ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทัพนักเตะทีมชาติไทย ต้องปรับทัพหลังจากชวดใช้งาน 2 กองหน้าตัวหลัก โดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ตัดสินใจเลือกดัน “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ มิดฟิลด์ตัวจี๊ดขึ้นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า และเป็นความหวังในการล่าประตู ฟิลิปปินส์ เกมชี้ชะตาศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 รอบรองชนะเลิศ เย็นวันนี้ (10 ธ.ค.57) เพื่อกรุยทางเข้าสู่บันไดทวงเจ้าอาเซียนขั้นสุดท้าย
ทัพ “ช้างศึก” บุกไปเสมอ ฟิลิปปินส์ ที่ ริซัล เมโมเรียล สเตเดียม 0-0 ในนัดแรก รอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 พร้อมเตรียมลงชี้ชะตานัดสองที่ ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 10 ธันวาคม นี้ เวลา 19.00 น. โดยก่อนเกม “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ต้องเจอปัญหาการจัดทัพเนื่องจากชวดใช้งาน 2 ศูนย์หน้าตัวหลักอย่าง กีรติ เขียวสมบัติ ที่กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังฉีก ต้องพักยาวจนจบทัวร์นาเมนต์ กับ อดิศักดิ์ ไกรษร หอก 2 ประตู ที่ติดโทษแบน 1 นัด จากการโดนใบแดงไล่ออกนัดแล้ว
โดย เทรนเนอร์วัย 41 ปี ได้เตรียมรับมือปัญหาดังกล่าวด้วยการปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่งในการซ้อม 2 ครั้งล่าสุด ด้วยการดัน “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวเก่งขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าในระบบ 4-3-3 พร้อมส่ง ประกิต ดีพร้อม แข้งฟอร์มแรงลงยืนมิดฟิลด์ทำเกมแดนกลางคู่กับ ชาริล ชัปปุยส์ เหนือตำแหน่ง สารัช อยู่เย็น ที่คอยตัดเกม โดยมี เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ กับ มงคล ทศไกร ลากเลื้อยริมเส้นซ้ายขวา ขณะที่แผงหลังจากซ้ายไปขวายังเป็นชุดเดิม นำโดย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ธนบูรณ์ เกษารัตน์ สุทธินันท์ พุกหอม นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เฝ้าเสา
ซึ่ง “ซิโก้” กล่าวถึงการปรับทัพในครั้งนี้ว่า “หากไม่นับ 2 คนข้างต้นที่ลงไม่ได้ ถือว่าผู้เล่นเราตอนนี้นั้นพร้อมเต็มที่ โดยเกมนี้เราต้องการประตูดังนั้นจึงต้องเน้นเกมรุก ซึ่งสนามหญ้าจริงจะช่วยให้เราเล่นง่ายขึ้นกว่าเกมแรกที่เป็นสนามหญ้าเทียม ส่วนเรื่องแทคติกนั้นจะไม่มีการปรับเปลี่ยนมากนัก เปลี่ยนคนพักบอลแดนหน้าเป็น ชนาธิป แทน โดยมี ประกิต ที่พร้อมจะสอดขึ้นมาสลับทำหน้าที่แทนระหว่างเกม ซึ่งแม้ทั้งคู่จะมีรูปร่างเล็กแต่เราก็เน้นการผ่านบอลกับพื้นเป็นหลักอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังจะมีการเติมเกมริมเส้นจากปีกและฟูลแบ็กทั้งสองข้างมากขึ้นอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม “ช้างศึก” ยังต้องระวังเรื่องการเสียอเวย์โกลที่จะมีผลจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ อดีตแข้งชุดดรีมทีมมั่นใจว่าจะปิดบัญชีภายใน 90 นาทีได้แน่นอน “เรามีการซ้อมเตรียมความพร้อมหากต้องเล่นช่วงต่อเวลามาตลอดอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของความฟิต ซึ่งเกมนี้ผมไม่ได้ให้นักเตะต้องพะวงเรื่องอเวย์โกล แต่จะเน้นให้ทุกคนมีสมาธิ เล่นตามเกมตามแทคติกที่ซ้อมกันมา และเชื่อว่าจะชนะใน 90 นาทีแน่นอน”
ด้าน ชนาธิป กล่าวถึงภารกิจใหม่ของตนว่าทำได้แน่นอน “เมื่อโค้ชให้โอกาสผม ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อเล่นได้ดีที่สุดไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตาม ซึ่งแม้ผมจะตัวเล็กและต้องปะทะกับคู่แข่งที่สูงใหญ่แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา เพราะมั่นใจว่าความคล่องตัวของผมน่าจะถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้แน่นอนเหมือนที่เคยเล่นตำแหน่งนี้ให้กับต้นสังกัดบีอีซี เทโรศาสนมาแล้ว ที่สำคัญจากที่ฝึกซ้อมมาโค้ชก็เน้นการจ่ายบอลกับพื้นเป็นหลักอยู่แล้วด้วย”
ฟาก โธมัส ดูลีย์ เฮดโค้ชชาวอเมริกัน ของ “ดิ อัซกาลส์” ที่เคยยกทัพมาปราชัยต่อไทยในเกมอุ่นเครื่องที่ จ.นครราชสีมา ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดตัวผู้เล่น แข้งตัวเก่งพร้อมลงสนามครบถ้วน นำโดย ฟิล ยังฮัสแบนด์ หัวหอกอดีตเด็กฝึกของ เชลซี ทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ ที่ทำไปแล้ว 2 ประตู 3 แอสซิสต์ กับ แพทริค ไรเชลส์ ปีกลูกครึ่งเยอรมัน ที่กระหน่ำไป 2 ตุงเท่ากัน กล่าวว่า “ทีมเราพร้อมเต็มที่แม้จะเป็นรองอยู่บ้างในการออกมาเล่นทีมเยือน แต่หากเรายิงไประตูได้ก็จะทำให้มีโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปมากขึ้น ส่วนเรื่องเสียงเชียร์ของแฟนเจ้าถิ่นนั้นไม่กังวลแน่นอน”
สำหรับเกมนี้ “ช้างศึก” จะใส่ชุดสีน้ำเงินลงสนาม โดยมีผู้ตัดสินจากเกาหลีใต้ทำหน้าที่ยกชุด ซึ่งผู้ชนะจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปรอพบผู้กำชัยระหว่าง เวียดนาม กับ มาเลเซีย ที่นัดแรกทัพเหงียนบุกไปเฉือนชัยได้ก่อน 2-1
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
