คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
แฟนฟุตบอลไทยกำลังปลื้มปีติกับผลงานอันยอดเยี่ยมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามารับเผือกร้อนชิ้นโต แต่ในปีหน้า 2015 จะเป็นบททดสอบของกุนซือวัย 41 ปีรายนี้ ที่ได้รับมอบหมายภารกิจใหญ่จากนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้กอบกู้สถานการณ์ “ช้างศึก” ทุกชุด
ในปี 2015 ทัพนักเตะทีมชาติไทย ทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ มีโปรแกรมลงฟาดแข้งอุตลุด ไล่ตั้งแต่ต้นปี “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43” ระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2015 ที่ จ.นครราชสีมา โดยมี โครเอเชีย เกาหลีใต้ และ เกาหลีเหนือ เป็นแขกรับเชิญ
ต่อด้วยคิวของ แข้งเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี ในศึก “เอเอฟซี ยู-23 แชมเปียนชิป 2016” ซึ่งเป็นรายการที่จะคัดหาทีมไปเล่น โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล โดยรายการนี้ “ช้างศึก” จะลงเล่นรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบแรก ระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2015 อยู่กลุ่ม จี ร่วมกับ เกาหลีเหนือ กัมพูชา และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งทีมแชมป์ของแต่ละกลุ่มรวม 10 ทีม กับอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 5 ทีม จะได้ไปลุ้นต่อในรอบสุดท้ายที่ กาตาร์ เป็นเจ้าภาพ วันที่ 12-30 มกราคม 2016
จากนั้นแข้ง ยู-23 จะลงล่าเหรียญทองในศึก “ซีเกมส์ ครั้งที่ 28” ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5-16 มิถุนายน 2015 ขณะเดียวกัน ทัพ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ ก็มีโปรแกรมสำคัญที่ต้องลงเล่นคือรายการ “ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย” ที่จะคัดหาทีมไปเล่นรอบสุดท้ายที่รัสเซีย ซึ่งรายการนี้ยังเป็นการพ่วงกับการคัดหาทีมเข้าแข่งศึก เอเชียน คัพ 2019 ไปพร้อมๆ กัน
ทีนี้มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคิวของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ดันมี 2 เกมที่ไปทับซ้อนกับช่วงแข่งซีเกมส์ คือวันที่ 11 และ 16 มิถุนายน 2015 ซึ่งในปีหน้ายังมีนักเตะหลายรายยุคซิโก้ที่อายุตามเกณฑ์สามารถเล่นได้ในทุกรายการข้างต้นที่ร่ายเรียงมา ไม่ว่าจะเป็น “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชาริล ชัปปุยส์ หรือ นูรูล ศรียานเก็ม
ซึ่งที่ผ่านมา ทีมชาติไทย เคยเจอปัญหาลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อปี 2001 และ 2011 ที่ทั้งสองรายการโคจรมาแข่งช่วงเวลาเดียวกันพอดี โดยในปี 2001 มี นิรุจน์ สุระเสียง ตัวรับชื่อดังที่กำลังเฉิดฉายกับ บีอีซี เทโรศาสน ที่มีชื่อติดทีมทั้งสองชุด แม้สุดท้าย “เจ้าตั้ม” จะมีอาการบาดเจ็บติดตัวจากชุดใหญ่จนไม่ได้ลงเล่นในซีเกมส์แม้แต่นัดเดียวพร้อมเสียโควตาไปฟรีๆแต่ท้ายที่สุดไทยก็ยังผงาดครองเจ้าอาเซียนได้สำเร็จ
ส่วนในปี 2011 มีแข้งดังหลายรายที่อยู่ในเกณฑ์ทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แต่เป็น ธีราทร บุญมาทัน ที่ถูกเรียกติดธงทั้งสองชุดเพียงรายเดียว ก่อนที่จะกลายเป็นตราบาปของ “เจ้าอุ้ม” ที่โดนใบแดงติดกันทั้ง 2 รายการและทีมตกรอบทั้งคู่
ดังนั้น ในปีหน้า “ซิโก้” จะต้องจัดระเบียบให้ดีว่ารายการไหนจะใช้ผู้เล่นรายใด รวมถึงจะแบ่งหน้าที่ของตนให้ใครเป็นผู้สั่งการข้างสนามในช่วงที่ต้องลงแข่งพร้อมกัน ที่สำคัญ อย่าลืมว่าแข้งเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังหลักของสโมสรต้นสังกัดที่ต้องกรำศึกหนักตลอดทั้งปีอีกด้วย กระดูกจะรับไหวหรือไม่
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสะกิดใจก็คือ ทั้งในปี 2001 2011 และ 2015 ทีมชาติไทย มีผู้จัดการทีมที่ชื่อ เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ทำหน้าที่เหมือนกันทั้ง 3 ครั้ง ดังนั้น ประสบการณ์ของ “กาเซ็ม” อาจเป็นที่ปรึกษาอย่างดีในการตัดสินใจ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
แฟนฟุตบอลไทยกำลังปลื้มปีติกับผลงานอันยอดเยี่ยมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามารับเผือกร้อนชิ้นโต แต่ในปีหน้า 2015 จะเป็นบททดสอบของกุนซือวัย 41 ปีรายนี้ ที่ได้รับมอบหมายภารกิจใหญ่จากนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้กอบกู้สถานการณ์ “ช้างศึก” ทุกชุด
ในปี 2015 ทัพนักเตะทีมชาติไทย ทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ มีโปรแกรมลงฟาดแข้งอุตลุด ไล่ตั้งแต่ต้นปี “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43” ระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2015 ที่ จ.นครราชสีมา โดยมี โครเอเชีย เกาหลีใต้ และ เกาหลีเหนือ เป็นแขกรับเชิญ
ต่อด้วยคิวของ แข้งเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี ในศึก “เอเอฟซี ยู-23 แชมเปียนชิป 2016” ซึ่งเป็นรายการที่จะคัดหาทีมไปเล่น โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล โดยรายการนี้ “ช้างศึก” จะลงเล่นรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบแรก ระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2015 อยู่กลุ่ม จี ร่วมกับ เกาหลีเหนือ กัมพูชา และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งทีมแชมป์ของแต่ละกลุ่มรวม 10 ทีม กับอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 5 ทีม จะได้ไปลุ้นต่อในรอบสุดท้ายที่ กาตาร์ เป็นเจ้าภาพ วันที่ 12-30 มกราคม 2016
จากนั้นแข้ง ยู-23 จะลงล่าเหรียญทองในศึก “ซีเกมส์ ครั้งที่ 28” ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5-16 มิถุนายน 2015 ขณะเดียวกัน ทัพ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ ก็มีโปรแกรมสำคัญที่ต้องลงเล่นคือรายการ “ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย” ที่จะคัดหาทีมไปเล่นรอบสุดท้ายที่รัสเซีย ซึ่งรายการนี้ยังเป็นการพ่วงกับการคัดหาทีมเข้าแข่งศึก เอเชียน คัพ 2019 ไปพร้อมๆ กัน
ทีนี้มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคิวของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ดันมี 2 เกมที่ไปทับซ้อนกับช่วงแข่งซีเกมส์ คือวันที่ 11 และ 16 มิถุนายน 2015 ซึ่งในปีหน้ายังมีนักเตะหลายรายยุคซิโก้ที่อายุตามเกณฑ์สามารถเล่นได้ในทุกรายการข้างต้นที่ร่ายเรียงมา ไม่ว่าจะเป็น “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชาริล ชัปปุยส์ หรือ นูรูล ศรียานเก็ม
ซึ่งที่ผ่านมา ทีมชาติไทย เคยเจอปัญหาลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อปี 2001 และ 2011 ที่ทั้งสองรายการโคจรมาแข่งช่วงเวลาเดียวกันพอดี โดยในปี 2001 มี นิรุจน์ สุระเสียง ตัวรับชื่อดังที่กำลังเฉิดฉายกับ บีอีซี เทโรศาสน ที่มีชื่อติดทีมทั้งสองชุด แม้สุดท้าย “เจ้าตั้ม” จะมีอาการบาดเจ็บติดตัวจากชุดใหญ่จนไม่ได้ลงเล่นในซีเกมส์แม้แต่นัดเดียวพร้อมเสียโควตาไปฟรีๆแต่ท้ายที่สุดไทยก็ยังผงาดครองเจ้าอาเซียนได้สำเร็จ
ส่วนในปี 2011 มีแข้งดังหลายรายที่อยู่ในเกณฑ์ทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แต่เป็น ธีราทร บุญมาทัน ที่ถูกเรียกติดธงทั้งสองชุดเพียงรายเดียว ก่อนที่จะกลายเป็นตราบาปของ “เจ้าอุ้ม” ที่โดนใบแดงติดกันทั้ง 2 รายการและทีมตกรอบทั้งคู่
ดังนั้น ในปีหน้า “ซิโก้” จะต้องจัดระเบียบให้ดีว่ารายการไหนจะใช้ผู้เล่นรายใด รวมถึงจะแบ่งหน้าที่ของตนให้ใครเป็นผู้สั่งการข้างสนามในช่วงที่ต้องลงแข่งพร้อมกัน ที่สำคัญ อย่าลืมว่าแข้งเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังหลักของสโมสรต้นสังกัดที่ต้องกรำศึกหนักตลอดทั้งปีอีกด้วย กระดูกจะรับไหวหรือไม่
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสะกิดใจก็คือ ทั้งในปี 2001 2011 และ 2015 ทีมชาติไทย มีผู้จัดการทีมที่ชื่อ เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ทำหน้าที่เหมือนกันทั้ง 3 ครั้ง ดังนั้น ประสบการณ์ของ “กาเซ็ม” อาจเป็นที่ปรึกษาอย่างดีในการตัดสินใจ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *