"บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แย้มเตรียมออกข้อบังคับให้ทุกหน่วยงานที่จัดการแข่งขันมวยไทยใช้มาตรฐานเหมือนกันหมด ตัดสินภายใต้กติกาแบบเดียวกัน พร้อมย้ำต้องมีการขึ้นทะเบียน รวมถึงขออนุญาตหากจะไปชกต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดประชุมคณะทำงานเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 โดยเสนอแผนกำหนดรูปแบบมวยไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม้ไม้ต่างๆ และกติกามวยไทยไม่ให้สูญหาย
"ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการแข่งขันมวยไทยเวทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไทยไฟต์, เควัน และอื่นๆ มีการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้ามใช้ศอก, เข่า หรือกำหนดให้ชกแค่ 3-4 ยก ซึ่งทั้งหมดนั้นส่วนตัวเข้าใจดีว่าทำเพื่อความสนุกสนานในการรับชม แต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะทำให้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยแบบดั้งเดิมสูญหาย จึงเห็นว่าควรมีการกำหนดกติกาที่เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด คาดว่าจะต้องมีการเรียกตัวแทนจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายจัดการแข่งขัน นักมวย ผู้ตัดสิน เข้ามาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายยอมรับ" สกล เผย
ผู้ว่าการ กกท. กล่าวอีกว่า "ทั้งนี้หากมีการประกาศใช้กติกามวยไทยที่เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด แล้วมีผู้ที่ฝ่าฝืน ทาง กกท. จะห้ามไม่ให้นักมวยที่อยู่ภายใต้การขึ้นทะเบียนไปร่วมชกรายการดังกล่าว รวมไปถึงการแข่งขันมวยไทยที่จัดในต่างประเทศ ซึ่งก่อนทำการแข่งขันทุกครั้งจะมีการติดต่อเพื่อขอนักมวยไทยไปร่วมชก เราต้องชี้แจงให้ทราบถึงกติกาที่มีการบังคับใช้ โดยที่ผ่านมามีกรณีของ บัวขาว บัญชาเมฆ ต่อยมวยกังฟูกับ อี้ หลง ซึ่งมีข้อห้ามใช้แม่ไม้มวยไทย ซึ่งจะส่งผลต่อชื่อเสียงของมวยไทยที่เป็นต้นตำรับแต่ไปพ่ายให้ต่างชาติ จึงคิดว่าการออกข้อบังคับกติกาต่างๆ ขึ้นมา จะช่วยลดปัญหาตรงนี้ไปได้"
ทันทีที่มีการเสนอแนวคิดกำหนดมาตรฐานมวยไทย ด้าน นริศ ว่องประเสริฐการ เจ้าของ บริษัท ท็อป คิงส์ บ็อกซ์ซิ่ง จำกัด ขานรับทันที เพราะถือว่าเป็นการรักษามวยไทยให้คนรุ่นหลัง "ส่วนตัวมองว่าการทำให้การตัดสินเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมดจะส่งผลดีต่อวงการมวยไทยอย่างมากและยังช่วยลดปัญหาการพนันที่ผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบันแต่ละค่ายมวยจะเน้นสอนเทคนิคในการออกอาวุธที่ทำให้ได้คะแนน ไม่มีการสอนแม่ไม้มวยไทยแบบสมัยก่อน ทำให้ศิลปะต่างๆ ค่อยๆ จางหายไป"
"ต้องยอมรับตนเองที่เกิดมากับมวยไทย แต่ปัจจุบันแทบจะดูมวยไม่เป็นแล้ว เนื่องจากทุกเวทีมีการตัดสินที่แตกต่างออกไป หากเทียบกับมวยต่างชาติที่ใช้รูปแบบเดียวทั้งหมดเน้นออกอาวุธเรียกคะแนน ทำให้ดูง่ายกว่ามวยไทยในปัจจุบัน หากทางผู้ว่า กกท. จะทำให้กติกาทุกอย่างอยู่ในรูปแบบเดียวกันผมยินดีสนับสนุนทันที" นายนริศ กล่าว
เช่นเดียวกับ "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ เพชรยินดี บ๊อกซิ่ง โปรโมชั่น ที่ยืนยันว่าหากมาตรการที่ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยเสนอ จะช่วยอนุรักษ์มวยไทยไว้ได้แล้ว ตนเองก็จะไม่ขัดข้องเช่นกัน "กติกามวยไทยในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก เนื่องจากต้องการสร้างความสนุกให้คนดู หรือโปรโมทให้ต่างชาติมาชกมวยไทยมากเกินไป ซึ่งตามจริงกติกาแข่งขันเดิมในการชก 5 ยก ถือเป็นพื้นฐานที่ควรปฏิบัติให้เหมือนกันหมด โดยเฉพาะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เริ่มสูญหายไปอย่างเห็นได้ชัด"
"ส่วนหนึ่งเกิดจากต่างชาติใช้ ศอก หรือ เข่า ไม่เป็นจึงตัดอาวุธบางอย่างออกไป และให้นักมวยไทยไปแข่งขันในกติกาที่เขาเป็นผู้กำหนด ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากจัดแข่งขันในรูปแบบดังกล่าวควรจะใช้ชื่ออื่นที่ไม่ใช่มวยไทย เพราะรูปแบบการแข่งขันไม่ถูกต้องตามต้นตำรับ ถ้าสามารถควบคุมในส่วนนี้ได้จะทำให้กีฬาของคนไทยมีเสน่ห์ในแบบฉบับที่ควรจะเป็น" โปรโมเตอร์อาณาจักรเพชรยินดี กล่าว
