หัวไม้ไฮบริดรุ่น Vapor Flex และ Vapor Speed Hybrid ที่สามารถเพิ่มระยะทางและสภาวะการออกตัวที่ดีขึ้นเป็นผลงานล่าสุดในการออกแบบชุดไม้กอล์ฟในตระกูล Vapor ของไนกี้ กอล์ฟ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสะดุดตาอยู่ที่รูปทรงส่วนเว้าของ Cavity Back และ Compression Channel
โดยหัวไม้ไฮบริดรุ่น Vapor Flex ใหม่นี้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีของไนกี้ ได้แก่ FlexLoft2 การย้ายจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง การทำให้เส้นขอบของหน้าไม้ต่ำและเป็นเส้นตรงมากขึ้น และ FlyBeamที่ควบคู่มากับ Covert Cavity Back ที่จะส่งผลด้านพลังโดยตรงต่อ Compression Channel ที่ถูกออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับลูกทุกจุดตลอดหน้าไม้
ทีมวิศวกรของ The Oven ได้ออกแบบรูปทรงใหม่ให้กับ chassis ของหัวไม้ไฮบริด Vapor Flex เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอเวลาตีกระทบลูกและเพิ่มประสิทธิภาพของสภาวะการออกตัว
หัวไม้ไฮบริดรุ่น Vapor Flex ออกแบบมาเพื่อให้ความเร็ว ความคล่องตัว และชดเชยความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น เส้นขอบที่หัวไม้จะเป็นเส้นตรงมากขึ้นและอยู่ใกล้กับพื้นหญ้ามากขึ้น ในขณะที่ FlexLoft 2 ที่มีน้ำหนักเบาลง และส่วนบนของหัวไม้มีความลาดเอียงมากขึ้น มีผลทำให้จุดศูนย์ถ่วงย้ายไปจุดที่ต่ำลง ซึ่งจะทำให้สภาวะการออกตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเทคโนโลยี FlexLoft2 ได้ถูกปรับปรุงมาเพื่อใช้กับหัวไม้ไฮบริด Vapor Flex โดยนักกอล์ฟสามารถปรับหน้าไม้ให้เข้ากับลักษณะการตีของตนเพื่อให้ได้ระยะทางมากที่สุดและได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น ด้วยน้ำหนักที่เบาลงถึง 30% โดยไม่มีผลต่อการทำงานของระบบ การกระจายมวลน้ำหนักแบบใหม่นี้ทำให้หัวไม้มีเสถียรภาพมากขึ้น ให้สภาวะการออกตัวที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความเร็วให้กับวงสวิงด้วย อีกหนึ่งข้อดีของ FlexLoft 2 คือนักกอล์ฟสามารถใช้ก้านร่วมกับก้าน Covert รุ่นก่อนได้ หรือสามารถสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างก้านกับหัวไม้ระหว่างรุ่นได้เช่นกัน
ส่วนหัวไม้ไฮบริดรุ่น Vapor Speed ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความเร็ว เพิ่มวิถีโค้ง และชดเชยความผิดพลาด ซึ่งเทคโนโลยีที่สำคัญทั้งสองอย่างนี้จะรวมพลังกันเพื่อให้ลูกมีวิถีโค้งที่สูงสุดและควบคุมได้อย่างที่นักกอล์ฟต้องการนอกจากนี้ เทคโนโลยี FlyBeam ที่มาควบคู่กับ Cavity Back และ Compression Channel ที่ได้รับการออกแบบใหม่ได้ถูกนำมาใช้กับหัวไม้ไฮบริดรุ่น Vapor นี้ด้วย เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับลูกกอล์ฟและให้สภาวะการออกตัวที่ดีที่สุดจากทุกส่วนของหน้าไม้ โดย Covert Cavity จะทำงานอยู่ที่ส่วนด้านหลังของหัวไม้ และเน้นผลมาให้กับส่วนที่ทำงานอยู่ด้านหน้าไม้เพื่อให้เกิดผลเหมือนกับสปริงทั่วทั้งหน้าไม้ และเปลี่ยนเป็นพลังงานที่จะถูกถ่ายทอดไปยังลูกกอล์ฟ
