xs
xsm
sm
md
lg

“จเด็จ” กุนซือแห่งอนาคต? / แมวดำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

จากผลงานการลุ้นแชมป์ของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ในฤดูกาล 2014 ภายใต้การคุมทัพของ มาซาฮิโระ วาดะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ก่อนสุดท้ายจะไปไม่ถึงฝั่งฝันจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 2 พร้อมกับการยกชุดลาออกของสตาฟฟ์โค้ช นัยว่าเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการผิดหวังของแฟนๆ ทว่า ลึกๆ แล้วสิ่งที่ทราบกันดี คือ ปัญหาภายในครอบครัวของยอดโค้ชแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้ที่ไม่อาจปรับตัวกับการใช้ชีวิตในประเทศไทย อีกทั้งยังได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากสโมสรในบ้านเกิด และเพื่อไม่ให้เกิดสูญญากาศในทีมนานเกินไปผู้บริหารทีมจึงเห็นว่าควรดึง จเด็จ มีลาภ ลูกหม้อเก่าที่เคยอยู่กับสโมสรกลับมาบัญชาเกมบนผืนหญ้าอีกครั้ง

จะว่าไปแล้วกุนซือวัย 43 ปีรายนี้ ผ่านงานคุมทีมมายาวนาน โดยเฉพาะการมาสร้างรากฐานให้กับสโมสร ชลบุรี เอฟซี ด้วยการทำงานกับโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ร่วม 10 ปี ก่อนจะก้าวมาคุมทีม “ฉลามชล” เต็มตัวในปี 2550 หลังจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ที่พาทีมคว้าแชมป์โปรวินเชียล ลีก ตัดสินใจอำลาทีมไปรับงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งผลงานของ "โค้ชจเด็จ" ก็ไม่ธรรมดา เพราะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 1 สมัย แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ แชมป์ถ้วยพระราชทาน ก 3 สมัย

การทำงานในโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ซึ่งก็คืออคาเดมีของ ชลบุรี เอฟซี ทำให้โค้ชรายนี้ได้รับความสนิทสนม ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเคารพจากนักเตะดาวรุ่งที่ถูกผลักดันขึ้นมา อีกทั้งปรัชญาการทำทีมที่เน้นเกมรุกบุกเอาใจกองเชียร์เสมอมานอกจากจะได้ใจแฟนบอล ยังตอบโจทย์การทำทีมฟุตบอลที่เน้นดาวรุ่งผสมผสานกับตัวเก๋าในทีม แต่ก็นั่นแหละ การเล่นเกมรุกใช่ว่าจะตอบโจทย์ทุกอย่างได้ เพราะบุกเข้าไปแต่บางครั้งยิงไม่ได้สักที โดนสวนตูมเดียวถึงแพ้ก็เยอะ ผู้บริหารทีมจึงต้องหาโค้ชรายใหม่มาทำงานเพื่อควานหาความสำเร็จ ระหว่างนั้นมีกุนซือหลายคนเปลี่ยนหน้ากันมา ทั้ง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล รวมถึง วาดะ แต่ก็ยังไม่ถึงแชมป์ จนวนกลับมาถึง “โค้ชจเด็จ” ที่กลับมาคุมทีมอีกวาระ หลังพเนจรไปคุมทั้ง พัทยา ยูไนเต็ด, สงขลา ยูไนเต็ด และ ชัยนาท ฮอร์นบิล

สำหรับสาเหตุที่ จเด็จ มีลาภ ได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมเป็นครั้งที่ 3 คนที่ตอบได้ดีที่สุด คือ อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ที่มองว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ใช่ที่สุดสำหรับการมารับตำแหน่งในตอนนี้ แม้จะขัดใจแฟนบอลที่อยากได้กุนซือเป็นคนมีชื่อเสียงกว่านี้ พร้อมกับย้ำแนวทางว่า หากเลือกโค้ชชาวต่างชาติ ก็ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ อีกทั้งการมาของโค้ชต่างแดนก็ใช่ว่าจะการันตีความสำเร็จตามแนวทางของสโมสร เนื่องจากสโมสรมีนโยบายสนับสนุนผู้เล่นดาวรุ่งมากกว่าจะเน้นการซื้อดาวดังมาเพื่อยกระดับทีม พูดไปพูดมาสุดท้ายก็ยอมรับว่าเงินไม่มากพอจะไปเทียบทีมอื่น ซื้อแบบทีมบิ๊กเนมก็คงไม่ไหว

ถึงตรงนี้ผลงานของ ชลบุรี เอฟซี เปิดฤดูกาลมาไม่สวย ไม่หรูเหมือนที่แฟนๆ คาดหวัง แข่งไป 5 นัด ชนะนัดเดียว เสมอ 3 แพ้ 1 มีแค่ 6 คะแนน รั้งอันดับ 11 ของตารางคะแนน เสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจของแฟนๆ ก็ดังมากขึ้น โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่โลกโซเชียลมีเดียทรงพลังมากกว่าเดิม เท่าที่ทราบผู้บริหารทีมก็รับทราบปัญหานี้ดี แต่จะให้เปลี่ยนม้ากลางลำธารคงเป็นไปไม่ได้ ที่สำคัญโจทย์ของ ชลบุรี ไม่ได้ดึงกุนซือรายนี้มาเพื่อคว้าแชมป์ หากแต่มาเพื่อบ่มเพาะฝีเท้านักเตะดาวรุ่งในทีมมากกว่า

ด้วยบุคลิกหน้าตาไม่หล่อเหมือน “ซิโก้” แต่งตัวไม่เนี๊ยบเท่า “วาดะ” มาประกอบกับอันดับที่ไม่ดีช่วงเริ่มต้น อาจทำให้คะแนนจิตพิสัยในหมู่แฟนฉลามตกไปสักหน่อย ทว่าสิ่งที่ไม่อาจลืมได้เลย ผู้ชายอ้วนดำคนนี้นี่แหละที่นำทีมคว้าแชมป์ลีก และเอฟเอ คัพ มาแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ ยังทำไม่ได้เลย

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น