ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มเดินทางมาถึงเกมนัดสุดท้ายแล้ว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ความหวังหนึ่งเดียวจากประเทศไทย เผชิญหน้า กวางโจว อาร์แอนด์เอฟ อาคันตุกะจากจีน ในบ้านตัวเองเย็นนี้ เวลา 18.00น. งานนี้นอกจากต้องไม่แพ้ ยังต้องฝากความหวังที่ กัมบะ โอซาก้า ตัวแทนจากญี่ปุ่นซึ่งจะเจอกับ ซองนัม เอฟซี จ่าฝูงของกลุ่มจากเกาหลีใต้วันเดียวกัน ไม่เช่นนั้นอาจน้ำตาตกซ้ำรอยปี 2012
บุรีรัมย์ ตัวแทนจากเวที ไทย พรีเมียร์ ลีก โชว์ฟอร์ม 2 นัดแรกรอบแบ่งกลุ่มสวยหรูชนะ ซองนัม 2-1 , เฉือน กวางโจว อาร์แอนด์เอฟ 2-1 จนกระโดดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงกลุ่มเอฟ ทว่าจากนั้นสถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นฝ่ามือ เสมอ กัมบะ โอซาก้า 1-1 กลับมาแพ้ในบ้าน 1-2 และบุกพ่าย ซองนัม 1-2 ทำให้เวลานี้ตกมาอยู่ที่ 3 มีอยู่ 7 แต้มเท่า กัมบะ ที่กำลังลุ้นเข้ารอบอยู่เหมือนกัน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ชวนคิดถึงผลงานของ “ปราสาทสายฟ้า” ปี 2012 คราวนั้นชนะ 2 เกมติดแต่ที่เหลือแพ้รวดต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน ส่วนปีนี้โอกาสยังมีอยู่โดยเงื่อนไขคือแข้ง “เซราะกราว” ต้องชนะที่ นิว-ไอโมบาย สเตเดียม หรือเสมอเป็นอย่างน้อยแล้วลุ้น กัมบะ แพ้ ซองนัม ก็จะแซงเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายตามทีมดังจากแดนโสมที่มี 10 แต้มลอยลำไปแล้ว แต่ถ้านอกเหนือจากนี้คือตกรอบเพราะถึงแพ้ทั้งคู่แต่ กัมบะ จะได้ไปต่อเพราะเฮดทูเฮดดีกว่า
โดยก่อนเกมเริ่มขึ้น อเล็กซานเดอร์ กามา เฮดโค้ชของ บุรีรัมย์ กำชับลูกทีมสู้เต็มที่เพื่อเป้าหมายคือเก็บสามแต้มและเข้ารอบน็อคเอาท์ให้ได้ โดยกล่าวว่า “เราจะทำให้เต็มที่ เพื่อเก็บสามแต้มในบ้านให้ได้ แน่นอนว่าเราต้องการผลการแข่งขัน แต่ก็จะไม่เปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง ขณะที่ กว่างโจว พวกเขาไม่มีอะไรต้องกดดันเพราะเกมนี้ไม่มีผลอะไรกับเขาแล้ว ดังนั้นเราต้องฉกฉวยให้ได้ และหวังว่า ซองนัม เอฟซี จะหยุด กัมบะ โอซาก้า ให้เราเช่นกัน"
ด้าน คอสมิน คอนทรา ผู้จัดการทีมดังแดนมังกร แม้หมดหวังไปแล้วแต่ก็จะสู้เพื่อศักดิ์ศรีไม่ยอมให้เจ้าบ้านชนะได้ง่ายๆแน่ “เกมแรกเราแพ้ บุรีรัมย์ ในบ้านตัวเอง ทว่าคราวนี้เราจะสู้เพื่อคว้าชัยชนะกลับไป แม้เป็นงานยากก็ตาม ในสายตาผม บุรีรัมย์ เป็นทีมที่ดี นักเตะมีความแข็งแกร่งและสามารถยืดหยุ่นสูงเล่นได้ทุกตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม เราจะเล่นอย่างสุดความสามารถเช่นกัน"
ส่วน เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ฯ เผยไม่เสียใจหากสุดท้ายทีมของตัวเองจะไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกครั้ง “จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่แพ้ กัมบะ ในบ้าน ซึ่งเราบุกไปเสมอมาได้จึงไม่คิดว่าจะมาแพ้ และรูปเกมเราก็ไม่ได้ด้อยกว่าเพียงแต่โชคไม่ดีที่ไม่ได้จุดโทษที่ควรได้และเสียจุดโทษที่ไม่ควรเสีย ดังนั้นเกมสุดท้ายก็ไม่มีอะไรหนักใจ เราต้องเก็บ 3 แต้มเท่านั้น เพื่อจบรอบแบ่งกลุ่มด้วย 10 คะแนน มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของทีมเราในรายการนี้”
“อย่างไรก็ตาม หากไม่สำเร็จผมก็ไม่เสียใจเพราะเชื่อว่าลูกทีมทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำกลับมาเรียนรู้ต่อในปีถัดไป ส่วนตัวผมคิดว่า เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก มีความยากขึ้นทุกปีอยู่แล้ว แต่เราก็แสดงให้เห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมาทีมจากอาเซียนอย่างเราไม่ใช่ทีมแจกแต้ม และยังสามารถชนะทีมใหญ่ๆในเอเชียได้อีก เชื่อว่าจากนี้จะไม่มีใครมองข้ามและประมาทเราอีกแล้ว” บิ๊กเน กล่าว
อย่างไรก็ตาม งานหนักของ บุรีรัมย์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะหากเข้ารอบเป็นที่ 2 ของกลุ่ม ต้องเจอศึกหนักรออยู่คือไขว้ไปเจอกับ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ เต็งแชมป์จากจีนที่เข้าไปยืนรออยู่แล้วในรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันที่ 20 และ 27 พฤษภาคม ทว่านั่นก็เป็นอุปสรรคที่ “ปราสาทสายฟ้า” จำเป็นต้องฝ่าไปให้ได้ หรืออย่างน้อยควรก้าวเข้าไปให้ไกลกว่าทุกปีนั่นคือรอบน็อคเอาท์ หากหวังยกระดับทีมขึ้นสู่ท็อป 5 ของเอเชียในอนาคตตามที่เคยประกาศไว้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
