คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
สัปดาห์นี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ “ไอ้หมัดปืนกล” ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ มวยจอมลุยในสังกัด “มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณ ก่อนเลย ที่สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกในรุ่นแบนตัมเวท 118 ปอนด์ขององค์กรมวยโลก WBO กลับมาคาดเอวได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 หลังจากเอาชนะน็อกคู่ชิงจากแดนปลาดิบ เรียว อะกะโฮะ แค่ยก 2 ในการชิงแชมป์ที่ว่างในรุ่นนี้เมื่อบ่ายๆ วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ จังหวัดราชบุรี
ไฟต์นี้ ผึ้งหลวง ขึ้นเวทีในฐานะรองแชมป์โลกอันดับ 2 ส่วนนักชกญี่ปุ่นศักดิ์ศรีเหนือกว่าในตำแหน่งรองแชมป์โลกอันดับ 1 ชิงตำแหน่งแชมป์โลกที่ว่างลงเนื่องจาก โตโมกิ คาเมดะ สละตำแหน่งไป ก่อนการชกเป็นที่คาดหมายกันแล้วว่าไฟต์นี้น่าจะสนุกและไม่ครบยกแน่ เพราะสถิติของทั้งคู่ไม่เบา โดยเจ้า เรียว อะกะโฮะนั้นชนะมา 26 ไฟต์ ชนะน็อกซะ 18 ไฟต์ เสมอ 2 และแพ้ 1 ส่วน “เจ้าบอมบ์” ชนะ 50 น็อกซะ 35 ไฟต์ แพ้ 3 ไม่เคยเสมอ
ปรากฏว่าพอเริ่มชก นักชกญี่ปุ่นออกอาการเกรงพลังหมัดของนักชกไทยเราอย่างเห็นได้ชัด เน้นลูกตุกติกหวังทำให้ “เจ้าบอมบ์” เสียสมาธิ ขนาดเข้าคลุกวงในกันยังคอยหันไปฟ้องกรรมการว่าถูก ผึ้งหลวง ต่อยท้ายทอย กรรมการเลยเตือนว่านายนั่นแหละอย่าหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้
นอกจากนั้นก็อาศัยลูกรัดลูกหนีบหมัดพยายามตุกติกทำลายสมาธิ ผึ้งหลวง ทุกทาง ยก 2 อดีตแชมป์โลกเจ้าของคนเดิมของเข็มขัดเส้นนี้เลยสบจังหวะที่เบียดกันวงใน เหวี่ยงนักชกแดนอาทิตย์อุทัยจนเสียหลักแล้วจ้วงขวาเข้าเต็มกราม ส่งนักมวยญี่ปุ่นร่วงลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10 ยังไม่ลุก ขนาดพี่เลี้ยงและแพทย์สนามขึ้นมาดูอาการแล้วยังไม่ลุกเลย
ส่งผลให้ ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ กลับมาเป็นเจ้าของเข็มขัดโลกเส้นนี้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 ทันที ซึ่งต้องถือว่าน่าชื่นชมที่มีความมานะพยายามเก็บตัวฝึกซ้อมมาตลอด นับแต่เสียตำแหน่งไปในปี 2013 รวมแล้วก็ 2 ปีกว่า ยังไม่ท้อ แม้มีโอกาสขึ้นชิงแล้วไปแพ้ โตโมกิ คาเมดะมา ก็ยังไม่ท้อ ยังพยายามฟิตซ้อมและขึ้นชกเคลื่อนไหวอยู่เสมอ จนพาตัวเองมาอยู่ในจุดที่มีโอกาสขึ้นชิงมงกุฎโลกอีกครั้งจนได้ในครั้งนี้ รวมทั้งต้องชื่นชมทีมงานของ “มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณด้วย ที่ยังไม่ทอดทิ้ง ยังพยายามสนับสนุน รวมทั้งทุ่มทุนดึงไฟต์นี้มาจัดที่เมืองไทย เพื่อเพิ่มโอกาสจนประสบความสำเร็จในที่สุด
ไฟต์นี้ระยะเวลาการชกสั้นแค่ยกเศษๆ ทำให้ดูอะไรได้ไม่มากในเรื่องฟอร์มการชก แต่ดูจากสภาพร่างกายก็เขื่อว่า “ไอ้หมัดปืนกล” มีความพร้อมสุดๆ ต่อไปก็ขอให้รักษาตัวรักษาฟอร์มป้องกันเข็มขัดเส้นนี้ไว้ให้นานๆ ให้เป็นขวัญใจแฟนๆ อย่าให้เสียทีที่พากเพียรพยายามมาตลอดละกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
สัปดาห์นี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ “ไอ้หมัดปืนกล” ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ มวยจอมลุยในสังกัด “มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณ ก่อนเลย ที่สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกในรุ่นแบนตัมเวท 118 ปอนด์ขององค์กรมวยโลก WBO กลับมาคาดเอวได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 หลังจากเอาชนะน็อกคู่ชิงจากแดนปลาดิบ เรียว อะกะโฮะ แค่ยก 2 ในการชิงแชมป์ที่ว่างในรุ่นนี้เมื่อบ่ายๆ วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ จังหวัดราชบุรี
ไฟต์นี้ ผึ้งหลวง ขึ้นเวทีในฐานะรองแชมป์โลกอันดับ 2 ส่วนนักชกญี่ปุ่นศักดิ์ศรีเหนือกว่าในตำแหน่งรองแชมป์โลกอันดับ 1 ชิงตำแหน่งแชมป์โลกที่ว่างลงเนื่องจาก โตโมกิ คาเมดะ สละตำแหน่งไป ก่อนการชกเป็นที่คาดหมายกันแล้วว่าไฟต์นี้น่าจะสนุกและไม่ครบยกแน่ เพราะสถิติของทั้งคู่ไม่เบา โดยเจ้า เรียว อะกะโฮะนั้นชนะมา 26 ไฟต์ ชนะน็อกซะ 18 ไฟต์ เสมอ 2 และแพ้ 1 ส่วน “เจ้าบอมบ์” ชนะ 50 น็อกซะ 35 ไฟต์ แพ้ 3 ไม่เคยเสมอ
ปรากฏว่าพอเริ่มชก นักชกญี่ปุ่นออกอาการเกรงพลังหมัดของนักชกไทยเราอย่างเห็นได้ชัด เน้นลูกตุกติกหวังทำให้ “เจ้าบอมบ์” เสียสมาธิ ขนาดเข้าคลุกวงในกันยังคอยหันไปฟ้องกรรมการว่าถูก ผึ้งหลวง ต่อยท้ายทอย กรรมการเลยเตือนว่านายนั่นแหละอย่าหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้
นอกจากนั้นก็อาศัยลูกรัดลูกหนีบหมัดพยายามตุกติกทำลายสมาธิ ผึ้งหลวง ทุกทาง ยก 2 อดีตแชมป์โลกเจ้าของคนเดิมของเข็มขัดเส้นนี้เลยสบจังหวะที่เบียดกันวงใน เหวี่ยงนักชกแดนอาทิตย์อุทัยจนเสียหลักแล้วจ้วงขวาเข้าเต็มกราม ส่งนักมวยญี่ปุ่นร่วงลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10 ยังไม่ลุก ขนาดพี่เลี้ยงและแพทย์สนามขึ้นมาดูอาการแล้วยังไม่ลุกเลย
ส่งผลให้ ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ กลับมาเป็นเจ้าของเข็มขัดโลกเส้นนี้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 ทันที ซึ่งต้องถือว่าน่าชื่นชมที่มีความมานะพยายามเก็บตัวฝึกซ้อมมาตลอด นับแต่เสียตำแหน่งไปในปี 2013 รวมแล้วก็ 2 ปีกว่า ยังไม่ท้อ แม้มีโอกาสขึ้นชิงแล้วไปแพ้ โตโมกิ คาเมดะมา ก็ยังไม่ท้อ ยังพยายามฟิตซ้อมและขึ้นชกเคลื่อนไหวอยู่เสมอ จนพาตัวเองมาอยู่ในจุดที่มีโอกาสขึ้นชิงมงกุฎโลกอีกครั้งจนได้ในครั้งนี้ รวมทั้งต้องชื่นชมทีมงานของ “มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณด้วย ที่ยังไม่ทอดทิ้ง ยังพยายามสนับสนุน รวมทั้งทุ่มทุนดึงไฟต์นี้มาจัดที่เมืองไทย เพื่อเพิ่มโอกาสจนประสบความสำเร็จในที่สุด
ไฟต์นี้ระยะเวลาการชกสั้นแค่ยกเศษๆ ทำให้ดูอะไรได้ไม่มากในเรื่องฟอร์มการชก แต่ดูจากสภาพร่างกายก็เขื่อว่า “ไอ้หมัดปืนกล” มีความพร้อมสุดๆ ต่อไปก็ขอให้รักษาตัวรักษาฟอร์มป้องกันเข็มขัดเส้นนี้ไว้ให้นานๆ ให้เป็นขวัญใจแฟนๆ อย่าให้เสียทีที่พากเพียรพยายามมาตลอดละกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
