xs
xsm
sm
md
lg

“ยิม-วรชิต” ฝีเท้าเกินวัย อนาคตใหม่ “ฉลามชล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ยิม” วรชิต ดาวรุ่งฟอร์มแรง
ASTVผู้จัดการรายวัน - “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางหน้าตี๋ของ ชลบุรี เอฟซี เพิ่งเขียนพงศาวดารลูกหนังศึก ไทย พรีเมียร์ ลีก ในฐานะนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูได้ด้วยวัย 17 ปี 340 วัน เกมเปิดบ้านชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-1 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นัดล่าสุดจะได้รับความไว้ใจให้ลงเป็น 11 คนแรก “บิ๊กแมตช์” ที่พ่ายคารังต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-2 ทว่าเพียงแค่นี้ก็ได้รับเสียงชื่นชมจาก จเด็จ มีลาภ กุนซือ “ฉลามชล” ว่ามีความนิ่งเกินวัยและจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ยิ่งย้อนประวัติของ วรชิต จะพบว่ารากฐานที่เขาได้มานั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สร้างชื่อในวันนี้ โดย “เจ้ายิม” เข้ามาอยู่ในอะคาเดมีของ ชลบุรี ตั้งแต่อายุ 11 ปี มี “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล บรมกุนซือ เป็นผู้บ่มเพาะและขัดเกลาฝีเท้า ทั้งในและนอกสนาม

“ผมก็เหมือนเด็กทั่วไป อยู่ในครอบครัวฐานะปานกลาง คุณแม่เป็นแมบ้านประจำบริษัท ส่วนคุณพ่อรับเหมาทั่วไป แต่ผมชอบเล่นฟุตบอล จนได้มาคัดตัวติดเป็น 1 ใน 10 คน ของอะคาเดมีชลบุรี จากนั้นก็นอนหอ ฝึกซ้อม และลงแข่งในระดับเยาวชนตั้งแต่อายุ 12 ปี เรื่อยมา” เจ้ายิม ย้อนความ

ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินเพื่อนร่วมรุ่น “เจ้ายิม” ได้รับโอกาสจากสโมสรให้ไปทดสอบฝีเท้ายังต่างแดนตั้งแต่อายุ 15 ปี กับทีมเยาวชน เลสเตอร์ ซิตี, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ เอฟเวอร์ตัน ที่อังกฤษ รวมถึงร่วมฝึกซ้อมกับ วิลเซิล โกเบ ที่ญี่ปุ่น นานกว่า 3 เดือน โดย วรชิต ยอมรับว่าได้ประสบการณ์ติดตัวกลับมามากมาย “เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แม้ที่อังกฤษจะเป็นช่วงสั้นๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ และเราคัดตัวไม่ติด แต่ทำให้เราได้รู้ว่าฟุตบอลต่างประเทศเขาเล่นอย่างไร ทุกคนเล่นกันเร็ว เคลื่อนที่ทุกคน และดุดันมากกว่าที่บ้านเรามาก รวมถึงบรรยากาศต่างๆ ซึ่งทาง วิสเซิล โกเบ บอกว่าจะรอผมอายุครบ 18 ปี แล้วให้กลับไปลองอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตามแม้จะมีโปรไฟล์ที่เพียบพร้อม แต่ “ฉลามชล” ยังไม่รีบร้อนที่จะใช้งานเจ้าตัว โดยเลือกที่จะส่งไปขัดเกลาฝีเท้าในระดับ ดิวิชั่น 2 กับ พานทอง เอฟซี ปี 2013 และ ดิวิชั่น 1 กับ ศรีราชา บ้านบึง ปี 2014 ซึ่ง หนุ่มน้อยรายนี้ ยอมรับว่าช่วงนั้นมีอารมณ์เบื่อบ้างเล็กน้อย “ช่วงแรกผมยังไม่ค่อยได้ลงสนาม จึงเริ่มมีอาการเบื่อเหมือนกัน เพราะนอกจากไม่ได้เล่นฟุตบอลแล้วนอกสนามยังไม่มีสีสัน ไม่มีที่เที่ยว มีแต่ป่า ไม่รู้จะไปไหน แต่ก็ต้องทน เลือกที่จะตัดทุกอย่างออกไปเพื่อไม่ให้กระทบต่อสมาธิในการฝึกซ้อม ก่อนจะได้รับโอกาสให้ลงสนามมากขึ้น และทำให้ผมรู้ว่าสามารถเล่นฟุตบอลระดับนี้ได้ แม้จะขึ้นชื่อว่าดุดันเรื่องการปะทะ แต่ผมก็หลบได้มาตลอด และยังจ่ายบอลรวมถึงยิงประตูได้เป็นประจำ”

กระทั่งโอกาสสำคัญก็มาถึง เมื่อ ชลบุรี ตัดสินใจดึงเจ้าตัวกลับมาร่วมทีมในเลก 2 ของฤดูกาล 2014 พร้อมได้ลงสัมผัสเกมลีกสูงสุดในฐานะตัวสำรองด้วยวัยเพียง 16 ปี ก่อนจะมีชื่อติดทีมลากยาวถึงทุกวันนี้ “สำหรับผมมองว่ายังเร็วเกินไป แต่เมื่อสโมสรให้โอกาสเราก็ต้องเล่น ช่วงแรกยังยากอยู่ และยังเกร็งๆ แต่หลังจากได้ลองเล่น ได้ดูได้เรียนรู้ว่าทีมเล่นกันอย่างไร ที่สำคัญผมได้รับการแนะนำจากพี่เทิด (เทิดศักดิ์ ใจมั่น) มาโดยตลอดว่าจังหวะไหนควรจะต้องเล่นอย่างไรถึงจะดี ทำให้ปีนี้เริ่มเล่นได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าแม้จุดเด่นผมจะเป็นเรื่องการจ่ายบอล แต่ยังต้องปรับปรุงเรื่องพละกำลัง ความแข็งแกร่งของร่างกาย และความฟิตให้มากขึ้นกว่านี้อีก เชื่อว่าอีก 1-2 ปี ผมจะสามารถเบียดตำแหน่งตัวจริงได้แน่นอน” วรชิต มั่นใจ

อีกหนึ่งเครื่องการันตีฝีเท้าของเด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ คือการได้รับมอบหมายให้สวมปลอกแขนนำทัพ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี สู้ศึก เอเอฟเอฟ ยู-19 แชมเปียนชิป ที่ประเทศลาว ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม ถึง 4 กันยายนนี้ ซึ่งเจ้าตัวมองไกลถึงการพา “ช้างศึก” ไปเล่นฟุตบอล ยู-20 ชิงแชมป์โลก รอบสุดท้าย เลยทีเดียว

ด้าน “โค้ชเฮง” วิทยา ประธานพัฒนาเทคนิค และผู้ดูแลอะคาเดมีของชลบุรี กล่าวถึงศิษย์รักรายนี้ว่าเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีมรองจาก “น้าเทิด” คนเดียว “เขาเป็นเด็กที่มีเซนส์บอลดี โดยเฉพาะเรื่องทักษะและการจ่ายบอล อีกทั้งยังกล้าเล่น และมีสายตาการอ่านเกมที่ดี โดดเด่นที่สุดในรุ่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงคือการเล่นเกมรับและความกระตือรือร้นอยู่ การขึ้นมาสู่ชุดใหญ่เร็วเหมือนดาบสองคม เพราะกระดูกเขายังไม่แข็งแกร่ง รวมถึงหากขึ้นมาแล้วไม่ได้เล่นเขาก็จะมีปัญหาเรื่องประสบการณ์ในเกมหรือการตัดสินใจในจังหวะต่างๆ”

“อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าเขายังไม่จบหลักสูตรการสอน เขาเรียนมาแล้ว 4 ปี ยังเหลืออีก 2 ปี ซึ่งเราวางแผนไว้หมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ต้องมีโปรแกรมไปเล่นกับทีมต่างประเทศทั้งสเปน และ เนเธอร์แลนด์ อีกมากมาย เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างครบถ้วน เขาจะเป็นกำลังสำคัญในการคว้าแชมป์ของเรา ส่วนช่วงนี้ก็ต้องสอนให้เขารับมือกับการมีชื่อเสียง รวมถึงพฤติกรรมนอกสนาม โดยผมจะสอนเขาทำตัวให้ติดดินมาตลอด ไม่ต้องไปกล้าโชว์ย้อมผมหรือเจาะหูนอกสนาม ให้เก็บความกล้ามาใช้เล่นในสนามพอ” โค้ชเฮง ทิ้งท้าย

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


ได้ลงตัวจริงบิ๊กแมตช์
ไปขัดเกลาฝีเท้ายังต่างแดน
“โค้ชเฮง” ดูแลทั้งในและนอกสนาม
กำลังโหลดความคิดเห็น