ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป ฤดูกาล 2014 นับเป็นเวทีสำคัญที่ส่งให้ชื่อของ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ฟื้นคืนชีพกลับมาอยู่แถวหน้าของวงการสองล้อ หลังสร้างประวัติศาสตร์ปลดล็อกโพเดียมระดับโลกรายการแรกในชีวิตได้ที่ โลเซล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แน่นอนว่าความสำเร็จในวันนั้นถือเป็นการปลุกเลือดนักซิ่งของ “ฟิล์ม” ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิมในปี 2015 ภายใต้ทีมงานและรถคู่ใจคันใหม่
รัฐภาคย์ วัย 26 ปี กำลังจัดคิวเตรียมแข่ง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เป็นปีที่ 2 ให้ต้นสังกัดใหม่อย่าง คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ในการดูแลของว่าที่ร้อยตรี ปวีร์ ปานดำรงค์สถิต บิ๊กบอสของบริษัท คอร์ เคมาติส จำกัด ซึ่งนักบิดหนุ่มชาวไทยเผยรู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังผ่านประสบการณ์ลองผิดลองถูกกับเวทีระดับโลกรายการใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน โดยเฉพาะรถแข่งที่มีการเซ็ตอัพแตกต่างจากระดับ โมโตทู รวมถึงสนามใหม่ที่ต้องศึกษาทำการบ้านจนในที่สุดก็ทำผลงานจบอันดับ 9 ตามเป้า
สำหรับฤดูกาลที่ 2 ในเวทีซูเปอร์ไบค์ของ “ฟิล์ม” มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจะได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมช่างหน้าใหม่และรถคู่ใจที่เซ็ตอัพต่างจากเดิม รวมถึงเปลี่ยนหมายเลขจากเบอร์ 14 มาเป็นเบอร์ 9 เพื่อความเป็นศิริมงคล โดยเผยว่า “ปีนี้ผมจะได้ทำงานกับทีมช่างใหม่ เช่น โยฮัน สตีตเฟลต์ ที่เคยทำงานกับ เคเตอร์แฮม, แอนดรูว์ มาชิน ที่ย้ายมาจาก พีทีอาร์, บาสเตียน ฮุสเช อดีตเอ็นจิเนียร์ของทีมระดับโมโตจีพี และ มาร์ค วิทฟิลด์ ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วปีก่อน ซึ่งพวกเขาจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ทีมของเรายกระดับผลงานขึ้นมา”
“ขณะที่เรื่องรถปีนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์จาก เอ.พี.ฮอนด้า ที่มอบรถ CBR 600 ซีซี ที่มีการเซ็ตอัพใหม่ทั้งตัวโช๊คอัพและระบบอิเล็กโทรนิกส์มาให้ผมใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีคุณ เนวิน ชิดชอบ ที่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปซ้อมที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำความคุ้นเคยกับสนามก่อนลงแข่งจริง ซึ่งต้องขอบคุณทีมงานทุกคนรวมถึงผู้สนับสนุนที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผมอย่างเต็มที่ก่อนเปิดฤดูกาล” รัฐภาคย์ กล่าว
การชิงชัยรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต ปีนี้มีทั้งหมด 13 สนาม โดยจะเปิดฉากรายการแรกที่ ฟิลิปป์ ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ถัดมาคือโฮมเรซที่ บุรีรัมย์ วันที่ 22 มีนาคมต่อไป และต่อเนื่องไปจนถึงสนามลำดับสุดท้ายที่ โลเซล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ ซึ่งถือเป็นสนามที่นักบิดจากชลบุรี ประกาศศักดาพาธงชาติไทยขึ้นโพเดียมอันดับ 2 มาแล้ว และการกลับมางวดนี้เจ้าตัวก็ได้วางเป้าหมายที่สูงขึ้นกว่าเดิมคือท็อป 5 รวมถึงแชมป์โลกนักบิดอันเป็นความฝันสูงสุดในชีวิต
โดย ฟิล์ม ที่ผ่านประสบการณ์ซิ่งในเวทีระดับโลกมาอย่างโชกโชน พูดถึงเป้าหมายใหม่ของตัวเองด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ปีที่แล้วผมจบท็อป 10 ถือว่าพอใจมากเพราะก่อนแข่งก็ผมกับพี่วีร์ (ปวีร์) ก็วางเป้าไว้ในระดับนี้ แม้จะมีพลาดล้มหรือแข่งไม่จบบ้างแต่ในที่สุดก็ทำได้ ทำให้ผมอยากจะพัฒนาผลงานตัวเองไปอีกขั้นคือท็อป 5 และแชมป์โลก โดยส่วนตัวผมคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้และอยากทำให้สำเร็จในช่วงเวลาท่าเรามีความมุ่งมั่นและความพร้อมมากที่สุด”
สุดท้ายเมื่อถูกถามถึงโอกาสที่จะกลับไปโลดแล่นในเวทีเดิมอย่าง โมโตทู หรือลงบิดแบบชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนปีที่แล้วให้กับทีม แอร์ เอเชีย เคเตอร์แฮม รัฐภาคย์ เผยตนไม่ได้มองถึงจุดนั้นอีกแล้ว เพราะต้องการมุ่งสมาธิให้กับการแข่งขันรายการปัจจุบันอย่างสุดความสามารถ คว้าชัยชนะและความสำเร็จมาประดับอาชีพ รวมทั้งยังมองไกลไปสู่การยกระดับตัวเองไปขี่รุ่นใหญ่กว่าเดิมอย่าง ซูเปอร์ไบค์
“ณ เวลานี้ผมมองว่าระดับมันไม่ต่างกันแล้ว ทั้ง โมโตทู หรือ ซูเปอร์ไบค์ ศักดิ์ศรีเท่ากันหมด ดังนั้น ผมอยากจะพัฒนาตัวเองและทำผลงานให้ดีที่สุดกับรายการที่แข่งอยู่มากกว่า ภายใต้การทำงานกับต้นสังกัดใหม่และทีมงานที่คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ส่วนอนาคตจะได้กลับไปขี่อีกหรือไม่ก็ขอให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์” นักบิดขวัญใจชาวไทย ทิ้งท้าย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
