คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 เข้าสู่ครึ่งทางแล้ว แต่ละทีมเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจแต่งเติมเสริมทัพกันไป แต่ที่หวือหวาและน่าจับตามากที่สุดคงเป็น การท่าเรือ เอฟซี ที่พลิกโฉมครั้งใหญ่ในการดิ้นรนหนีตกชั้น
ความยิ่งใหญ่ของ การท่าเรือ คงเป็นเพียงตำนานที่ห่างเหินและยังไม่มีทีท่าว่าจะกู้กลับมาได้ หลังจากหลายปีที่ผ่านมาเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด กระทั่งฤดูกาลล่าสุดได้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้ามานั่งแท่นประธานบริหารทีม จึงทำให้หัวใจของแฟนคลับย่านคลองเตยลำพองขึ้นทันตา เพราะรู้ดีว่านายหญิงคนนี้ทุ่มสุดตัวถึงไหนถึงกัน
ทว่าผ่านไปครึ่งทางผลงานของทีมยังไม่กระเตื้อง จมปลักโซนแดง แข่ง 17 นัด ชนะ 4 แพ้ 13 มี 12 แต้ม รั้งที่ 16 ของตาราง เหนือทีมบ๊วยเพียง 4 คะแนน ที่สำคัญ ยังยิงได้น้อยสุดในลีกเพียง 10 ประตู แถมผลงานนอกบ้านยังแพ้รวด 9 นัด จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนโค้ชถึง 4 ราย ไล่ตั้งแต่ “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม, ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์, แกรี สตีเวนส์ และล่าสุดเป็น “โค้ชชาย” สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ที่มาพร้อมทีมงานคู่ใจอย่าง ประจักษ์ เวียงสงค์
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานยังไม่เข้าเป้าเป็นเพราะตัวผู้เล่นที่ถูกรวบรวมแบบฉุกละหุก แทบจะตามมีตามเกิดเมื่อก่อนเปิดฤดูกาล ไม่ว่าโค้ชคนไหนจะเข้ามาก็ยากที่จะผสมผสานให้กลมกล่อม แต่เลกสองนี้ “โค้ชชาย” จะมีสรรพาวุธให้เลือกใช้ล้นมือ
ด้วยอานิสงส์และทุนทรัพย์ของ “มาดามแป้ง” ทำให้เลกสอง การท่าเรือ จะมีแข้งใหม่เข้ามาถึง 9 คน และแต่ละคนพกดีกรีไม่ธรรมดา ผู้รักษาประตู ได้ วีระ เกิดพุดซา จากทีโอที เอสซี เฝ้าเสา ส่วนแผงหลังที่โดนถลุงไปแล้ว 24 ตุง ดึง ดาบิด โรเชลา กับ ทศพล ลาเทศ จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มายืนเซ็นเตอร์
ส่วนแดนกลางได้ “เจ้าแจ๊ค” จิรวัฒน์ มัครมย์ จากบีอีซี เทโรศาสน หวนคืนถิ่นเก่ามาบัญชาการเกมรุกและรับอาสาลูกเซตพีซ ร่วมกับ ศิวกร จักขุประสาท จากกิเลนผยอง โดยมี นิติพงษ์ เสลานนท์ ดาวรุ่งปราสาทสายฟ้า ลากเลื้อยฝั่งขวา พร้อมผนึกกำลังกับของเดิมอย่าง เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์, เกียรติเจริญ เรืองปาน, ฮิโรโนริ ซารูตะ และ กอร์กา เวลาสโซ
ขณะที่กองหน้าที่ปืนฝืด เปลี่ยนใหม่ยกแผง คว้าตัวสองหอกดีกรีทีมชาติไทยอย่าง วุฒิชัย ทาทอง จากเอสซีจี เมืองทองฯ และ สมปอง สอเหลบ จากแบงค็อก ยูไนเต็ด มาล่าตาข่าย พร้อมด้วย เคน วินเซนต์ จากบุรีรัมย์ ในโควตาเอชีย โดยทั้งหมดนั้น เป็นการยืมตัว 4 ราย คือ โรเชลา, วินเซนต์, นิติพงษ์ และ สมปอง ส่วนที่เหลือซื้อขาด
เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้ “โค้ชชาย” เข้ามาปรุงแต่งทีม เพราะกุนซือผู้เคยพา สโมสรมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2006 นั้นประสบการณ์เชี่ยวกราก พา “ฮัลโหล” รอดพ้นการตกชั้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแม้ทีมจะไม่มีเงินซื้อผู้เล่นดี ๆ เหมือนชาวบ้าน ที่สำคัญ ด้วยบารมี และความเป็นนักเลง ยอมหักไม่ยอมงอของเจ้าตัว จะคุมนักเตะและกองเชียร์พันธุ์ดุแห่งถิ่น แพท สเตเดียม อยู่หมัดแน่นอน
ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ การท่าเรือ เอฟซี ในมือการทำทีมของ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ที่เวลานี้เพียบพร้อมทั้งเม็ดเงินและแรงหนุนจากบอร์ดจะทะยานไปได้ไกลขนาดไหน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 เข้าสู่ครึ่งทางแล้ว แต่ละทีมเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจแต่งเติมเสริมทัพกันไป แต่ที่หวือหวาและน่าจับตามากที่สุดคงเป็น การท่าเรือ เอฟซี ที่พลิกโฉมครั้งใหญ่ในการดิ้นรนหนีตกชั้น
ความยิ่งใหญ่ของ การท่าเรือ คงเป็นเพียงตำนานที่ห่างเหินและยังไม่มีทีท่าว่าจะกู้กลับมาได้ หลังจากหลายปีที่ผ่านมาเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด กระทั่งฤดูกาลล่าสุดได้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้ามานั่งแท่นประธานบริหารทีม จึงทำให้หัวใจของแฟนคลับย่านคลองเตยลำพองขึ้นทันตา เพราะรู้ดีว่านายหญิงคนนี้ทุ่มสุดตัวถึงไหนถึงกัน
ทว่าผ่านไปครึ่งทางผลงานของทีมยังไม่กระเตื้อง จมปลักโซนแดง แข่ง 17 นัด ชนะ 4 แพ้ 13 มี 12 แต้ม รั้งที่ 16 ของตาราง เหนือทีมบ๊วยเพียง 4 คะแนน ที่สำคัญ ยังยิงได้น้อยสุดในลีกเพียง 10 ประตู แถมผลงานนอกบ้านยังแพ้รวด 9 นัด จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนโค้ชถึง 4 ราย ไล่ตั้งแต่ “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม, ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์, แกรี สตีเวนส์ และล่าสุดเป็น “โค้ชชาย” สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ที่มาพร้อมทีมงานคู่ใจอย่าง ประจักษ์ เวียงสงค์
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานยังไม่เข้าเป้าเป็นเพราะตัวผู้เล่นที่ถูกรวบรวมแบบฉุกละหุก แทบจะตามมีตามเกิดเมื่อก่อนเปิดฤดูกาล ไม่ว่าโค้ชคนไหนจะเข้ามาก็ยากที่จะผสมผสานให้กลมกล่อม แต่เลกสองนี้ “โค้ชชาย” จะมีสรรพาวุธให้เลือกใช้ล้นมือ
ด้วยอานิสงส์และทุนทรัพย์ของ “มาดามแป้ง” ทำให้เลกสอง การท่าเรือ จะมีแข้งใหม่เข้ามาถึง 9 คน และแต่ละคนพกดีกรีไม่ธรรมดา ผู้รักษาประตู ได้ วีระ เกิดพุดซา จากทีโอที เอสซี เฝ้าเสา ส่วนแผงหลังที่โดนถลุงไปแล้ว 24 ตุง ดึง ดาบิด โรเชลา กับ ทศพล ลาเทศ จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มายืนเซ็นเตอร์
ส่วนแดนกลางได้ “เจ้าแจ๊ค” จิรวัฒน์ มัครมย์ จากบีอีซี เทโรศาสน หวนคืนถิ่นเก่ามาบัญชาการเกมรุกและรับอาสาลูกเซตพีซ ร่วมกับ ศิวกร จักขุประสาท จากกิเลนผยอง โดยมี นิติพงษ์ เสลานนท์ ดาวรุ่งปราสาทสายฟ้า ลากเลื้อยฝั่งขวา พร้อมผนึกกำลังกับของเดิมอย่าง เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์, เกียรติเจริญ เรืองปาน, ฮิโรโนริ ซารูตะ และ กอร์กา เวลาสโซ
ขณะที่กองหน้าที่ปืนฝืด เปลี่ยนใหม่ยกแผง คว้าตัวสองหอกดีกรีทีมชาติไทยอย่าง วุฒิชัย ทาทอง จากเอสซีจี เมืองทองฯ และ สมปอง สอเหลบ จากแบงค็อก ยูไนเต็ด มาล่าตาข่าย พร้อมด้วย เคน วินเซนต์ จากบุรีรัมย์ ในโควตาเอชีย โดยทั้งหมดนั้น เป็นการยืมตัว 4 ราย คือ โรเชลา, วินเซนต์, นิติพงษ์ และ สมปอง ส่วนที่เหลือซื้อขาด
เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้ “โค้ชชาย” เข้ามาปรุงแต่งทีม เพราะกุนซือผู้เคยพา สโมสรมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2006 นั้นประสบการณ์เชี่ยวกราก พา “ฮัลโหล” รอดพ้นการตกชั้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแม้ทีมจะไม่มีเงินซื้อผู้เล่นดี ๆ เหมือนชาวบ้าน ที่สำคัญ ด้วยบารมี และความเป็นนักเลง ยอมหักไม่ยอมงอของเจ้าตัว จะคุมนักเตะและกองเชียร์พันธุ์ดุแห่งถิ่น แพท สเตเดียม อยู่หมัดแน่นอน
ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ การท่าเรือ เอฟซี ในมือการทำทีมของ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ที่เวลานี้เพียบพร้อมทั้งเม็ดเงินและแรงหนุนจากบอร์ดจะทะยานไปได้ไกลขนาดไหน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *