xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอย “ช้างศึก” ข่ม “เสือเหลือง” ก่อนชี้ชะตา!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

MGR SPORT อาสาย้อนอดีตการพบกันระหว่าง 2 คู่แค้น ไทย และ มาเลเซีย ตลอด 11 ครั้ง ที่ผ่านมา ในศึกชิงเจ้าอาเซียน ซึ่งสถิติ “ช้างศึก” ่ข่มอยู่ ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้เพียง 2 ครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะลงฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศ ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 นัดแรกวันที่ 17 ธันวาคม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
แชมป์สมัยแรก
ประเดิมชัยพร้อมแชมป์แรก (1996-สิงคโปร์)

ทั้งสองทีมพบกันตั้งแต่การฟาดแข้งรายการนี้ครั้งแรกสมัยในชื่อ “ไทเกอร์ คัพ” เมื่อปี 1996 ที่ สิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ ซึ่ง ไทย ชุดนั้นนำโดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง วัย 23 ปี ส่วน มาเลเซีย มี ดอลลาห์ ซัลเลห์ เฮดโค้ชคนปัจจุบันของทีม วัย 33 ปี ในขณะนั้น โดยรอบแรกอยู่ กลุ่ม บี ร่วมกัน ผลปรากฏว่าเป็น “ซิโก้” ที่ยิงให้ไทยนำก่อนตั้งแต่ น.28 แต่สุดท้ายโดนทีเด็ดของ ไซนัล ฮัสซัน ยิงตีเสมอใน น.59 จบด้วยสกอร์ 1-1 จูงมือกันเข้ารอบ

ก่อนที่ทั้งคู่จะโคจรมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง และเป็น “ซิโก้” คนเดิมที่สวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยตั้งแต่ น.9 ให้ทัพ “ช้างศึก” เฉือนเสือเหลือง 1-0 พร้อมครองเจ้าอาเซียนสมัยแรกได้สำเร็จ
คว้าแชมป์สมัย 2
ปราบรอบรองก่อนชูถ้วยสมัย 2 (2000-กรุงเทพฯ)

ไทย โคจรมาปะทะกับ มาเลเซีย อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน และเป็น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เจ้าเดิมที่ยิงประตูเบิกร่อง พร้อมเพิ่มสถิติยิงเสือเหลือง 3 แมตช์ติดต่อกันให้ตัวเอง ก่อนจะได้ ตะวัน (ธชตวัน) ศรีปาน กระทุ้งฝาโลงให้ไทยชนะ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงฯและไปเอาชนะอินโดนีเซียในบั้นปลาย 4-1 คว้าแชมป์สมัย 2
คว้าแชมปสมัย 3
“เสือเหลือง” ถล่มยับ แต่ไทยแชมป์ (2002-สิงคโปร์)

รอบแรก กลุ่ม บี ที่สิงคโปร์ “ช้างศึก” ได้ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ซัดเฮก่อนตั้งแต่ น.23 แต่สุดท้ายโดนไล่แซง 3 เม็ดรวดจากการ อัคมาล ริซาล รากลี, เต็งกู ฮัซมาน และ อินทรา ปูตรา มาฮายุดดิน ปราชัยครั้งแรก 1-3 แต่ยังสามารถผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม พร้อมหักด่าน เวียดนาม และ อินโดนีเซีย คว้าแชมป์สมัย 3 ได้สำเร็จ ส่วน มาเลเซีย จอดป้ายให้ “อิเหนา” ในรอบรองฯ
ชนะต่อเนื่อง
“มาเลย์” เฉือนคาบ้านถีบ “ช้างศึก” ร่วงรอบแรก (2004-กัวลาลัมเปอร์)

ทั้งคู่เจอกันในรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เล่นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถิ่นของมาเลเซีย แม้ ไทย จะได้ “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำดี กระทุ้งออกนำก่อนใน น.45 แต่เจ้าบ้านไม่ปล่อยให้เสียงเชียร์เสียเปล่าฮึดไล่แซงสำเร็จ 2-1 จากการเบิ้ลของ คาลิด จามลุส พร้อมเขี่ย “ช้างศึก” จอดป้ายรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก
แย่งแชมป์กลุ่ม (2007-กรุงเทพฯ)

แย่งแชมป์กลุ่ม เอ กันในแมตช์สุดท้ายรอบแรก หลังชนะและเสมอมาอย่างละ 1 เกมเท่ากัน ผลปรากฏว่า เป็น “โจ้ 5 หลา” คนเดิมที่ยิงประตูชัยในต้นครึ่งหลัง น.48 ให้ไทยเข้าวินเป็นอันดับ 1ด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนที่จะไปพ่าย สิงคโปร์ ในนัดชิงฯ 2-3

“มุ้ย” โชว์เบิ้ล (2008-ภูเก็ต)

ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต ทัพ “ช้างศึก” ยุคผลัดใบยิงนำจาก สุธี สุขสมกิจ น.23 ก่อนจะได้ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา วัย 20 ปี ขณะนั้น เบิ้ลปิดท้ายสองตุง น.46 และ น.76 ชนะ 3-0 ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม พร้อมถีบ มาเลเซีย ร่วงตกรอบแรก แต่สุดท้ายไปปราชัยต่อ เวียดนาม ในนัดชิงฯ 2-3 ชวดแชมป์อีกครั้ง
มาเลเซีย คว้าแชมป์สมัยแรก
“มาเลเซีย” ผงาดแชมป์แรก (2010-จาการ์ตา)

พบกันในนัดสองของรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 แต่นัดสุดท้าย ไทย พ่ายต่อ อินโดนีเซีย 1-2 รวม 3 นัดไม่ชนะใครเลยจอดป้ายเพียงรอบแรก ส่วนทัพ “เสือเหลือง” ที่ได้รองแชมป์กลุ่ม ฝ่าฝันอุปสรรคจนถึงรอบชิงฯ และชนะ “อิเหนา” ที่เคยพ่ายมาในรอบแรก 1-5 ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 คว้าแชมป์สมัยแรกได้สำเร็จ
เจอกันรอบตัดเชือก
เช็กบิลที่บ้านพร้อมผ่านเข้าชิงฯ (2012-กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ)

ไทย คว้าแชมป์กลุ่ม เอ ส่วน มาเลเซีย รองแชมป์กลุ่ม บี มาชี้ชะตาในรอบตัดเชือก โดนเกมแรกที่กัวลาลัมเปอร์ นอร์ชารูล อิดลาน ยิงให้ “ฮาริเมา มาลายา” นำก่อน แต่ ธีรศิลป์ แดงดา ช่วยเซฟชีวิตใน น.78 คว้าผลเสมอ 1-1 กลับบ้าน

ก่อนที่นัดสอง “ช้างศึก” จะเช็กบิลที่สนามศุภชลาศัย 2-0 จาก “เจ้ามุ้ย” และ “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ผ่านเข้ารอบชิงฯเป็นสมัยที่ 6 แต่พ่ายต่อ สิงคโปร์
ชนะก่อนในรอบแรก
ไล่แซงเอาฤกษ์ (2014-สิงคโปร์)

การปะทะกันหนล่าสุดของทั้งคู่เกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มปีนี้ โดยเป็น มาเลเซีย ที่ยิงนำจาก อัมรี ยาห์ยาห์ (น.28) แต่ ไทย ตามตีเสมอจาก อดิศักดิ์ ไกรษร (น.43) อย่างไรก็ตาม “เสือเหลือง” ยังไม่สิ้นลาย ครบ 1 ชั่วโมงของเกมได้ ซาฟิค ราฮีม กระทุ้งขยับหนีอีกครั้ง แต่สุดท้ายเป็น “ช้างศึก” ที่ฮึดยิงสองตุงรวดจาก ชาริล ชัปปุยส์ (น.72) และ “เจ้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ในนาทีสุดท้ายของเกม พลิกชนะ 3-2 พร้อมยืดสถิติไม่แพ้มาเลเซียในรายการนี้ 5 นัดหลังสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น