คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ทีแรกก็ว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เสียเอง แต่ดูเหมือนว่าเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอ ดิเอโก้ มาราโดนา (Diego Maradona) อดีตนักเตะทีมชาติอารเกนตีนา ได้เผยในการให้สัมภาษณ์กับ พิ่วเอ็นเน่ (PiuEnne) สถานีโทรทัศน์ของอิตาลีจาก เมืองดูไบ ว่า เขาตกลงใจให้การสนับสนุน เจ้าชาย อาลี บิน ฮุสเซน (Prince Ali bin Hussein) แห่ง จอรแดน แทน และหากเจ้าชายได้รับเลือก ตนก็จะก้าวขึ้นรับตำแหน่ง รองประธาน ใน บอร์ดบริหาร หรือ ฟีฟ่า เอ๊กซ์โค ด้วย
ในการให้สัมภาษณ์นั้น ยอดนักเตะแห่ง สโมสรนาโปลี เจ้าของฉายา โกลเด้น บอย วัย 54 ปี กล่าวโจมตีอย่างดุเด็ดเผ็ดมันเกี่ยวกับตัว โชเซ้ฟ บลั๊ทเท่อร์ (Joseph Blatter) ประธานองค์กรที่เต็มไปด้วยเรื่องโสมมของการทุจริตจนทำให้ต้องยอมจำนนประกาศลงจากตำแหน่งในอีกราว 5 เดือนว่า “ตัวเขาไม่ใช่จอมโจรนะ เขาไม่เกี่ยวข้องเลย ก็เพราะคนที่ชื่อ บลั๊ทเท่อร์ นี่แหละที่ปิดกั้นทุกทางไม่ให้เขาได้เข้ามาในวงการ บลั๊ทเท่อร์ เป็นผู้ทำร้ายวงการฟุตบอลอย่างสาหัสเลย”
ความคับแค้นที่ นักเตะร่างเตี้ย มีต่อหลายคนในองค์กรปกครองสูงสุดของวงการฟุตบอลนั้นก็คือเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง โดยเฉพาะเรื่องการถูกจับตรวจสารต้องห้ามในช่วงฟุตบอลโลก 1994 หลังจบนัดที่ อารเกนตีนา เอาชนะ ไนจีเรีย 2-1 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน หมอนี่ดันจับสลากโดนตรวจพอดี โดย มีเชล โด๊ก (Michel d’Hooghe) ซึ่งตอนนั้นอยู่ในคณะกรรมาธิการการแพทย์ของ ฟีฟ่า ออกมาประกาศผลในอีก 3 วันต่อมาว่า พบสารเอเฟดรีน (Ephedrine) แม้จะมีการตรวจซ้ำตามคำเรียกร้องของเพื่อนๆนักเตะในทีมและสมาคมฟุตบอลอารเกนตีนา ผลที่ออกมาในวันรุ่งขึ้นก็ยังยืนยันเช่นเดิม เป็นเหตุให้ เสือเตี้ย ต้องจบฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ของเขาอย่างสิ้นเชิง
มีการเปิดเผยว่า คนที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตรวจสารกระตุ้น ดิเอโก้ ก็คือ เซ้พ นั่นเอง ซึ่ง โจเอา อาเวลั้นช์ (Joao Havelange) ประธานฟีฟ่าในขณะนั้น อยากจะให้เรื่องเงียบโดยทำเป็นว่า เสือเตี้ย มีอาการบาดเจ็บจะได้เดินทางกลับประเทศได้อย่างไม่มีใครรู้เรื่องโด๊พ แต่ไม่เป็นผล ทั้ง เซ้พ และ ยีรี ดโวรัก (Jiri Dvorak) หัวหน้าคณะแพทย์คงไม่ได้เห็นด้วยอย่างนั้น แถมในอีก 2 เดือนหลังจากนั้น คณะกรรมาธิการการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกของ ฟีฟ่า ทั้ง 13 คน ยังลงมติเป็นเอกฉันท์ให้แบน ดิเอโก้ เป็นเวลา 15 เดือน และปรับเงิน 20,000 สวิส ฟร็องก์ อีกด้วย
เสือเตี้ย ยังเปิดโปงต่อไปอีกว่า “บลั๊ทเท่อร์ กับ ปลาตีนี นี่หละที่สร้างเรื่องตลก ก่อนหน้านั้น มีเชล ก็เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของ เซ้พ แล้วก็กลับกลายมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทั้งคู่กำลังแสร้งทำให้ผู้คนเห็นว่าแตกกัน คนหนึ่งไปเป็นผู้นำ ฟีฟ่า ส่วนอีกคนหนึ่งก็คุม ยูเอ๊ฟฟ่า แต่ความจริงทั้งสองนี่ก็พวกเดียวกัน” ดิเอโก้ ตบท้ายว่า “เซ้พ น่ะมีแต่จะถ่ายทอดกลโกงให้ มีเชล”
ความจริง จ้าวตำนาน แฮนด์ อ๊อฟ ก๊อด กับ นาโปเลองลูกหนัง ต่างก็ค้าแข้งใน อิตาลี ยุคเดียวกัน การที่สังกัดกันคนละสโมสรและต่างฝ่ายต่างก็มี อีโก้ สูงทั้งคู่ จึงเป็นปรปักษ์กันอย่างแรง อันนี้อาจเป็นสาเหตุให้ มาราโดนา ยิ่งโหมกระหน่ำใส่ ปลาตีนี อย่างไม่ยั้ง เขาขยับให้ฟังต่อว่า “นี่ถ้าเกิดผมมาละก็ ผมจะเขี่ยทิ้งให้หมดนะ” อันนี้คงหมายถึงพวก ฟีฟ่า เอ๊กซ์โค ที่เขาคิดว่าหลายคนไม่สุจริต แล้วก็ยิงใส่ มีเชล ว่า “ปลาตีนี ต้องอธิบายไอ้เรื่องการแข่งขันที่มีการกำหนดผลล่วงหน้าไว้แล้วตั้ง 187 นัดด้วยนะ”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ทีแรกก็ว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เสียเอง แต่ดูเหมือนว่าเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอ ดิเอโก้ มาราโดนา (Diego Maradona) อดีตนักเตะทีมชาติอารเกนตีนา ได้เผยในการให้สัมภาษณ์กับ พิ่วเอ็นเน่ (PiuEnne) สถานีโทรทัศน์ของอิตาลีจาก เมืองดูไบ ว่า เขาตกลงใจให้การสนับสนุน เจ้าชาย อาลี บิน ฮุสเซน (Prince Ali bin Hussein) แห่ง จอรแดน แทน และหากเจ้าชายได้รับเลือก ตนก็จะก้าวขึ้นรับตำแหน่ง รองประธาน ใน บอร์ดบริหาร หรือ ฟีฟ่า เอ๊กซ์โค ด้วย
ในการให้สัมภาษณ์นั้น ยอดนักเตะแห่ง สโมสรนาโปลี เจ้าของฉายา โกลเด้น บอย วัย 54 ปี กล่าวโจมตีอย่างดุเด็ดเผ็ดมันเกี่ยวกับตัว โชเซ้ฟ บลั๊ทเท่อร์ (Joseph Blatter) ประธานองค์กรที่เต็มไปด้วยเรื่องโสมมของการทุจริตจนทำให้ต้องยอมจำนนประกาศลงจากตำแหน่งในอีกราว 5 เดือนว่า “ตัวเขาไม่ใช่จอมโจรนะ เขาไม่เกี่ยวข้องเลย ก็เพราะคนที่ชื่อ บลั๊ทเท่อร์ นี่แหละที่ปิดกั้นทุกทางไม่ให้เขาได้เข้ามาในวงการ บลั๊ทเท่อร์ เป็นผู้ทำร้ายวงการฟุตบอลอย่างสาหัสเลย”
