูคู่แข่งให้มากที่สุด

ฟากทีมหนีตายท้ายตาราง ก็น่าลุ้นอยู่ไม่น้อย เมื่อทีมระดับตำนานอย่าง การท่าเรือ เอฟซี, บีอีซี เทโรศาสน ต้องมาดีดดิ้นอยู่ปลายตารางคะแนน แต่ดูท่าว่า "มังกรไฟ" จะเริ่มฟื้นค่อยๆ ขยับแต้มหนีมาจนถึงอันดับที่ 14 แล้ว ส่วนที่จองตั๋วสู่ดิวิชั่น 1 แล้วคงเป็น ทีโอที เอสซี ที่แข่ง 25 นัดมีแค่ 14 คะแนนจมบ๊วยสนิทนิ่งอยู่ในเวลานี้

สำหรับสถานการณ์หนีตายเวลานี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะแต่ละทีมไม่สามารถซื้อหาผู้เล่นมาปรับปรุงทีมได้แล้ว จะทำได้ก็เพียงแค่เปลี่ยนโค้ชเท่านั้น โดยทีมที่ใช้โค้ชเปลืองเอามากๆ มีอยู่หลายทีม เริ่มกันที่ บีอีซี เทโรฯ ที่เปิดฤดูกาลด้วย โบซิดาร์ บันโดวิช ต่อมาเป็น เคนนี ชีลส์ ก่อนจะมาใช้ "กัปตันอ้น" รังสรรค์ วิวัฒชัยโชค เป็นกุนซือขัดตาทัพชั่วคราวแล้วมาจบที่ มานูเอล คาจูดา โค้ชชาวโปรตุเกสในวันนี้ เช่นเดียวกับ "ขุนศึก" สระบุรี เอฟซี ที่นอกจากจะมีปัญหากับอดีตผู้สนับสนุนที่ไม่ยอมควักเงินสนับสนุน (งงมั้ย) ยังผ่านการเปลี่ยนกุนซือมาแล้วถึง 3 ราย เมื่อเริ่มต้นใช้ "มร.แบน" ธชตวัน ศรีปาน ที่พาทีมเลื่อนชั้นมาสู่ลีกสูงสุด แต่เมื่อกลับไปยืนระยะอยู่ท้ายตารางจึงเปลี่ยนมาเป็น มิกา ลอนน์สตรอม และอาการยังโคมาไม่ฟื้นจึงตกมาถึงมือ "โค้ชเบ๊" ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก

อีกทีมที่ขยันเปลี่ยนโค้ชคือ "ฮัลโหล" ทีโอที เอสซี ที่ใช้บริการ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม มายาวนานจนคาดว่าน่าจะถึงจุดอิ่มตัวมาสู่การร่วมงานกับ รอยเตอร์ โมไรรา แต่สุดท้ายโค้ชนอกไม่เวิร์คกลับมาใช้โค้ชไทยอย่าง อภิสิทธิ์ ไข่แก้ว ทว่าผู้สนับสนุนกลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงิน สุดท้ายจึงต้องเปลี่ยนกลับมาใช้ เทเวศน์ กมลสินธุ์ คุมทัพภายใต้การบริหารงานของ ทีโอที บริษัทแม่ นับไปนับมาทีมนี้ใช้โค้ชถึง 4 คนในการแข่งขันฟุตบอลลีก 25 นัด

แต่ทีมที่เปลี่ยนโค้ชบ่อยและเยอะมากที่สุดในฤดูกาลนี้ คงต้องเป็นทีมตำนานอย่าง การท่าเรือ เอฟซี ที่ใช้โค้ช 5 คน ประกอบด้วย "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม ที่ตอนเริ่มฤดูกาลยังไม่ได้ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ มาบริหารทีม หลังจากนั้นเมื่อเปลี่ยนผู้บริหาร พอดูแล้วทีมอันดับไม่กระเตื้องก็ส่ง อ.ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์ มาแทน แต่ก็ไม่ดีขึ้น กลายเป็น แกรี สตีเวนส์ มารับไม้ต่อจนเมื่อ "โค้ชชาย" ทรัพย์เพิ่ม อำลา ทีโอที นั่นแหละจึงมาร่วมงานกันที่ แพท สเตเดียม ทว่าสุดท้ายกุนซือมาดเซอร์ทำทีมไปไม่กี่เดือนยังไม่อาจหนีโซนตกชั้น จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยการเล่นของหนักอย่าง มาซาฮิโร วาดะ อดีตกุนซือผู้พา ชลบุรี เอฟซี คว้ารองแชมป์ไทยลีกฤดูกาลที่แล้ว

อย่างไรก็ตามการใช้โค้ชถึง 5 คน ใน 1 ฤดูกาล ไม่มีอะไรการันตีว่าผลงานจะออกมาดี "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ผู้เปี่ยมประสบการณ์ ชี้ชัดว่า การร่วมงานกันครั้งนี้ของ วาดะ และ "อาชาเจ้าท่า" ล้วนเสี่ยงพอกัน เนื่องจากนักเตะคงสับสนกับการปรับตัวเข้าหาแท็คติกของโค้ชแต่ละคน อีกทั้งการมีเวลาทำความเข้าใจระหว่างโค้ชกับนักเตะที่น้อยนิด เหลือเพียง 9 นัดจะจบฤดูกาล ถ้ารอดตกชั้นได้ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าพลาดก็จบกัน ที่สำคัญปัญหาของทีม แสดน้ำเงิน น่าจะเป็นเรื่องของตัวผู้เล่นมากกว่า รู้แบบนี้แล้วฤดูกาลหน้าไม่ว่า ท่าเรือ จะกลับไปเริ่มต้นในดิวิชั่น 1 หรืออยู่รอดต่อไปในลีกสูงสุด ก็ช่วยหาตัวผู้เล่นฝีเท้าดีมาเตรียมกันแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาโค้ชกันอีก...


กำลังโหลดความคิดเห็น