คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ด้วยผลงานอันย่ำแย่ของอดีตบิ๊กทีมไทยพรีเมียร์ลีก อย่าง ชลบุรี เอฟซี เจ้าของแชมป์ลีก 1 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย แต่ปัจจุบันกลับทำผลงานได้ย่ำแย่ ชนะ 5 นัด เสมอ 9 แพ้ 1 จนต้องมาวิ่งเล่นอยู่แถวๆ กลางตารางด้วยอันดับ 7 ก่อเกิดเสียงตีอกชกตัวของแฟนบอลบางส่วนว่าผู้บริหารทีมไร้ซึ่งความทะเยอทะยานที่จะกลับไปลุ้นแชมป์เหมือนฤดูกาลก่อนที่จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ลีก โดยความไม่พอใจก่อเกิดจากการที่สโมสรต้องแยกทางกับ มาซาฮิโร วาดะ โค้ชชาวญี่ปุ่น แล้วหันมาเลือกคนคุ้นเคยอย่าง จเด็จ มีลาภ นำทัพ ขณะที่ตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาก็ไม่ได้เรียกเสียงฮือฮาอย่างที่แฟนบอลต้องการ กอรปกับอันดับในตารางค่อนไปในทางไม่น่าประทับใจ จนฟางเส้นสุดท้ายขาดลงเมื่อ คูชิดะ มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้เล่นคนสำคัญถูกปล่อยให้ ชัยนาท ฮอร์นบิล ทีมร่วมลีกยืมตัว
เมื่อเป็นเช่นนี้แฟนฟุตบอลของ "ฉลามชล" หลายคนเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อสโมสรในแง่ลบด้วยการนำคำว่า "ศรัทธา" มาอ้างการบริหารทีมของบอร์ดบริหารไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ และพยายามจะก่อหวอดในโลกออนไลน์เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าไม่พอใจต่อสโมสร โดยหนึ่งในความพยายามนั้นคือเรียกร้องให้มีการรณรงค์เปลี่ยนบอร์ดบริหาร พร้อมกับตัวกุนซือ และหานักเตะใหม่ที่มีดีกรีมากกว่านี้มาสู่ทีม ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันของทีม บางรายก็เสนอให้มีการนำป้ายประท้วงไปชูในสนามแข่งขัน เพื่อให้มีการขยายเรื่องราวบานปลายออกไป
หากฟังคำปลุกระดมแบบไม่คิดอะไรก็ต้องเคลิ้มไปด้วย แต่จะฟังความข้างเดียวก็ใช่ที่ จึงจัดการต่อสายไปคุยกับผู้บริหารทีม ซึ่งก็ได้รับคำแจงว่า กรณีการตั้ง จเด็จ มีลาภ นั้น มันเป็นเงื่อนไขห้วงเวลาที่ วาดะ ออกไปเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนก็จะเปิดฤดูกาล จึงไม่มีทางเลือกอื่นกับการต้องนำคนที่รู้จักทีมและไม่ต้องมาเสียเวลาปรับตัวอย่างคนคุ้นเคย ต่อจากนั้นยังได้ชี้แจงการย้ายทีมของ คูชิดะ ขวัญใจแฟนคลับด้วยว่าเป็นเพราะมีโควต้าส่งนักเตะต่างชาติลงสนามได้เพียง 5 ราย และตอนนี้รายชื่อนั้นก็ครบแล้ว รวมถึงการส่งตัวไปสู่ทีม "นกใหญ่" ก็เป็นการเรียกความฟิตของนักเตะเนื่องจากบาดเจ็บไปนาน และแม้สัญญากับสโมสร ชลบุรี เอฟซี จะสิ้นสุดเมื่อจบฤดูกาลนี้ แต่เชื่อว่านักเตะเองก็มีใจกับสโมสร รวมทั้งยังนับถือ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของทีมดั่งคุณพ่อคนที่ 2 คงไม่หนีไปไหนแน่
ด้านข้อครหาว่า ไม่ทะเยอทะยานในตลาดซื้อขายนักเตะนั้น ก็ได้รับคำชี้แจงว่า แม้จะมีงบทำทีมฤดูกาลนี้ถึง 100 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ เมืองทอง ยูไนเต็ด นั้นว่ากันว่ามีงบถึง 300 ล้านบาท ยังไม่รวมทีมเงินถังอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี หรือ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่พร้อมทุ่มแหลกนั้น "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ยอมรับกันตามตรงว่าสู้ไม่ไหว และยืนยันว่าไม่ใช่แนวนโยบายของสโมสรด้วย เพราะเชื่อว่าการให้ความสำคัญต่อการพัฒนานักเตะในอคาเดมีนั้นเป็นการพัฒนาในทิศทางที่เหมาะสมในระยะยาว
จึงมีคำถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมจึงไม่เกิดการดันเด็กๆ ในอคาเดมี ก้าวขึ้นมารับใช้สโมสรเสียที คำตอบที่ได้รับมาคือ แม้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน แต่ต้องยอมรับว่าผู้เล่นเด็กๆ ฝีเท้าดีมีกันทุกที่ ทุกทีม แต่เด็กๆ เหล่านี้ยังมีอายุเพียง 17-18 ปีเท่านั้น แน่นอนว่ายังไม่พร้อมสำหรับขึ้นชุดใหญ่ และต้องเก็บประสบการณ์ในลีกล่างเสียก่อน ส่วนแฟนฟุตบอลที่ไม่พอใจนั้น หากได้ฟังคำชี้แจงแล้วไม่สบายใจ "เดอะ เซนต์" บอกว่าขอให้ส่งตัวแทน 4-5 คนไปรับฟังคำชี้แจงได้ พร้อมตอบในทุกข้อสงสัย
ฟังจบผมก็มานั่งนึกถึงคำว่า "ศรัทธา" ที่แฟนลูกหนังบ้านเรานำมาใช้ว่า ตนเชื่อมั่นและศรัทธาในทีมรักอย่างแรงกล้า จนไม่อาจทนต่อความตกต่ำของสโมสร แต่ผมว่าผู้บริหารทีม "ฉลามชล" เองก็มีศรัทธาที่จะเชื่อมั่น และรอคอยการปฏิบัติตามแนวคิดความเชื่อเหมือนที่ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ด้วยผลงานอันย่ำแย่ของอดีตบิ๊กทีมไทยพรีเมียร์ลีก อย่าง ชลบุรี เอฟซี เจ้าของแชมป์ลีก 1 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย แต่ปัจจุบันกลับทำผลงานได้ย่ำแย่ ชนะ 5 นัด เสมอ 9 แพ้ 1 จนต้องมาวิ่งเล่นอยู่แถวๆ กลางตารางด้วยอันดับ 7 ก่อเกิดเสียงตีอกชกตัวของแฟนบอลบางส่วนว่าผู้บริหารทีมไร้ซึ่งความทะเยอทะยานที่จะกลับไปลุ้นแชมป์เหมือนฤดูกาลก่อนที่จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ลีก โดยความไม่พอใจก่อเกิดจากการที่สโมสรต้องแยกทางกับ มาซาฮิโร วาดะ โค้ชชาวญี่ปุ่น แล้วหันมาเลือกคนคุ้นเคยอย่าง จเด็จ มีลาภ นำทัพ ขณะที่ตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาก็ไม่ได้เรียกเสียงฮือฮาอย่างที่แฟนบอลต้องการ กอรปกับอันดับในตารางค่อนไปในทางไม่น่าประทับใจ จนฟางเส้นสุดท้ายขาดลงเมื่อ คูชิดะ มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้เล่นคนสำคัญถูกปล่อยให้ ชัยนาท ฮอร์นบิล ทีมร่วมลีกยืมตัว
เมื่อเป็นเช่นนี้แฟนฟุตบอลของ "ฉลามชล" หลายคนเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อสโมสรในแง่ลบด้วยการนำคำว่า "ศรัทธา" มาอ้างการบริหารทีมของบอร์ดบริหารไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ และพยายามจะก่อหวอดในโลกออนไลน์เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าไม่พอใจต่อสโมสร โดยหนึ่งในความพยายามนั้นคือเรียกร้องให้มีการรณรงค์เปลี่ยนบอร์ดบริหาร พร้อมกับตัวกุนซือ และหานักเตะใหม่ที่มีดีกรีมากกว่านี้มาสู่ทีม ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันของทีม บางรายก็เสนอให้มีการนำป้ายประท้วงไปชูในสนามแข่งขัน เพื่อให้มีการขยายเรื่องราวบานปลายออกไป
หากฟังคำปลุกระดมแบบไม่คิดอะไรก็ต้องเคลิ้มไปด้วย แต่จะฟังความข้างเดียวก็ใช่ที่ จึงจัดการต่อสายไปคุยกับผู้บริหารทีม ซึ่งก็ได้รับคำแจงว่า กรณีการตั้ง จเด็จ มีลาภ นั้น มันเป็นเงื่อนไขห้วงเวลาที่ วาดะ ออกไปเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนก็จะเปิดฤดูกาล จึงไม่มีทางเลือกอื่นกับการต้องนำคนที่รู้จักทีมและไม่ต้องมาเสียเวลาปรับตัวอย่างคนคุ้นเคย ต่อจากนั้นยังได้ชี้แจงการย้ายทีมของ คูชิดะ ขวัญใจแฟนคลับด้วยว่าเป็นเพราะมีโควต้าส่งนักเตะต่างชาติลงสนามได้เพียง 5 ราย และตอนนี้รายชื่อนั้นก็ครบแล้ว รวมถึงการส่งตัวไปสู่ทีม "นกใหญ่" ก็เป็นการเรียกความฟิตของนักเตะเนื่องจากบาดเจ็บไปนาน และแม้สัญญากับสโมสร ชลบุรี เอฟซี จะสิ้นสุดเมื่อจบฤดูกาลนี้ แต่เชื่อว่านักเตะเองก็มีใจกับสโมสร รวมทั้งยังนับถือ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของทีมดั่งคุณพ่อคนที่ 2 คงไม่หนีไปไหนแน่
ด้านข้อครหาว่า ไม่ทะเยอทะยานในตลาดซื้อขายนักเตะนั้น ก็ได้รับคำชี้แจงว่า แม้จะมีงบทำทีมฤดูกาลนี้ถึง 100 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ เมืองทอง ยูไนเต็ด นั้นว่ากันว่ามีงบถึง 300 ล้านบาท ยังไม่รวมทีมเงินถังอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี หรือ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่พร้อมทุ่มแหลกนั้น "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ยอมรับกันตามตรงว่าสู้ไม่ไหว และยืนยันว่าไม่ใช่แนวนโยบายของสโมสรด้วย เพราะเชื่อว่าการให้ความสำคัญต่อการพัฒนานักเตะในอคาเดมีนั้นเป็นการพัฒนาในทิศทางที่เหมาะสมในระยะยาว
จึงมีคำถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมจึงไม่เกิดการดันเด็กๆ ในอคาเดมี ก้าวขึ้นมารับใช้สโมสรเสียที คำตอบที่ได้รับมาคือ แม้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน แต่ต้องยอมรับว่าผู้เล่นเด็กๆ ฝีเท้าดีมีกันทุกที่ ทุกทีม แต่เด็กๆ เหล่านี้ยังมีอายุเพียง 17-18 ปีเท่านั้น แน่นอนว่ายังไม่พร้อมสำหรับขึ้นชุดใหญ่ และต้องเก็บประสบการณ์ในลีกล่างเสียก่อน ส่วนแฟนฟุตบอลที่ไม่พอใจนั้น หากได้ฟังคำชี้แจงแล้วไม่สบายใจ "เดอะ เซนต์" บอกว่าขอให้ส่งตัวแทน 4-5 คนไปรับฟังคำชี้แจงได้ พร้อมตอบในทุกข้อสงสัย
ฟังจบผมก็มานั่งนึกถึงคำว่า "ศรัทธา" ที่แฟนลูกหนังบ้านเรานำมาใช้ว่า ตนเชื่อมั่นและศรัทธาในทีมรักอย่างแรงกล้า จนไม่อาจทนต่อความตกต่ำของสโมสร แต่ผมว่าผู้บริหารทีม "ฉลามชล" เองก็มีศรัทธาที่จะเชื่อมั่น และรอคอยการปฏิบัติตามแนวคิดความเชื่อเหมือนที่ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
