ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกฟุตบอล โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 กำลังจะผ่านพ้นเลกแรกแล้ว โดยครึ่งซีซันที่ผ่านมามีไฮไลท์มากมายที่น่าสนใจ แต่ที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่เหล่า “บิ๊กทีม” พร้อมใจกันดันดาวรุ่งอันเป็นผลผลิตที่บ่มเพาะมานานขึ้นโลดแล่นในทีมชุดใหญ่มากขึ้น ซึ่งเลือดใหม่เหล่านี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญในอีกครึ่งทางที่เหลือ
ลีกสูงสุดลูกหนังไทย ฤดูกาล 2015 ผ่านไปแล้ว 16 นัด เหลืออีกเพียงเกมเดียวก็จะครบครึ่งทาง โดยมี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า นำเป็นจ่าฝูง มี 36คะแนน ตามด้วย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 34 คะแนน และ บางกอกกล๊าส เอฟซี 32 คะแนน ขณะที่ ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์เก่า มี 27 คะแนน โดยตลอดระยะทางที่ผ่านมาหลายทีมต้องเจอปัญหามากมาย ทั้งผู้เล่นบาดเจ็บ และด้วยกฎใหม่ที่ให้ลงทะเบียนแข้งต่างชาติได้เพียง 5 ราย จึงส่งให้ขาดผู้เล่นฝีเท้าดีคอยสแตนด์บายเหมือนที่แล้วมา ดังนั้นเหล่าบิ๊กทีมจึงเลือกใช้วิธีเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งซึ่งเป็นผลผลิตจากอะคาเดมีของทีมลงสนามแทน แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะทดแทนได้สมบูรณ์แบบ มีให้เห็นทั้งทีมที่ประสบความสำเร็จและบ้อท่า
บุรีรัมย์ คือ 1 ในทีมที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ ฤดูกาลนี้ “ปราสาทสายฟ้า” ดันแข้งดาวรุ่งขึ้นติดทัพชุดใหญ่หลายราย เช่น “เจ้าอินซ์” เชาว์วัฒน์ วีระชาติ มิดฟิลด์ วัย 19 ปี ที่เริ่มได้โอกาสตั้งแต่ซีซันที่แล้ว ก่อนจะขึ้นมาเป็นกำลังเสริมให้กับทีมเต็มตัวยามที่แผงกองกลางมีปัญหา ลงเล่นไปแล้ว 3 เกม ทำ 1 แอสซิสต์ พร้อมก้าวขึ้นติดทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ครั้งล่าสุด นอกจากนี้ยังมี สิทธิโชค กันหนู กองหน้า วัย 18 ปี ที่ถูกดันขึ้นมาจากชุดเยาวชนเป็นครั้งแรก และได้รับโอกาสลงสนามในเกมที่ กิลแบร์โต มาเชนา ศูนย์หน้าตัวเก่งบาดเจ็บ ซึ่ง “เจ้าไอซ์” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตอบแทนความไว้ใจด้วยผลงาน 1 ประตู 1 แอสซิสต์ จาก 6 เกมที่ได้โอกาส
เช่นเดียวกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย นอกจาก กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ (กองกลาง 21 ปี) กับ สุริยา สิงห์มุ้ย (แบ็กซ้าย 20 ปี) ที่ขึ้นมาท้าชิง 11 คนแรกแล้ว ซีซันนี้ยังมี สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ กัปตันทีมเยาวชน ชุดแชมป์ โค้ก คัพ ปีล่าสุด ที่ได้โอกาสลงเล่นแบ็กขวา ยามที่ ปิยพล ผานิชกุล เจ็บ และโชว์ฟอร์มเข้าตา จนยึดตำแหน่งตัวจริงมาแล้ว 4 นัดหลังสุด โดยเสียเพียงประตูเดียว ซึ่ง “เจ้าตาร์” วัย 20 ปี มีดีกรีสวมปลอกแขนทีมชาติไทย ยู-19 รวมถึงเคยบินไปฝึกศาสตร์ลูกหนังกับ แอตเลติโก มาดริด ใน ลา ลีกา สเปน มาแล้ว
ซึ่งทั้งสองทีมนี้มีจุดเด่นในการพัฒนาเยาวชนคล้ายคลึงกัน โดยอาศัยการส่งแข้งไปบ่มเพาะประสบการณ์กับทีมพันธมิตรในระดับลีกรอง โดย “กิเลนผยอง” เคยผูกกับ ภูเก็ต เอฟซี นครนายก เอฟซี และล่าสุด พัทยา ยูไนเต็ด ขณะที่ “ปราสาทสายฟ้า” มี สุรินทร์ ซิตี รองรับ ที่สำคัญด้วยระบบกิน-นอน คล้ายโรงเรียนประจำยังส่งให้เยาวชนเซราะกราว ได้ซึมซับบรรยากาศวิถีฟุตบอลจากรุ่นพี่ทีมชุดใหญ่อีกทาง
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายทีมที่ดันแข้งเยาวชนขึ้นชุดใหญ่ แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ตามต้องการ ดังเช่น บีอีซี เทโรศาสน ที่โดนปัญหาผู้เล่นเจ็บค่อนทีม จนต้องใช้บริการแข้งดาวรุ่งอย่าง ธีรพงษ์ เยาะเย้ย กองกลางวัย 19 ปี ที่ลงสนามมาแล้ว 8 นัด แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ จาตุรงค์ พิมพ์คูณ หัวหอกร่วมรุ่นที่ถูกจับตามอง ได้โอกาสล่าตาข่ายไปแล้ว 11 เกม แต่ยิงได้เพียง 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ก่อนจะเจ็บข้อเท้าแตกต้องพักเกือบ 2 เดือน ส่งให้อันดับของ “มังกรไฟ” เวลานี้รูดกราวไปอยู่ที่ 14 ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ไปแล้ว 8 เกม
ไม่ต่างจาก บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่แม้เกาะกลุ่มผู้นำ แต่ดาวรุ่งของทีมที่ดันขึ้นชุดใหญ่ยังไม่สามารถฉายแสงได้เต็มที่ มีเพียง ศิวกร แสงวงศ์ กองกลางดาวรุ่ง วัย 17 ปี จาก บีจี อะคาเดมี ที่ได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องใน 5 เกมหลังสุด แต่ก็ยังไม่จะแจ้งพอ ส่วนรายอื่นอย่าง วรวุฒิ นามเวช, สุบรรณ เงินประเสริฐ, ปิยะชนก ดาฤทธิ์ หรือ องอาจ ภมรประเสริฐ ยังไม่ได้รับโอกาสใดๆ ขณะที่ทีมอื่นๆในลีกยังไม่มีเลือดใหม่ขึ้นมามากนัก ยังคงใช้บริการแข้งตัวเก๋าที่มีอยู่ผนึกกำลังกับแข้งต่างชาติตามเดิม
ดังนั้นในเลกที่สองนี้ นอกจากอาวุธใหม่ที่แต่ละทีมจะเสริมเข้ามาในช่วงตลาดซื้อ-ขาย ระหว่างวันที่ 14-31 กรกฎาคม นี้แล้ว ยังต้องวัดพลังในส่วนของแข้งดาวรุ่งกันด้วยว่า ทีมไหนจะมีผู้เล่นที่ดีพอขึ้นมาเป็นอะไหล่ฉุกเฉินยามที่ทีมต้องการได้ลงตัวกว่ากัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *