คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ผ่านพ้นครึ่งทางแล้วสำหรับศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 โดยขณะปั่นต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่ทราบว่าผลนัดสุดท้ายของเลกแรกจะออกมาเป็นเช่นไร แต่เชื่อว่าคงไม่มีอะไรพลิกโผมากนักกับตำแหน่งปัจจุบัน นัดที่ 16 ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นำเป็นจ่าฝูง ตามด้วย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งต้องบอกว่าซีซันนี้มีหลายไฮไลท์เกิดขึ้นมากมาย “TIMEOUT” ฉบับนี้จึงขอยกพื้นที่ให้การประมวลผลงานที่ผ่านมาให้ได้ทราบกัน
ในส่วนหัวตาราง “ปราสาทสายฟ้า” แชมป์เก่า กับ “กิเลนผยอง” อยู่ในที่ๆควรอยู่ ดังนั้นสปอร์ตไลท์จึงส่องไปที่อันดับรองลงมา ที่มีหลายทีมทำเซอร์ไพรส์ทะยานขึ้นเกาะกลุ่มผู้นำ อย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี(3), สุพรรณบุรี เอฟซี(4) และ แบงค็อก ยูไนเต็ด(5) ทั้งที่ซีซันก่อนจบที่ 10 6 และ 8 ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้ คือการได้ “กุนซือ” ที่ลงตัว บวกกับทรัพยากรของทีมที่บ่มเพาะประสบการณ์ร่วมกันจนได้ที่ โดย “แข้งเทพ” ได้ มาโน โพลกิง(เยอรมนี) เข้ามาวางรากฐานตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะที่ “บีจี” คว้า ริคาร์โด โรดริเกวซ(สเปน) และ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ได้ เซอร์จิโอ ฟารีอาส(บราซิล) เข้ามาคุมบังเหียนต้นฤดูกาล
ด้าน ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์เก่า ผลงานยังลุ่มๆดอนๆ หนักไปทางผลเสมอถึง 9 เกม อยู่อันดับ 6 แถมเลกสองยังต้องเสีย กีรติ เขียวสมบัติ ที่ช่วยยิงไป 5 ประตู คืนให้ต้นสังกัด ปตท.ระยอง เนื่องจากหมดสัญญายืมตัว อย่างไรก็ตามฤดูกาลก่อน “ฉลามชล” ก็ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มเช่นนี้ ก่อนจะเร่งเครื่องเป็นม้าตีนปลาย เบียดแย่งแชมป์จนนัดสุดท้าย ดังนั้นจึงกาชื่อออกไม่ได้ง่ายๆ
ส่วนท้ายตาราง 2 น้องใหม่ ราชนาวี และ สระบุรี เอฟซี จมปลักโซนแดงตามคาด โดยมี ทีโอที เอสซี ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะตกชั้นตั้งแต่ไก่โห่ หลังเพิ่งแยกทางกับ “โค้ชชาย” สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือคู่บุญผู้พาทีมรอดตายมาทุกปีทั้งที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งเจ้าตัวนับเป็นโค้ชรายที่ 8 ที่ตกเก้าอี้ ต่อจาก สมชาย ชวยบุญชุม(การท่าเรือ เอฟซี), ธชตวัน ศรีปาน(สระบุรีฯ), โบซิดาร์ บันโดวิช(บีอีซี เทโรศาสน), แกรี สตีเวนส์(อาร์มี่ ยูไนเต็ด), มิกา ลอนน์สตรอม(สระบุรีฯ), ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์(การท่าเรือฯ) และ สุรศักดิ์ ตังสุนัตน์(ราชนาวี)
นอกจากนี้ยังมี การท่าเรือ เอฟซี ที่แม้จะได้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง เข้ามานั่งแท่นผู้บริหาร แต่อันดับยังไม่กระเตื้อง คงต้องลุ้นในเลกสองที่เสริมทัพได้เข้าตาหลายตำแหน่ง ส่วน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่เพิ่งจารึกสถิติคนดูในบ้านมากที่สุดของ ไทย พรีเมียร์ ลีก ในเกมเสมอ บุรีรัมย์ 1-1 ด้วยยอด 34,659 คน ผลงานติดลมบน ปลอดภัยกลางตาราง
