ทีมวิศวกรของไนกี้ออกแบบและพัฒนาให้ Vapor Flex เป็นไดร์ฟเวอร์ที่ให้ระยะทางเช่นเดียวกับ เวเปอร์ โปร (Vapor Pro) และเวเปอร์ สปีด (Vapor Speed) โดยไดร์ฟเวอร์ไนกี้ Vapor Flex เป็นไดร์ฟเวอร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วย 3 เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในไดร์ฟเวอร์ทั้งสองรุ่น
เทคโนโลยี FlyBeam ที่รวมไว้กับการออกแบบ Covert Cavity Back รวมกับเทคโนโลยี Compression Channel ซึ่งจะช่วยส่งพลังให้ลูกออกจากหน้าไม้เช่นเดียวกับสปริง และเทคโนโลยี FlexLoft 2 จะช่วยให้นักกอล์ฟสามารถปรับลอฟท์ได้ถึง 5 แบบ ปรับมุมหน้าไม้ได้ 3 ระดับ รวมการปรับลอฟท์ และระดับหน้าไม้ได้ถึง 15 ตำแหน่ง ด้วยเทคโนโลยีที่ประสานกันนี้ทำให้ส่งพลังไปสู่ลูกกอล์ฟได้มากขึ้น และได้ระยะทางเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ทีมวิศวกรของไนกี้ยังได้คิดค้นเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยให้นักกอล์ฟควบคุมวิถีที่ลูกออกจากหน้าไม้ได้สูงสุด ด้วย FlexFlight คือมีหลอดบรรจุเรซินที่มีความยืดหยุ่นสูงอยู่ด้านในซึ่งจะสอดไว้ในท่อที่ด้านล่างของหัวไม้ ที่เรียกว่า FlightPod ด้วยการปรับ FlightPod นักกอล์ฟสามารถปรับจุดศูนย์ถ่วงหน้าไม้ไปในทิศทางที่เข้ากับวงสวิงของตนเอง เพื่อให้ลูกเหินออกจากหน้าไม้ในวิถีทางที่ดีที่สุด ซึ่งเทคโนโลยี FlexFlight นักกอล์ฟสามารถปรับแต่งจุดศูนย์ถ่วงของหัวไม้ตั้งแต่ด้านล่าง จนถึงด้านหน้า รวมถึงแนวล่างและแนวบน ด้วยการปรับระดับที่หลอดเรซินด้วยอุปกรณ์เสริมชนิดเดียวกับที่ใช้ปรับ FlexLoft2 ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะส่งผลต่อระดับการเหินของลูกเมื่อออกจากหน้าไม้ ความเร็วที่หน้าไม้กระทบลูก และค่าชดเชยความผิดพลาด (เพิ่มขึ้นในขณะที่ปรับจุดศูนย์ถ่วงระดับกลาง) และทำงานได้ดีขึ้น (ขณะที่จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ)
ทั้งนี้เทคโนโลยี FlexFlight ง่ายต่อการใช้งาน ด้วยด้านหลังหัวไม้จะมีหลอดบรรจุเรซิน ขนาด 15 กรัมที่สอดไว้ในท่อ FlightPod ด้วยการใช้อุปกรณ์ปรับแต่งที่ให้มา นักกอล์ฟสามารถหมุนซ้าย ขวา จนได้ยิน เสียง “คลิก” ก็สามารถเปิดและปิดล็อกท่อนี้ได้ ขณะที่ไม่ได้ใช้งานก็สามารถถอด FlightPod ออกได้ และสามารถใส่กลับเข้าไปใหม่ได้อย่างง่ายดาย
ไดร์ฟเวอร์ไนกี้ Vapor Flex จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558
