xs
xsm
sm
md
lg

“คิงส์ คัพ” ไร้มนต์ขลัง / ชมณัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”

ขณะที่ผู้อ่านได้เห็นบทความนี้คงจะทราบผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าทีมใดเป็นผู้คว้าแชมป์ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43 ที่ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งตัวผมได้มีโอกาสมาเกาะติดสถานการณ์ถึงเมืองย่าโม จึงขอนำประสบการณ์ที่พบเจอมาฝากกัน

ก่อนอื่นขอเกริ่นย้อนสักนิดว่าตัวผมเองสมัยยังเป็นเด็กได้มีโอกาสชมทีมชาติไทยฟาดแข้งในสนามชัดๆ กับตาตัวเองก็ในศึก คิงส์ คัพ เนี่ยแหละ โดยไปกับคุณพ่อที่สนามศุภชลาศัย แม้จะจำไม่ได้ว่าเป็นเกมนัดไหน และผลสกอร์เท่าไร(คร่าวๆว่าเจอกับ เกาหลีใต้) แต่บรรยากาศในสนามวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจตลอดมา

พอได้มีโอกาสมาสัมผัสรายการนี้อีกครั้งในฐานะสื่อมวลชน กลับเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเหมือนกับว่า คิงส์ คัพ ดูจะไร้มนต์ขลังอย่างที่เคยรู้สึกเมื่อครั้งวัยเยาว์ โดยสิ่งแรกที่ชัดเจนคือจำนวนแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์ในสนาม หลังจากที่กระแสฟุตบอลไทยกลับมาฟีเวอร์ปรอทแตกอีกครั้งจึงมีหลายฝ่ายคาดว่า คิงส์ คัพ ครั้งที่ผ่านมานี้น่าจะมีแฟนบอลเข้ามาเชียร์เต็มความจุกว่า 2 หมื่นคนของสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เหมือนกับที่แฟนคลับเจ้าถิ่นแสดงพลังให้เห็นกับการเชียร์สโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในฤดูกาลที่แล้ว

แต่ที่ไหนได้ วันเปิดสนามที่ตรงกับวันอาทิตย์แท้ๆคนดูยังบางตา ซึ่งสาเหตุหลักคงหนีไม่พ้นเรื่องราคาบัตรที่แพงไปอย่างที่หลายคนวิจารณ์ ถ้าถามว่าตั๋วราคา 200 300 และ 400 บาท แล้วได้ดูบอลถึง 2 คู่ที่เตะในวันเดียวนั้นแพงหรือไม่ ตอบได้ว่าไม่แพง แต่ประเด็นคือจะมีสักกี่รายที่อยากจะมาดูคู่แรกที่ไทยไม่ได้ลงแข่ง เกือบทุกรายซื้อตั๋วราคานี้แล้วดูแค่ทีมชาติไทยคู่เดียวด้วยซ้ำ

ที่สำคัญตลอดทัวร์นาเมนท์ที่ผมได้โอกาสเดินทางมาเกาะติดทัพ “ช้างศึก” ถึงแดนย่าโม พบว่ามีนักเรียนขาสั้นจำนวนมากที่มารอคอยเชียร์ คอยตามติดเหล่าฮีโร่ของตนเองหลายสิบคน ทั้งในที่พักและสนามซ้อม ยังไม่นับกองเชียร์สาววัยรุ่นที่ตามสมทบอีกรวมๆก็หลักร้อยคน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้คงไม่มีทุนทรัพย์มากพอจะจ่ายค่าบัตรราคา 300-400 บาท เข้าดูทั้ง 3 นัด เด็กประถม-มัธยมในต่างจังหวัด จะได้เงินค่าขนมสักกี่บาทเชียว แต่ราคาบัตรนี่แพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก พอได้เห็นดังนี้ก็อดรู้สึกสงสารและนับถือจิตใจของพวกเขาไม่ได้

ซึ่งการที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีนโยบายนำศึก คิงส์ คัพ มาจัดตามจังหวัดต่างๆโดยที่ไม่ผูกขาดกับแค่ในเมืองหลวงนั้นผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเป็นโอกาสที่ทุกคนในประเทศจะได้ลองชมการเล่นของทีมชาติไทยกับตาตัวเอง โดยเฉพาะในระดับเยาวชนที่จะได้แรงบันดาลใจชั้นดีหากหวังที่จะเดินทางสายลูดหนังในอนาคต เชื่อเหอะว่ามีนักบอลหลายรายที่ได้แรงบันดาลใจจากรายการนี้ ดังนั้นฝ่ายจัดการแข่งขันควรที่จะมองให้รอบคอบมากกว่านี้ คำนวณถึงอัตรารายได้และวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นที่ไปไหนมาไหนกันเป็นครอบครัว หนำซ้ำยังไม่มีการขนส่งสาธารณะมาคอยให้บริการ ไม่มีรถเมล์ BTS และ MRT มาช่วยเหลือเรื่องการเดินทาง เวลาไปไหนมาไหนต้องขับหรือเหมารถไปเองเท่านั้น

ส่วนประเด็นเรื่องทีมรับเชิญที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นทีมชั้นรองหรือไม่ใช่ทีมชุดใหญ่จึงทำให้กระแสคนดูลดลงนั้นก็มีส่วน แต่ผมไม่ขอพูดถึง เพราะมันเป็นมานานแล้ว และเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชิญทีมดีๆเข้าแข่งขัน เพราะอันดับโลกเราก็ไม่ใช่ว่าจะดีเลิศ ที่สำคัญยังไม่ตรงกับฟีฟาเดย์อีกก็ยิ่งเป็นงานหินเข้าไปใหญ่ แต่ทั้ง 3 ทีมที่มาครั้งนี้ในเรื่องของฟุตบอลผมมองว่าแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ซ้อมให้ “ช้างศึก” ชุดนี้ได้อย่างเหมาะสม

ตอนนี้เรื่องฝีเท้าของนักฟุตบอลทีมชาติไทยได้พิสูจน์แล้วว่าดีพอที่จะดึงดูดแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนาม ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันหรือผู้เกี่ยวข้องก็ควรจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นตามด้วย อย่ามองเพียงว่ากระแสกำลังบูมแล้วจะทำอะไรก็ได้ มิเช่นนั้นแล้ว ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ที่ศักดิ์ศรีสำคัญที่สุดเหนือถ้วยทุกใบในประเทศนี้ อาจจะหมดสิ้นมนต์ขลังไปในเร็ววัน

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น