ความคับแค้นที่ นักเตะร่างเตี้ย มีต่อหลายคนในองค์กรปกครองสูงสุดของวงการฟุตบอลนั้นก็คือเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง โดยเฉพาะเรื่องการถูกจับตรวจสารต้องห้ามในช่วงฟุตบอลโลก 1994 หลังจบนัดที่ อารเกนตีนา เอาชนะ ไนจีเรีย 2-1 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน หมอนี่ดันจับสลากโดนตรวจพอดี โดย มีเชล โด๊ก (Michel d’Hooghe) ซึ่งตอนนั้นอยู่ในคณะกรรมาธิการการแพทย์ของ ฟีฟ่า ออกมาประกาศผลในอีก 3 วันต่อมาว่า พบสารเอเฟดรีน (Ephedrine) แม้จะมีการตรวจซ้ำตามคำเรียกร้องของเพื่อนๆนักเตะในทีมและสมาคมฟุตบอลอารเกนตีนา ผลที่ออกมาในวันรุ่งขึ้นก็ยังยืนยันเช่นเดิม เป็นเหตุให้ เสือเตี้ย ต้องจบฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ของเขาอย่างสิ้นเชิง
มีการเปิดเผยว่า คนที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตรวจสารกระตุ้น ดิเอโก้ ก็คือ เซ้พ นั่นเอง ซึ่ง โจเอา อาเวลั้นช์ (Joao Havelange) ประธานฟีฟ่าในขณะนั้น อยากจะให้เรื่องเงียบโดยทำเป็นว่า เสือเตี้ย มีอาการบาดเจ็บจะได้เดินทางกลับประเทศได้อย่างไม่มีใครรู้เรื่องโด๊พ แต่ไม่เป็นผล ทั้ง เซ้พ และ ยีรี ดโวรัก (Jiri Dvorak) หัวหน้าคณะแพทย์คงไม่ได้เห็นด้วยอย่างนั้น แถมในอีก 2 เดือนหลังจากนั้น คณะกรรมาธิการการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกของ ฟีฟ่า ทั้ง 13 คน ยังลงมติเป็นเอกฉันท์ให้แบน ดิเอโก้ เป็นเวลา 15 เดือน และปรับเงิน 20,000 สวิส ฟร็องก์ อีกด้วย
เสือเตี้ย ยังเปิดโปงต่อไปอีกว่า “บลั๊ทเท่อร์ กับ ปลาตีนี นี่หละที่สร้างเรื่องตลก ก่อนหน้านั้น มีเชล ก็เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของ เซ้พ แล้วก็กลับกลายมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทั้งคู่กำลังแสร้งทำให้ผู้คนเห็นว่าแตกกัน คนหนึ่งไปเป็นผู้นำ ฟีฟ่า ส่วนอีกคนหนึ่งก็คุม ยูเอ๊ฟฟ่า แต่ความจริงทั้งสองนี่ก็พวกเดียวกัน” ดิเอโก้ ตบท้ายว่า “เซ้พ น่ะมีแต่จะถ่ายทอดกลโกงให้ มีเชล”
ความจริง จ้าวตำนาน แฮนด์ อ๊อฟ ก๊อด กับ นาโปเลองลูกหนัง ต่างก็ค้าแข้งใน อิตาลี ยุคเดียวกัน การที่สังกัดกันคนละสโมสรและต่างฝ่ายต่างก็มี อีโก้ สูงทั้งคู่ จึงเป็นปรปักษ์กันอย่างแรง อันนี้อาจเป็นสาเหตุให้ มาราโดนา ยิ่งโหมกระหน่ำใส่ ปลาตีนี อย่างไม่ยั้ง เขาขยับให้ฟังต่อว่า “นี่ถ้าเกิดผมมาละก็ ผมจะเขี่ยทิ้งให้หมดนะ” อันนี้คงหมายถึงพวก ฟีฟ่า เอ๊กซ์โค ที่เขาคิดว่าหลายคนไม่สุจริต แล้วก็ยิงใส่ มีเชล ว่า “ปลาตีนี ต้องอธิบายไอ้เรื่องการแข่งขันที่มีการกำหนดผลล่วงหน้าไว้แล้วตั้ง 187 นัดด้วยนะ”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *