เอเยนซี - “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงสูงที่จะตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หน 3 ช่วง 4 ปีหลังสุด โดยวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายนนี้ จะต้องเปิด เอติฮัด สเตเดียม รับมือ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบใดต้องลุ้นให้อีกคู่สายเดียวกันเป็นใจด้วยคือ ซีเอสเคเอ มอสโก พบ “หมาป่ากรุงโรม” โรมา จึงจะได้ไปลุ้นต่อนัดสุดท้าย ดูแล้วโจทย์ค่อนข้างยากเหลือเกิน
แมนฯซิตี จมบ๊วยกลุ่ม อี 4 นัดมี 2 แต้ม ยังไม่ชนะทีมใด แม้ว่าจะอยู่ “กรุ๊ป ออฟ เดธ” แต่ต้องโทษตัวเองที่ 2 นัดก่อนหน้านี้กำชัยไม่ได้กับการเจอ ซีเอสเคเอ มอสโก ไล่ตั้งแต่บุกนำ 2-0 แต่สุดท้ายเสมอและล่าสุดแพ้คาถิ่น 1-2 ซึ่ง “เรือใบสีฟ้า” จะตกรอบทันทีหากไม่ชนะ บาเยิร์น และอีกคู่มีผลแพ้ชนะเกิดขึ้น โดย ซีเอสเคเอ กับ โรมา มี 4 แต้มเท่ากัน
เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แมนฯซิตี เพิ่งเปิดบ้านพลิกสถานการณ์จากตกเป็นรองเฉือน สวอนซี ซิตี 2-1 รั้งอันดับ 3 พรีเมียร์ ลีก ด้วยการมี 24 แต้มจาก 12 นัดตามจ่าฝูง เชลซี 8 แต้ม ซึ่งก่อนชี้ชะตากับ บาเยิร์น ว่าจะได้ต่อลมหายใจบนเส้นทาง แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้หรือไม่ ซาเมียร์ นาสรี อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศส ได้ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมค่าย
“ถึงตอนนี้ต้องบอกว่า แมนฯซิตี โชคดีที่ยังมีลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ เพราะปกติการมี 2 แต้มจาก 4 เกมคงกระเด็นไปแล้ว ดังนั้น เราต้องคว้าโอกาสที่เหลืออยู่ เนื่องจากไม่มีอะไรจะสูญเสียแล้ว แม้จะมีความมั่นใจจากการเอาชนะ สวอนซี แต่กับ บาเยิร์น ไม่เหมือนกัน เนื่องจากคือสโมสรชั้นนำอัดแน่นไปด้วยนักเตะระดับโลก” นาสรี เผย
ศึก แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปีที่แล้ว แมนฯซิตี ก็อยู่กลุ่มเดียวกับ บาเยิร์น พร้อมรีดผลงานยอดเยี่ยมบุกชนะ 3-2 ทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ดังนั้น เกมนี้นักเตะหลายคนน่าจะหวังว่าแมตช์ดังกล่าวคงเป็นแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี แต่จะไม่มี ยายา ตูเร กับ เฟอร์นานดินโญ 2 กองกลางคนสำคัญที่โดนแบนจากใบแดงเกมแพ้ ซีเอสเคเอ มอสโก คาถิ่น 1-2 ส่วนอีกคนที่ลงไม่ได้คือ ดาบิด ซิลบา ตัวปั้นเกมทีมชาติสเปนที่เจ็บเข่าวืดมาแล้ว 4 เกมหลังสุด
ดังนั้น มานูเอล เปเยกรินี กุนซือ แมนฯซิตี อาจจะส่ง เฟอร์นานโด, เจมส์ มิลเนอร์ หรือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงมาเก็บกวาดแผงมิดฟิลด์แทนคนที่ติดโทษแบน ส่วนหลังบ้านหายห่วง เนื่องจาก แวงซองต์ กอมปานี เซนเตอร์ฮาล์ฟ ฟิตจากอาการเจ็บน่อง มาเคาะสนิมนัดชนะ สวอนซี พอดิบพอดี แต่ฟอร์ม “เรือใบสีฟ้า” ไม่สู้ดีชนะแค่ 2 จาก 9 เกมหลังศึก แชมเปียนส์ ลีก ที่เล่นในบ้าน
ส่วน บาเยิร์น ไม่มีอะไรต้องกังวลในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน เพิ่งเปิดบ้านถล่ม ฮอฟเฟนไฮม์ 4-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นำโด่งทิ้ง โวล์ฟสบวร์ก 7 แต้ม จาก 12 นัด ส่วน แชมเปียนส์ ลีก เข้ารอบแล้วมี 12 แต้มจาก 4 นัด ทำให้ แมนฯซิตี คงแอบนึกในใจว่าแชมป์ยุโรป 5 สมัย จะเบาเครื่องด้วยการจัดทัพแบบไม่เต็มสูบ เนื่องจากมีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพียบ
4 ผู้เล่นบาเยิร์น ที่ลงไม่ได้แน่นอนคือ ฟิลิปป์ ลาห์ม, ดาวิด อลาบา, ฆาบี มาร์ติเนซ และ ติอาโก อัลคานทารา ซึ่งหากฟิตทั้งหมดสามารถลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวเลือกลำดับต้นๆ ได้สบาย แต่เกมล่าสุดได้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กองกลางจอมทัพ ฟิตลงสนามในฐานะตัวสำรองช่วง 13 นาทีสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเกมแรกนับตั้งแต่ช่วย เยอรมนี คว้าแชมป์โลก 2014 ที่ บราซิล
คืนวันเดียวกันกลุ่ม จี อีกหนึ่งสโมสรตัวแทนจากอังกฤษ เชลซี จะไปเยือนถิ่น เวลติน อารีนา ของ ชาลเก 04 แห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน ตอนนี้ทั้งคู่มี 8 กับ 5 แต้มตามลำดับ ไฮไลต์อยู่ที่เจ้าถิ่นคุมทัพโดย โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือที่พายักษ์ใหญ่กรุงลอนดอนคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2012
เกมนี้ โชเซ มูรินโญ กุนซือ เชลซี ที่เคยเป็นแชมป์ใบนี้มาแล้วเช่นกันตอนคุม ปอร์โต กับ อินเตอร์ มิลาน ต้องการชัยชนะเพื่อการันตีตั๋วรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งได้ออกมาเบี่ยงประเด็นดังกล่าวว่า “นัดนี้ผมไม่ได้เล่นกับ ดิ มัตเตโอ แต่ถ้าเจอกันเขาคงชนะแน่นอน เพราะเคยเป็นนักเตะ เว้นเสียแต่ว่าผมจะฟิตกว่า ดังนั้น เกมนี้ควรโฟกัสไปที่การเจอกันของ ชาลเก กับ เชลซี มากกว่า”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
