Nike Golf Vapor หัวไม้แฟร์เวย์ที่ถูกออกแบบใหม่และปรับปรุง เพื่อเพิ่มความเร็วและชดเชยความผิดพลาด โดยวิศวกรและนักออกแบบของไนกี้ได้นำแรงบันดาลใจจากนักกอล์ฟมาเป็นส่วนผลักดันให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยหัวไม้แฟร์เวย์รุ่น Vapor นี้มีขนาด footprint ที่ใหญ่ขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและอยู่ลึกลงกว่าหัวไม้รุ่นก่อน
ทั้งนี้นักกอล์ฟของไนกี้ ต้องการหัวไม้แฟร์เวย์ที่มีหน้าไม้ที่ใหญ่ขึ้น แต่ต้องไม่มีผลกระทบกับความเร็วของลูกกอล์ฟ หรือสภาวะการออกตัวที่เหมาะสมด้วย ไนกี้จึงได้ปรับปรุง chassis ของหัวไม้ โดยปรับความลาดเอียงที่ส่วนยอดเพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำลง ซึ่งยังสามารถคงสภาวะการออกตัวไว้ได้อย่างดี
หัวไม้แฟร์เวย์รุ่น Vapor Speed ใช้เทคโนโลยี FlyBeam ร่วมกับการออกแบบ Covert Cavity Back และ Compression Channel กับเทคโนโลยีหน้าไม้แบบ NexCOR เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับ chassis ของหัวไม้ ให้ความเร็วของลูกกอล์ฟได้สูงสุด เพื่อให้ระยะทางที่ตรงและไกลขึ้น อีกทั้งจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงช่วยให้ลูกพุ่งทะยานขึ้นสูงและมีสปินต่ำ
ส่วนรุ่น Vapor Flex ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับรุ่น Vapor Speed ที่ได้ออกแบบให้ chassis มีรูปทรงกระชับขึ้น แต่ได้เพิ่มระบบการปรับหน้าไม้ Nike FlexLoft 2 ที่นักกอล์ฟสามารถปรับหน้าไม้ได้แตกต่างกันถึง 15 รูปแบบ โดยเทคโนโลยี FlexLoft ตัวใหม่ได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น ด้วยน้ำหนักที่เบาลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีผลต่อการทำงานของระบบ ซึ่งทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงได้อีกถึง 2 มม. การกระจายมวลน้ำหนักแบบใหม่นี้ทำให้หัวไม้มีเสถียรภาพมากขึ้น ให้สภาวะการออกตัวที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความเร็วให้กับวงสวิงด้วย นอกจากนี้ FlexLoft 2 ยังมีข้อดีคือนักกอล์ฟสามารถใช้ก้านร่วมกับก้าน Covert รุ่นก่อนได้ หรือสามารถสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างก้านกับหัวไม้ระหว่างรุ่นได้เช่นกัน
