ASTV ผู้จัดการรายวัน - นับตั้งแต่วันแรกที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมผู้บริหารได้ทำการเปิดตัวสนามแข่งรถที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปี 2557 พร้อมขนรายการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกมาเสิร์ฟถึงสองรายการ ภาพที่ผู้คนเรือนแสนทั้งไทยและเทศตีตั๋วมาชมเกือบเต็มความจุนับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
สนาม “ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต” สังเวียนความเร็วระดับโลกของไทย เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการไปแลัวในรายการ ซูเปอร์ จีที วันที่ 4-5 เดือนตุลาคมปีก่อน ตามด้วยรายการใหญ่ที่เพิ่งรูดม่านไปหมาดๆ อย่าง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพสนามที่ 2 ของฤดูกาล 2015 นอกจากนี้ยังมีออแกไนซ์อีกหลายเจ้าที่ขอติดต่อใช้สนามแห่งนี้ ดังนั้นจึงอยากจะพาไปรู้จักกับฟันเฟืองที่เหมือนเป็นอะไหล่สำคัญที่คอยผลักดันอย่าง “โอ๊ต” ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการประจำสนาม
นาย ตนัยศิริ พูดถึงภาพรวมของสนามที่ผ่านมาว่า “ตั้งแต่เราเปิดใช้สนามในเดือนตุลาคม มาจนถึงวันนี้แทบไม่ว่างเลย เพราะมีบริษัทต่างๆ มาขอใช้บริการ ทั้งถ่ายโฆษณา เช่าสนามแทร็คเดย์ โดยเฉพาะ เมอร์เซเดส เบนซ์ ที่มาขอใช้สนามเพื่อให้บริการกับสมาชิกถึง 11 วัน แต่จะมีช่วงเวลาที่เราต้องทำการปิด 2 สัปดาห์ เพื่อปรับปรุงสนามเอาไว้รองรับการแข่งขันรายการใหญ่อย่าง ซูเปอร์จีที และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป ที่เพิ่งจบลงไป”
“พูดถึง ซูเปอร์จีที ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ตลอด 2 วันที่แข่งมีผู้ชมมาดูถึง 130,000 ที่นั่ง ชนิดที่ผู้บริหารของญี่ปุ่นเองก็ตกใจเพราะที่จำนวนคนดูที่บ้านเขาไม่เยอะขนาดนี้ แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราเพิ่งเปิดสนามครั้งแรกด้วย เช่นเดียวกับ ซูเปอร์ไบค์ ที่งานนี้เราได้เห็นแฟนมอเตอร์สปอร์ตขี่บิ๊กไบค์มาชมกันเป็นหมู่คณะทั้งคนไทยและต่างชาติ แถมยังมีนักบิดคนไทยลงแข่งด้วยทำให้พื้นที่ แกรนด์ สแตนด์ ขายดีมาก” โอ๊ต เผย
เมื่อพูดถึงวงการ มอเตอร์สปอร์ต แน่นอนว่าเป็นกีฬาเฉพาะกลุ่มที่ทำการตลาดได้ยากกว่าชนิดอื่น แต่ ตนัยศิริ กลับเผยว่าการทำประชาสัมพันธ์โปรเจกต์ต่างๆ ของสนามนั้นไม่ยากนัก เพราะมีฐานแฟนฟุตบอลของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แห่งศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก โดยเฉพาะคนในพื้นที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญอยู่แล้ว บวกกับยอดถูกใจและกดติดตามทาง เฟซบุ๊ค จำนวนหลักแสนทำให้ข่าวสารต่างๆ เข้าถึงทุกคนได้ง่ายและเป็นที่แพร่หลายในยุคปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน แม้บรรยากาศหรืออุณหภูมิของไทยจะร้อนอบอ้าวกว่าประเทศทางฝั่งยุโรป จนทำเอาคนดูและนักแข่งที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศแบบนี้ แต่ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงวัย 27 ปี มองว่าไม่ใช่อุปสรรคปัญหาสำคัญแม้แต่น้อย “จากที่ได้พูดคุยกับหลายฝ่ายทุกคนแฮปปี้มาก เพราะได้มาแข่งในสถานที่ใหม่ๆ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมบ้านเรา ชิมอาหารข้างทาง ท่องเที่ยวสถานที่สำคัญซึ่งบ้านเขาไม่มี ขณะเดียวกันพอแข่งจบแล้วทุกคนก็ยังไม่ได้กลับทันทีส่วนมากก็จะแวะไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆด้วย”
หลังจบทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแชมป์ตกเป็นของ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต นักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เรซระดับนี้ที่สำคัญเกิดขึ้นบนโฮมเรซด้วย “โอ๊ต” กล่าวว่าจากนี้จะทำการปิดปรับปรุงสนาม 1 สัปดาห์ ก่อนเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดอีเวนต์สำคัญอย่าง ซูเปอร์ วัน เรซซิง (S1R) เดือนเมษายน ต่อด้วย ซูเปอร์จีที ที่จะกลับมาอีกครั้งวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ขณะที่รายการใหญ่ที่แฟนความเร็วตั้งตารอ โมโตจีพี เจ้าตัวระบุว่ายังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
“สำหรับ โมโต จีพี เรายังคงเจรจากับ ดอร์นา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องของสนามไม่มีปัญหา เพราะมีทีมงานมาตรวจสอบตลอด โดยเราอยากให้การแข่งขันเกิดขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเฉลิมฉลองของบ้านเรา เพียงแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องการยื่นเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้รีบร้อน เชื่อว่าอนาคตเกิดขึ้นแน่ขอให้อดใจ” ตนัยศิริ ตอบคำถามเรื่องที่หลายคนคาใจมานาน
สุดท้าย ผู้บริหารหนุ่มแห่ง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต หวังให้สังเวียนความเร็วแห่งนี้เป็นเวทีแจ้งเกิดสำหรับนักขับชาวไทยทุกคน เพื่อต่อยอดไปสู่เวทีระดับโลกและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ “สิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุดคือนักแข่งคนไทยได้ขึ้นโพเดียมคว้าแชมป์และพาคนดูร่วมร้องเพลงชาติไทยไปด้วยกัน ซึ่ง ฟิล์ม รัฐภาคย์ และน้องๆ ที่ได้แชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งหวังว่าเราจะได้เห็นภาพเหล่านี้เกิดขึ้นไปเรื่อยๆเช่นกัน”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *