คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
หลังจากทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เฉลิมฉลองกับการไล่ตีเสมอ อิรัก 2-2 ท่ามกลางบรรยากาศค่ำคืนแห่งแสงแฟลชจากกล้องโทรศัพท์มือถือที่ดูไปไม่ต่างกับแสงดาวพราวพร่างรายรอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน อันเปรียบเป็นบ้านของฟุตบอลไทยเวลานี้ แน่นอนว่านี่เป็นคืนวันอันสวยสดงดงามของทีมฟุตบอลอันดับที่ 137 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิง ที่ทำให้ทีมอันดับ 82 ของโลก และอันดับที่ 7 ของเอเชีย ได้สะอึกกับหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมจำนนต่อจำนวนประตูที่อยู่ 2-0
หลังจบการแข่งขันรายการที่เป็นการคัดทีมเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ความปลาบปลื้มและคำชื่นชมเป็นอันมากถาโถมใส่ทั้งตัวผู้เล่น รวมถึงสตาฟฟ์โค้ชที่ทำงานอันหนักหน่วงจนแบ่งแต้มกับทีมที่น่าจะเรียกได้ว่าระดับหัวแถวของเอเชียทีมหนึ่ง พร้อมกับคำถามทีเล่นทีจริงของแฟนฟุตบอลอันเป็นมวลมหาพันธมิตรแห่งทัพ"ช้างศึก" ว่า "รัสเซียไปทางไหน"
ฐานะสื่อมวลชน เห็นแล้วย่อมดีใจกับกระแสตอบรับในครั้งนี้ แต่หน้าที่ของสื่อไม่ใช่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนผสมโรงอวดโอดตามน้ำเท่านั้น หากแต่ต้องช่วยกันดึงสติให้ผู้คนในสังคมอยู่กับความเป็นจริงที่ว่า แม้เสมอ อิรัก ที่อันดับสูงส่งกว่า ไม่ได้หมายความว่าเราเทียบชั้นระดับเดียวกับขุนพลแข้งแห่งท้องทุ่งทะเลทราย ความเห็นของยอดกุนซือผู้ปั้นเด็กธรรมดากลายเป็นนักฟุตบอลระดับเทพมาแล้วมากมายอย่าง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ผู้เจนจบแห่งเวทีลูกหนังไทย ชี้ชัดว่าเรายังจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป ด้วยการหมั่นหาทีมฟุตบอลระดับที่เหนือกว่ามาถ่ายทอดประสบการณ์เรียนรู้ด้วยการลงสนามอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับชี้ชัดว่าวันนี้เราแค่กลับมาสู่จุดที่ทีมชาติไทยเคยเป็นเหมือนเช่นเมื่อครั้งอดีตเท่านั้น ยังไม่ได้ไปถึงระดับหัวแถวของทวีปนี้ เรื่องนี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชตัวจริงของทีมไทยทุกระดับชั้นเวลานี้ก็ยอมรับเช่นกัน ผลเสมอแค่ยืนยันว่าเราใจสู้ และเฉียบคมพอเมื่อเห็นช่องทาง หากแต่รูปเกม และความสามารถของนักเตะยังไม่อาจเทียบเคียง สอดคล้องกับผู้เล่นอย่าง มงคล ทศไกร คนลูกหนังแห่งกองทัพบกสยามประเทศที่ยิงประตูตีเสมอนัดนี้เองถึงกับพูดเองว่า อีรัก เหนือกว่าเราทุกกระบวนท่า แต่สิ่งที่เราสู้ได้คือหัวใจไม่ยอมแพ้
นอกจากนี้สื่อหัวนอกอย่าง "อีเอสพีเอ็น" ยังได้วิเคราะห์ถึงจุดอ่อนของพลพรรค "ช้างศึก" ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงในเรื่องการเพรสซิงเมื่อจำเป็นต้องตั้งรับ โดยมองว่าพระเอกเอ็มวีหน้าหล่ออย่าง สารัช อยู่เย็น นี่แหละผิดพลาดบ่อยครั้ง ทั้งยังเสียบอลแบบไม่ควรเสีย รวมถึงแนวรับที่มีช่องว่างเปิดพื้นที่ให้ขุนพลแข้งจากทะเลทรายได้จบสกอร์บ่อยครั้งในเกมนี้จนจวนเจียนจะเสียมากกว่า 2 ประตูอยู่หลายครั้ง ดีที่ได้พ่อหนุ่มหุ่นล่ำ "เทพกวิน บินได้"คอยปัดเป่าให้พ้นภัยแห่งหายนะมาได้อีกก่ายกองยิ่งนัก
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้คงเป็นคำตอบที่ดีว่าอย่าเพิ่งถามกันเลยว่า "รัสเซียไปทางไหน" หากแต่ควรมองว่าจากนี้จะมีวิธีดึงทีมชาติที่มีฝีเท้าระดับดีเลอเลิศกว่ามาให้ขุนพลแข้งแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ลิ้มลองของจริงจะดีกว่า...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจากทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เฉลิมฉลองกับการไล่ตีเสมอ อิรัก 2-2 ท่ามกลางบรรยากาศค่ำคืนแห่งแสงแฟลชจากกล้องโทรศัพท์มือถือที่ดูไปไม่ต่างกับแสงดาวพราวพร่างรายรอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน อันเปรียบเป็นบ้านของฟุตบอลไทยเวลานี้ แน่นอนว่านี่เป็นคืนวันอันสวยสดงดงามของทีมฟุตบอลอันดับที่ 137 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิง ที่ทำให้ทีมอันดับ 82 ของโลก และอันดับที่ 7 ของเอเชีย ได้สะอึกกับหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมจำนนต่อจำนวนประตูที่อยู่ 2-0
หลังจบการแข่งขันรายการที่เป็นการคัดทีมเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ความปลาบปลื้มและคำชื่นชมเป็นอันมากถาโถมใส่ทั้งตัวผู้เล่น รวมถึงสตาฟฟ์โค้ชที่ทำงานอันหนักหน่วงจนแบ่งแต้มกับทีมที่น่าจะเรียกได้ว่าระดับหัวแถวของเอเชียทีมหนึ่ง พร้อมกับคำถามทีเล่นทีจริงของแฟนฟุตบอลอันเป็นมวลมหาพันธมิตรแห่งทัพ"ช้างศึก" ว่า "รัสเซียไปทางไหน"
ฐานะสื่อมวลชน เห็นแล้วย่อมดีใจกับกระแสตอบรับในครั้งนี้ แต่หน้าที่ของสื่อไม่ใช่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนผสมโรงอวดโอดตามน้ำเท่านั้น หากแต่ต้องช่วยกันดึงสติให้ผู้คนในสังคมอยู่กับความเป็นจริงที่ว่า แม้เสมอ อิรัก ที่อันดับสูงส่งกว่า ไม่ได้หมายความว่าเราเทียบชั้นระดับเดียวกับขุนพลแข้งแห่งท้องทุ่งทะเลทราย ความเห็นของยอดกุนซือผู้ปั้นเด็กธรรมดากลายเป็นนักฟุตบอลระดับเทพมาแล้วมากมายอย่าง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ผู้เจนจบแห่งเวทีลูกหนังไทย ชี้ชัดว่าเรายังจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป ด้วยการหมั่นหาทีมฟุตบอลระดับที่เหนือกว่ามาถ่ายทอดประสบการณ์เรียนรู้ด้วยการลงสนามอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับชี้ชัดว่าวันนี้เราแค่กลับมาสู่จุดที่ทีมชาติไทยเคยเป็นเหมือนเช่นเมื่อครั้งอดีตเท่านั้น ยังไม่ได้ไปถึงระดับหัวแถวของทวีปนี้ เรื่องนี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชตัวจริงของทีมไทยทุกระดับชั้นเวลานี้ก็ยอมรับเช่นกัน ผลเสมอแค่ยืนยันว่าเราใจสู้ และเฉียบคมพอเมื่อเห็นช่องทาง หากแต่รูปเกม และความสามารถของนักเตะยังไม่อาจเทียบเคียง สอดคล้องกับผู้เล่นอย่าง มงคล ทศไกร คนลูกหนังแห่งกองทัพบกสยามประเทศที่ยิงประตูตีเสมอนัดนี้เองถึงกับพูดเองว่า อีรัก เหนือกว่าเราทุกกระบวนท่า แต่สิ่งที่เราสู้ได้คือหัวใจไม่ยอมแพ้
นอกจากนี้สื่อหัวนอกอย่าง "อีเอสพีเอ็น" ยังได้วิเคราะห์ถึงจุดอ่อนของพลพรรค "ช้างศึก" ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงในเรื่องการเพรสซิงเมื่อจำเป็นต้องตั้งรับ โดยมองว่าพระเอกเอ็มวีหน้าหล่ออย่าง สารัช อยู่เย็น นี่แหละผิดพลาดบ่อยครั้ง ทั้งยังเสียบอลแบบไม่ควรเสีย รวมถึงแนวรับที่มีช่องว่างเปิดพื้นที่ให้ขุนพลแข้งจากทะเลทรายได้จบสกอร์บ่อยครั้งในเกมนี้จนจวนเจียนจะเสียมากกว่า 2 ประตูอยู่หลายครั้ง ดีที่ได้พ่อหนุ่มหุ่นล่ำ "เทพกวิน บินได้"คอยปัดเป่าให้พ้นภัยแห่งหายนะมาได้อีกก่ายกองยิ่งนัก
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้คงเป็นคำตอบที่ดีว่าอย่าเพิ่งถามกันเลยว่า "รัสเซียไปทางไหน" หากแต่ควรมองว่าจากนี้จะมีวิธีดึงทีมชาติที่มีฝีเท้าระดับดีเลอเลิศกว่ามาให้ขุนพลแข้งแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ลิ้มลองของจริงจะดีกว่า...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *