คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ไม่รู้ว่าไปทำกรรมเวรอะไรเอาไว้ สถานการณ์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก ออกอาการไม่สู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นผลงานในถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่เริ่มต้นเหมือนจะสบายผ่าน 3 นัด มี 7 แต้ม ชนะ 2 เสมอ 1 ตอนนั้นความฝันถึงการเข้ารอบก็สดใส แต่พอเข้านัดที่ 4 เปิดบ้านแพ้ กัมบะ โอซากา 1-2 แม้ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ลางสังหรณ์ชักไม่ดี จนมาล่าสุดบุกไปแพ้ ซองนัม ด้วยสกอร์เดียวกันอีก ขณะที่คู่แข่งอย่าง กัมบะ โอซากา ฟื้นจากหลุมมาแล้ว เมื่อบุกไปถล่ม กวางโจว อาร์แอนด์เอฟ ถึงแผ่นดินมังกร 5-0 ทำให้แต้มมาเท่ากับ บุรีรัมย์ฯ ที่ 7 คะแนน ต้องเบียดเข้ารอบกันถึงนัดสุดท้ายในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดบุรีรัมย์ สเตเดียม เอาชนะ คู่แข่งจากลีกจีนให้ได้ หากจำไม่ผิดปี 2013ลูกทีมของ “ประธานเนวิน” ก็เคยมี 7 คะแนน แต่ก็ผ่านถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ถือว่ายังได้ลุ้นกันอีกเฮือกหนึ่งของลมหายใจ
นอกจากความไม่สดใสบนเส้นทางแห่งศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่แห่งเอเชียแล้ว ยังมีเงาดำทะมึนพัดมาปกคลุม "ปราสาทสายฟ้า" ด้วยข่าวร้ายเรื่องที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทำการตรวจสอบการใช้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มี "ซ้อต่าย"นั่งตำแหน่งนายก อบจ. อยู่นั้น โดยมีรายงานที่เผยแพร่ในสำนักข่าวอิศรา ระบุว่ามีการนำงบหลวงไปใช้สำหรับขนกองเชียร์ ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหาร และ เบี้ยเลี้ยง เข้าชมการแข่งขันของทีม บุรีรัมย์ฯ ที่เดินทางไปแข่งขันยังสนามในจังหวัดอื่นๆ รวมแล้ว 16 ครั้ง เป็นเงิน 20 ล้านบาท
ตอนที่รู้เรื่องนี้ ผมยังแอบคิดเลยว่าเดี๋ยวตัวนายก อบจ. คงออกมาปฏิเสธแบบสวยๆ สไตล์แม่บ้านขาโหด ว่า การนำงบดังกล่าวมาสนับสนุนการเดินทางของกองเชียร์ทีมบุรีรัมย์ฯ ก็เพื่อส่งเสริม กระตุ้นให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความตื่นตัวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระดับสโมสรภายในประเทศ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่น่าจะพอยอมรับกันได้ แม้จะมีการตั้งแง่จาก สตง.ว่าใช้เงินหลวงผิดวัตถุประสงค์ก็ตาม
แต่กลับเป็น "ประธานเนวิน" ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจาก อบจ.บุรีรัมย์ สามารถตรวจสอบบัญชีได้ทุกเมื่อ ฟังดูเป็นคำตอบที่หนักแน่น ทว่าหากคิดให้หนัก คิดให้เยอะมันเหมือนจะกลายเป็นถามช้าง ตอบม้า เพราะตอบไม่ตรงคำถาม เนื่องจาก สตง. ก็บอกอยู่แล้วว่านำเงิน อบจ. ไปขนกองเชียร์ ไม่ได้บอกว่าเอาไปให้สโมสรสักหน่อย ถือเป็นสไตล์อดีตนักการเมืองระดับลายคราม ที่เจอกับความโหดหินบนถนนการเมืองมามากรู้ว่าต้องเบี่ยงเบนคำตอบอย่างไร
สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือการที่คนโตแห่งเมืองปราสาทหิน ทุ่มเทเงินทองนับพันล้านบาท เพื่อเนรมิตจังหวัดทุรกันดารแห่งหนึ่งของประเทศที่แทบไม่มีใครอยากไปเยือนให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสีสัน มีทั้งสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถเป็นแลนด์มาร์ค เปลี่ยนฉายาจากเมืองปราสาทหินเป็น "ปราสาทสองยุค" ได้ ไม่ใช่แค่ทุ่มเงิน หากแต่ยังเป็นการทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อนำมาซึ่งความภูมิใจของคนอีสานใต้
อุตส่าห์กวาดแชมป์สร้างเกียรติยศความยิ่งใหญ่มาสู่สโมสรตั้งมากมาย อย่าปล่อยให้ภาพของ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” มาลบล้างมนต์ขลังของ GU12 เลย เสียดายจริงๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ไม่รู้ว่าไปทำกรรมเวรอะไรเอาไว้ สถานการณ์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก ออกอาการไม่สู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นผลงานในถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่เริ่มต้นเหมือนจะสบายผ่าน 3 นัด มี 7 แต้ม ชนะ 2 เสมอ 1 ตอนนั้นความฝันถึงการเข้ารอบก็สดใส แต่พอเข้านัดที่ 4 เปิดบ้านแพ้ กัมบะ โอซากา 1-2 แม้ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ลางสังหรณ์ชักไม่ดี จนมาล่าสุดบุกไปแพ้ ซองนัม ด้วยสกอร์เดียวกันอีก ขณะที่คู่แข่งอย่าง กัมบะ โอซากา ฟื้นจากหลุมมาแล้ว เมื่อบุกไปถล่ม กวางโจว อาร์แอนด์เอฟ ถึงแผ่นดินมังกร 5-0 ทำให้แต้มมาเท่ากับ บุรีรัมย์ฯ ที่ 7 คะแนน ต้องเบียดเข้ารอบกันถึงนัดสุดท้ายในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดบุรีรัมย์ สเตเดียม เอาชนะ คู่แข่งจากลีกจีนให้ได้ หากจำไม่ผิดปี 2013ลูกทีมของ “ประธานเนวิน” ก็เคยมี 7 คะแนน แต่ก็ผ่านถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ถือว่ายังได้ลุ้นกันอีกเฮือกหนึ่งของลมหายใจ
นอกจากความไม่สดใสบนเส้นทางแห่งศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่แห่งเอเชียแล้ว ยังมีเงาดำทะมึนพัดมาปกคลุม "ปราสาทสายฟ้า" ด้วยข่าวร้ายเรื่องที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทำการตรวจสอบการใช้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มี "ซ้อต่าย"นั่งตำแหน่งนายก อบจ. อยู่นั้น โดยมีรายงานที่เผยแพร่ในสำนักข่าวอิศรา ระบุว่ามีการนำงบหลวงไปใช้สำหรับขนกองเชียร์ ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหาร และ เบี้ยเลี้ยง เข้าชมการแข่งขันของทีม บุรีรัมย์ฯ ที่เดินทางไปแข่งขันยังสนามในจังหวัดอื่นๆ รวมแล้ว 16 ครั้ง เป็นเงิน 20 ล้านบาท
ตอนที่รู้เรื่องนี้ ผมยังแอบคิดเลยว่าเดี๋ยวตัวนายก อบจ. คงออกมาปฏิเสธแบบสวยๆ สไตล์แม่บ้านขาโหด ว่า การนำงบดังกล่าวมาสนับสนุนการเดินทางของกองเชียร์ทีมบุรีรัมย์ฯ ก็เพื่อส่งเสริม กระตุ้นให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความตื่นตัวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระดับสโมสรภายในประเทศ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่น่าจะพอยอมรับกันได้ แม้จะมีการตั้งแง่จาก สตง.ว่าใช้เงินหลวงผิดวัตถุประสงค์ก็ตาม
แต่กลับเป็น "ประธานเนวิน" ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจาก อบจ.บุรีรัมย์ สามารถตรวจสอบบัญชีได้ทุกเมื่อ ฟังดูเป็นคำตอบที่หนักแน่น ทว่าหากคิดให้หนัก คิดให้เยอะมันเหมือนจะกลายเป็นถามช้าง ตอบม้า เพราะตอบไม่ตรงคำถาม เนื่องจาก สตง. ก็บอกอยู่แล้วว่านำเงิน อบจ. ไปขนกองเชียร์ ไม่ได้บอกว่าเอาไปให้สโมสรสักหน่อย ถือเป็นสไตล์อดีตนักการเมืองระดับลายคราม ที่เจอกับความโหดหินบนถนนการเมืองมามากรู้ว่าต้องเบี่ยงเบนคำตอบอย่างไร
สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือการที่คนโตแห่งเมืองปราสาทหิน ทุ่มเทเงินทองนับพันล้านบาท เพื่อเนรมิตจังหวัดทุรกันดารแห่งหนึ่งของประเทศที่แทบไม่มีใครอยากไปเยือนให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสีสัน มีทั้งสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถเป็นแลนด์มาร์ค เปลี่ยนฉายาจากเมืองปราสาทหินเป็น "ปราสาทสองยุค" ได้ ไม่ใช่แค่ทุ่มเงิน หากแต่ยังเป็นการทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อนำมาซึ่งความภูมิใจของคนอีสานใต้
อุตส่าห์กวาดแชมป์สร้างเกียรติยศความยิ่งใหญ่มาสู่สโมสรตั้งมากมาย อย่าปล่อยให้ภาพของ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” มาลบล้างมนต์ขลังของ GU12 เลย เสียดายจริงๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