ขณะที่ทีมที่ทำผลงานช็อคแฟนบอลมากที่สุดคงหนีไม่พ้น บีอีซี เทโรศาสน หลัง 16 เกมแรก ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 8 หล่นมาอยู่ที่ 14 ทั้งที่ซีซันก่อนจบด้วยอันดับ 3 พ่วงแชมป์ ลีก คัพ โดย “มังกรไฟ” ปีนี้เจอปัญหาผู้เล่นตัวหลักล้าและบาดเจ็บหลายราย แต่ละเกมจึงต้องเข็นแข้งดาวรุ่งผสมตัวสำรองลงสนาม
ฟากตัวผู้เล่น ดิโอโก หลุยส์ ซานโต หอกแซมบ้าป้ายแดง ของ บุรีรัมย์ฯ ระเบิดฟอร์มตะบันไปแล้ว 13 ประตู รั้งผู้นำดาวซัลโว โดยมี เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส กองหน้าเพื่อนร่วมชาติ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวปีที่แล้ว 26 ประตู ให้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ตามมาติดๆที่ 11 ตุง ต่อด้วย เคลย์ตัน ซิลวา(เอสซีจี เมืองทองฯ) และ จักรพันธ์ พรใส(สุพรรณบุรีฯ) ที่กระหน่ำไป 9 ประตูเท่ากัน ซึ่ง “เจ้าบอล” ที่ทำไป 4 แอสซิสต์ ยังเป็นแข้งไทยรายเดียวที่ส่งเข้าประกวดใน 12 อันดับแรก
ส่วน “จอมแอสซิสต์” ตกเป็นของ กิลแบร์โต มาเชนา หอกปราสาทสายฟ้า ที่ทำไปแล้ว 6 ครั้ง ตามด้วย “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน เพื่อนร่วมทีม ที่ถวายพานไป 5 ครั้ง เท่ากับ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จากกิเลนผยอง โดยจากนี้ยังเหลืออีก 17 นัดให้ได้ลุ้น ซึ่งดูแล้วเลกสองจะเข้มข้นกว่าเดิมแน่แท้ เพราะแต่ละทีมต่างเสริมทัพเต็มอัตราศึกเพื่อลบจุดบอด พร้อมหวังเร่งเครื่องโกยความสำเร็จ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ผ่านพ้นครึ่งทางแล้วสำหรับศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 โดยขณะปั่นต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่ทราบว่าผลนัดสุดท้ายของเลกแรกจะออกมาเป็นเช่นไร แต่เชื่อว่าคงไม่มีอะไรพลิกโผมากนักกับตำแหน่งปัจจุบัน นัดที่ 16 ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นำเป็นจ่าฝูง ตามด้วย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งต้องบอกว่าซีซันนี้มีหลายไฮไลท์เกิดขึ้นมากมาย “TIMEOUT” ฉบับนี้จึงขอยกพื้นที่ให้การประมวลผลงานที่ผ่านมาให้ได้ทราบกัน
ในส่วนหัวตาราง “ปราสาทสายฟ้า” แชมป์เก่า กับ “กิเลนผยอง” อยู่ในที่ๆควรอยู่ ดังนั้นสปอร์ตไลท์จึงส่องไปที่อันดับรองลงมา ที่มีหลายทีมทำเซอร์ไพรส์ทะยานขึ้นเกาะกลุ่มผู้นำ อย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี(3), สุพรรณบุรี เอฟซี(4) และ แบงค็อก ยูไนเต็ด(5) ทั้งที่ซีซันก่อนจบที่ 10 6 และ 8 ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้ คือการได้ “กุนซือ” ที่ลงตัว บวกกับทรัพยากรของทีมที่บ่มเพาะประสบการณ์ร่วมกันจนได้ที่ โดย “แข้งเทพ” ได้ มาโน โพลกิง(เยอรมนี) เข้ามาวางรากฐานตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะที่ “บีจี” คว้า ริคาร์โด โรดริเกวซ(สเปน) และ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ได้ เซอร์จิโอ ฟารีอาส(บราซิล) เข้ามาคุมบังเหียนต้นฤดูกาล
ด้าน ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์เก่า ผลงานยังลุ่มๆดอนๆ หนักไปทางผลเสมอถึง 9 เกม อยู่อันดับ 6 แถมเลกสองยังต้องเสีย กีรติ เขียวสมบัติ ที่ช่วยยิงไป 5 ประตู คืนให้ต้นสังกัด ปตท.ระยอง เนื่องจากหมดสัญญายืมตัว อย่างไรก็ตามฤดูกาลก่อน “ฉลามชล” ก็ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มเช่นนี้ ก่อนจะเร่งเครื่องเป็นม้าตีนปลาย เบียดแย่งแชมป์จนนัดสุดท้าย ดังนั้นจึงกาชื่อออกไม่ได้ง่ายๆ
ส่วนท้ายตาราง 2 น้องใหม่ ราชนาวี และ สระบุรี เอฟซี จมปลักโซนแดงตามคาด โดยมี ทีโอที เอสซี ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะตกชั้นตั้งแต่ไก่โห่ หลังเพิ่งแยกทางกับ “โค้ชชาย” สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือคู่บุญผู้พาทีมรอดตายมาทุกปีทั้งที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งเจ้าตัวนับเป็นโค้ชรายที่ 8 ที่ตกเก้าอี้ ต่อจาก สมชาย ชวยบุญชุม(การท่าเรือ เอฟซี), ธชตวัน ศรีปาน(สระบุรีฯ), โบซิดาร์ บันโดวิช(บีอีซี เทโรศาสน), แกรี สตีเวนส์(อาร์มี่ ยูไนเต็ด), มิกา ลอนน์สตรอม(สระบุรีฯ), ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์(การท่าเรือฯ) และ สุรศักดิ์ ตังสุนัตน์(ราชนาวี)
นอกจากนี้ยังมี การท่าเรือ เอฟซี ที่แม้จะได้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง เข้ามานั่งแท่นผู้บริหาร แต่อันดับยังไม่กระเตื้อง คงต้องลุ้นในเลกสองที่เสริมทัพได้เข้าตาหลายตำแหน่ง ส่วน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่เพิ่งจารึกสถิติคนดูในบ้านมากที่สุดของ ไทย พรีเมียร์ ลีก ในเกมเสมอ บุรีรัมย์ 1-1 ด้วยยอด 34,659 คน ผลงานติดลมบน ปลอดภัยกลางตาราง
ขณะที่ทีมที่ทำผลงานช็อคแฟนบอลมากที่สุดคงหนีไม่พ้น บีอีซี เทโรศาสน หลัง 16 เกมแรก ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 8 หล่นมาอยู่ที่ 14 ทั้งที่ซีซันก่อนจบด้วยอันดับ 3 พ่วงแชมป์ ลีก คัพ โดย “มังกรไฟ” ปีนี้เจอปัญหาผู้เล่นตัวหลักล้าและบาดเจ็บหลายราย แต่ละเกมจึงต้องเข็นแข้งดาวรุ่งผสมตัวสำรองลงสนาม
ฟากตัวผู้เล่น ดิโอโก หลุยส์ ซานโต หอกแซมบ้าป้ายแดง ของ บุรีรัมย์ฯ ระเบิดฟอร์มตะบันไปแล้ว 13 ประตู รั้งผู้นำดาวซัลโว โดยมี เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส กองหน้าเพื่อนร่วมชาติ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวปีที่แล้ว 26 ประตู ให้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ตามมาติดๆที่ 11 ตุง ต่อด้วย เคลย์ตัน ซิลวา(เอสซีจี เมืองทองฯ) และ จักรพันธ์ พรใส(สุพรรณบุรีฯ) ที่กระหน่ำไป 9 ประตูเท่ากัน ซึ่ง “เจ้าบอล” ที่ทำไป 4 แอสซิสต์ ยังเป็นแข้งไทยรายเดียวที่ส่งเข้าประกวดใน 12 อันดับแรก
ส่วน “จอมแอสซิสต์” ตกเป็นของ กิลแบร์โต มาเชนา หอกปราสาทสายฟ้า ที่ทำไปแล้ว 6 ครั้ง ตามด้วย “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน เพื่อนร่วมทีม ที่ถวายพานไป 5 ครั้ง เท่ากับ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จากกิเลนผยอง โดยจากนี้ยังเหลืออีก 17 นัดให้ได้ลุ้น ซึ่งดูแล้วเลกสองจะเข้มข้นกว่าเดิมแน่แท้ เพราะแต่ละทีมต่างเสริมทัพเต็มอัตราศึกเพื่อลบจุดบอด พร้อมหวังเร่งเครื่องโกยความสำเร็จ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *