ASTV ผู้จัดการรายวัน – ลูกหนังไทยเวลานี้ อยู่ระหว่างพักเบรกให้กับโปรแกรมทีมชาติ โดยมีรายการสำคัญคือ ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รออยู่เบื้องหน้า ซึ่ง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ได้เรียกแข้งฟอร์มเด่นตบเท้าเข้ารายงานตัว โดย 1 ในนั้น ไม่พลาดที่จะมีชื่อ “เจ้าบอล” จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวจี๊ด ที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งด้วยผลงานร้อนแรงกับต้นสังกัด สุพรรณบุรี เอฟซี
หากกวาดตามอง อันดับดาวซัลโว ศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 หลังผ่าน 10 นัดแรก คงสะดุดตากับชื่อของ จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวเก่งจากสุพรรณบุรี เอฟซี ที่แหวกโผแข้งต่างชาติ เป็นนักเตะไทยรายเดียวที่ขึ้นมาติดท็อป 5 โดยยิงไปแล้ว 7 ประตู เท่ากับ กิลแบร์โต มาเชนา(บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) และ เฮแบร์ตี เฟอร์นันเดส(ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) เป็นพระรองร่วม ตามหลังผู้นำอย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ของปราสาทสายฟ้า ที่กดไป 10 ตุง นอกจากนี้ “เจ้าบอล” ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมจบสกอร์ไปแล้วอีก 3 ครั้ง
ซึ่งฟอร์มอันโดดเด่นของ จักรพันธ์ นั้นเริ่มติดเครื่องมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว จากผลงานช่วยต้นสังกัดจบที่อันดับ 6 ของตาราง ทว่าเส้นทางการรับใช้ชาติยังอยู่คู่ขนานกันอยู่ เคยถูกเรียกเข้ามารายงานตัวในโควตาอายุเกิน 23 ปี สู้ศึก เอเชียนเกมส์ 2014 แต่สวรรค์ล่ม ไม่สามารถร่วมทีมได้ เนื่องจากไม่มีรายชื่อลงทะเบียนในล็อตแรก จากนั้นก็หลุดโผเรื่อยมา โดยได้โอกาสเพียงเกมอุ่นเครื่อง บุกแพ้ จีน 0-3 ต่อด้วย ชนะ สิงคโปร์ 2-0 และพ่าย แคเมอรูน 2-3 กระทั่งล่าสุดที่หลายคนมั่นใจว่าเจ้าตัวจะมีชื่อติดธงลุย ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอฟ นัดแรก รับมือ เวียดนาม วันที่ 24 พฤษภาคม แน่นอน แต่โชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้งเมื่อจู่ๆก็เกิดมีอาการบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม “ซิโก้” ยังเปิดโอกาสให้กับแข้งวัย 28 ปีรายนี้ โดยการเรียกเข้ามาร่วมทีมในเกมนัดสองที่จะบุกเยือน ไต้หวัน วันที่ 16 มิถุนายน ซึ่ง จักรพันธ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องของจังหวะที่ยังไม่ตรงกัน “ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่โก้ที่ให้โอกาสอีกครั้ง ระยะหลังที่ได้ติดทีมชาติก็เป็นเพียงเกมอุ่นเครื่อง และยังไปแบบที่ไม่ค่อยพร้อม ซึ่งรายการคัดฟุตบอลโลกนี้ หลายคนคาดหวังว่าผมจะมีชื่อ แต่ก็กลับมีอาการบาดเจ็บเสียก่อน ผมมองว่าอาจเป็นเรื่องของโชคชะตาและจังหวะที่ยังไม่ใช่ แต่ถึงกระนั้นผมก็พยายามรักษามาตรฐาน รักษาฟอร์มการเล่นที่ดี เพื่อที่จะได้กลับไปเล่นให้ทีมชาติสักวัน และก็สมหวังเมื่อถูกเรียกเข้ามาเสริมในเกมที่จะพบกับไต้หวัน”
พร้อมกันนี้ “เจ้าบอล” ยังกล่าวถึงฟอร์มการเล่นของตัวเองที่กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้งว่า เป็นเพราะเป้าหมายในการอยากหวนติดธงช้างศึก หลังลงเล่นทัวร์นาเมนท์ใหญ่ครั้งสุดท้ายคือรายการ ชิงแชมป์เอเชีย 2015 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2013 “เป้าหมายของผมคือการกลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง ดังนั้นจึงต้องมีฟอร์มการเล่นที่ดีกับสโมสร ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ซึ่งฤดูกาลนี้ผมสามารถกลับมาสู่ฟอร์มเดิมได้อีกครั้ง หลังจากมีอาการบาดเจ็บรบกวนตั้งแต่สมัยเล่นให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยตอนนี้ฟิตเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงโชว์ฟอร์มได้ดี และดีใจมากที่ทำประตูได้เยอะ ถือเป็นฤดูกาลแรกที่ยิงได้มากขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่เกม ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและสตาฟฟ์โค้ชที่ช่วยให้เรามีความมั่นใจ”
แต่ทั้งนี้ แข้งเจ้าของส่วนสูง 168 เซนติเมตร ยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีมเนื่องจากแผนการเล่นต่างกับต้นสังกัด “ต้องยอมรับว่าในสีเสื้อสุพรรณฯ ผมเป็นคนแบกทีม มีส่วนกับเกมค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเกมรุก การครองบอล และลูกตั้งเตะ ซึ่งเมื่อไปทีมชาติก็จะต้องเล่นให้เป็นทีมเวิร์กมากขึ้น ต้องมีบทบาทในเกมรับด้วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากมีเวลาซ้อมแทคติก และทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมสักระยะ มั่นใจว่าจะปรับได้แน่นอน เพราะเราเคยเล่นสไตล์แบบนี้กับ เอสซีจี เมืองทองฯ มาแล้ว ไม่น่ามีปัญหา ที่สำคัญตอนนี้ผมค่อนข้างลงตัว มีประสบการณ์มากขึ้น มีความใจเย็นและการจบสกอร์ที่ดีขึ้น มีอะไรหลายๆอย่างที่ดีขึ้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมมองย้อนกลับไปดูตัวเองตลอดว่ามีข้อเสียอะไรบ้าง แล้วก็พยายามปรับปรุงด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนัก รวมถึงดูตัวอย่างการเล่นจากนักเตะระดับโลกทั้ง คริสเตียโน โรนัลโด ลิโอเนล เมสซี หรือ เอเดน ฮาซาร์ด และแม้ในทีมชาติตอนนี้จะมีหลายคนที่ฟอร์มดีในตำแหน่งนี้ แต่ผมก็พร้อมที่จะต้อสู้เบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงให้ได้”
หากไม่ผิดพลาดหรือโชคชะตาเล่นตลก “เจ้าบอล” จะมีชื่อติดทีม ไทยแลนด์ ออลสตาร์ ลงเล่นกับ เชลซี วันที่ 30 พฤษภาคม ต่อด้วย อุ่นเครื่องรับมือ บาห์เรน วันที่ 5 มิถุนายน และประเดิมติดธงไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก บุกเยือน ไต้หวัน วันที่ 16 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญของเจ้าตัวว่าการกลับมาแจ้งเกิดครั้งนี้ จะเป็นตัวจักรสำคัญให้ทัพ “ช้างศึก” ได้มากน้อยขนาดไหน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *