เจมี เรดแนปป์ อดีตมิดฟิลด์รูปหล่อ ซึ่งปัจจุบันหันมาสวมบทคอลัมนิสต์ของ “เดลี เมล” สื่อหัวดังแห่งเกาะอังกฤษ วิเคราะห์วิจารณ์ปัจจัยชี้ขาด ศึก พรีเมียร์ ลีก คู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง อาร์เซนอล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ประจำคืนวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งทั้งคู่ไม่สามารถก่อความผิดพลาด โดยเฉพาะแนวรับ ซึ่งอาจถูกแนวรุกระดับพระกาฬอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ กับ แดนนี เวลเบ็ค หรือ เวย์น รูนีย์ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เล่นงานจนอาจทำเอากองเชียร์ของตัวเองน้ำตาตกเอาได้ง่ายๆ
1. อเล็กซิส-เวลเบ็ค กับ เกมรับปวกเปียกของ ยูไนเต็ด
“ปิศาจแดง” ประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมาย และไม่ค่อยลงทุนกับนักเตะแนวรับเท่าไร ขณะเดียวกัน 2 แข้งป้ายแดงของ “เดอะ กันเนอร์ส” กำลังฟอร์มแรง โดยเฉพาะ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ซัดไปแล้ว 10 ประตู แถมไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากังวล คือ จอมเลื้อยวัย 25 ปี จะฟื้นตัวจากการรับใช้ ชิลี เตะเกมอุ่นเครื่องกับ เวเนซูเอลา และ อุรุกวัย หรือไม่ หลังเพิ่งกลับเข้าแคมป์เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. ส่วน แดนนี เวลเบ็ค ต้องลุ้นความฟิต หลังเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงจากการลงเล่นให้ อังกฤษ อย่างไรก็ตาม เกมนี้ถือว่ามีความหมายอย่างยิ่ง ที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อหน้า หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์จอมเฮี้ยบชาวดัตช์ ที่มองข้ามฝีเท้าของตน
2. ดิ มาเรีย ปะทะ เชมเบอร์ส
แหล่งข่าวจากสนามซ้อม อาร์เซนอล เผยว่า อาร์แซน เวนเกอร์ หมายตา คาลัม เชมเบอร์ส เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ นอกเหนือจากกองหลัง ล่าสุด อดีตนักเตะ เซาแธมป์ตัน เล่นแบ็กขวา และกลายเป็นจุดอ่อนให้ เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร ปีกของ สวอนซี ซิตี โจมตี จนถูก รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ ทีมชาติอังกฤษ เลือก นาธาเนียล ไคลย์น เพื่อนเก่า รับบทตัวจริง ทว่าด้วยความหนุ่มแน่น กอปรกับความสามารถอันล้นเหลือ แข้งวัย 19 ปี ต้องมาประกบ อังเคล ดิ มาเรีย หากฟิตทันจากการบาดเจ็บ ระหว่างเกมอุ่นเครื่อง กับ โปรตุเกส นับตั้งแต่ ย้ายจาก รีล มาดริด นักเตะแพงสุดของเกาะอังกฤษ 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3 พันล้านบาท) ซัด 3 ประตู แอสซิสต์ 4 ครั้ง แต่จาก 3 เกมที่ผ่านมา ทำได้เพียง 1 แอสซิสต์ เมื่อถูกถ่างมาลากเลื้อยริมเส้นแทนมิดฟิลด์ตัวกลาง
3. แท็กติกของ หลุยส์ ฟาน กัล
อดีตบิ๊กบอส ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้ง สร้างความสับสนแก่ลูกทีมมากกว่าคู่ต่อสู้ ผู้คนมักชื่นชมผู้จัดการทีมที่เปลี่ยนระบบระหว่างเกมเพื่อผลการแข่งขันที่ดีกว่า แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า กุนซือวัย 62 ปี จัดทัพผิดมาตั้งแต่แรก คราวนี้ ยูไนเต็ด จะเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ (กองกลาง 4 คน ยืนเป็นรูปเพชร), หรือ 4-4-2 ธรรมดา แล้วจะวาง ดิ มาเรีย เล่นตำแหน่งใด แน่นอนว่า ฟาน กัล โชคร้ายกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ โดยเฉพาะแนวรับ ซึ่งอาจต้องใช้งานดาวรุ่งรับมือ อาร์เซนอล ชื่อเสียงเดิมๆ เท่านั้น ที่ทำให้ จอมแท็คติกแดนกังหันลม ยังรักษาเก้าอี้ของตัวเองไว้ได้
4. ตำแหน่งของ แจ็ค วิลเชียร์
วิลเชียร์ อาจเรียกร้องขอเล่น มิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกม ซึ่งเชื่อว่าตัวเองทำได้ดีกับ ทีมชาติอังกฤษ แต่ อาร์เซนอล มีการขับเคี่ยวตำแหน่งนี้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกัน อาร์แซน เวนเกอร์ ดูจะมีความเห็นแย้งกับ รอย ฮ็อดจ์สัน ดังนั้น ห้องเครื่องวัย ปี น่าจะถูกดันขึ้นมาเป็นตัวรุก ทว่าเรื่องความฟิตยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ วิลเชียร์ ต้องการลงสนามบิ๊กแมตช์กับ "ปืนใหญ่" ดังนั้นหาก เจ้าตัว ได้รับโอกาส จะสามารถฉายแววดังเช่นเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี หรือไม่ (ซัดประตูตีเสมอ)
5. “อาร์วีพี” อยู่ภายใต้ความกดดัน
แฟนๆ เริ่มออกอาการคลางแคลงใจเกี่ยวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ยังคงเป็นหัวหอกอันดับ 1 หรือไม่ เนื่องจาก เวย์น รูนีย์ กับ ราดาเมล ฟัลเกา ที่เพิ่งบาดเจ็บพัก 2 สัปดาห์ หายใจรดต้นคออยู่ บางส่วนอาจกาชื่อ รูนีย์ ซึ่งสามารถถอยมาปั้นเกมแดนกลาง แต่ เจ้าตัว ก็พิสูจน์ระหว่างการเล่น ทีมชาติอังกฤษ (กับ สกอตแลนด์) ว่า ยังมีความอันตรายในฐานะตัวจบสกอร์ และอาจหมายถึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า “อาร์วีพี” ที่จะรับบทศูนย์หน้าตัวเป้า อดีตกัปตันทีม อาร์เซนอล ดูเหมือนจะขาดความเร็ว และพละกำลังอย่างที่กองเชียร์คุ้นเคย ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่า แนวรับ “เดอะ กันเนอร์ส” ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มสุดยอด นี่เป็นโอกาสที่จะสำแดงว่า ฟาน เพอร์ซี ยังมีเขี้ยวเล็บหลงเหลืออยู่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
1. อเล็กซิส-เวลเบ็ค กับ เกมรับปวกเปียกของ ยูไนเต็ด
“ปิศาจแดง” ประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมาย และไม่ค่อยลงทุนกับนักเตะแนวรับเท่าไร ขณะเดียวกัน 2 แข้งป้ายแดงของ “เดอะ กันเนอร์ส” กำลังฟอร์มแรง โดยเฉพาะ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ซัดไปแล้ว 10 ประตู แถมไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากังวล คือ จอมเลื้อยวัย 25 ปี จะฟื้นตัวจากการรับใช้ ชิลี เตะเกมอุ่นเครื่องกับ เวเนซูเอลา และ อุรุกวัย หรือไม่ หลังเพิ่งกลับเข้าแคมป์เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. ส่วน แดนนี เวลเบ็ค ต้องลุ้นความฟิต หลังเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงจากการลงเล่นให้ อังกฤษ อย่างไรก็ตาม เกมนี้ถือว่ามีความหมายอย่างยิ่ง ที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อหน้า หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์จอมเฮี้ยบชาวดัตช์ ที่มองข้ามฝีเท้าของตน
2. ดิ มาเรีย ปะทะ เชมเบอร์ส
แหล่งข่าวจากสนามซ้อม อาร์เซนอล เผยว่า อาร์แซน เวนเกอร์ หมายตา คาลัม เชมเบอร์ส เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ นอกเหนือจากกองหลัง ล่าสุด อดีตนักเตะ เซาแธมป์ตัน เล่นแบ็กขวา และกลายเป็นจุดอ่อนให้ เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร ปีกของ สวอนซี ซิตี โจมตี จนถูก รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ ทีมชาติอังกฤษ เลือก นาธาเนียล ไคลย์น เพื่อนเก่า รับบทตัวจริง ทว่าด้วยความหนุ่มแน่น กอปรกับความสามารถอันล้นเหลือ แข้งวัย 19 ปี ต้องมาประกบ อังเคล ดิ มาเรีย หากฟิตทันจากการบาดเจ็บ ระหว่างเกมอุ่นเครื่อง กับ โปรตุเกส นับตั้งแต่ ย้ายจาก รีล มาดริด นักเตะแพงสุดของเกาะอังกฤษ 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3 พันล้านบาท) ซัด 3 ประตู แอสซิสต์ 4 ครั้ง แต่จาก 3 เกมที่ผ่านมา ทำได้เพียง 1 แอสซิสต์ เมื่อถูกถ่างมาลากเลื้อยริมเส้นแทนมิดฟิลด์ตัวกลาง
3. แท็กติกของ หลุยส์ ฟาน กัล
อดีตบิ๊กบอส ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้ง สร้างความสับสนแก่ลูกทีมมากกว่าคู่ต่อสู้ ผู้คนมักชื่นชมผู้จัดการทีมที่เปลี่ยนระบบระหว่างเกมเพื่อผลการแข่งขันที่ดีกว่า แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า กุนซือวัย 62 ปี จัดทัพผิดมาตั้งแต่แรก คราวนี้ ยูไนเต็ด จะเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ (กองกลาง 4 คน ยืนเป็นรูปเพชร), หรือ 4-4-2 ธรรมดา แล้วจะวาง ดิ มาเรีย เล่นตำแหน่งใด แน่นอนว่า ฟาน กัล โชคร้ายกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ โดยเฉพาะแนวรับ ซึ่งอาจต้องใช้งานดาวรุ่งรับมือ อาร์เซนอล ชื่อเสียงเดิมๆ เท่านั้น ที่ทำให้ จอมแท็คติกแดนกังหันลม ยังรักษาเก้าอี้ของตัวเองไว้ได้
4. ตำแหน่งของ แจ็ค วิลเชียร์
วิลเชียร์ อาจเรียกร้องขอเล่น มิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกม ซึ่งเชื่อว่าตัวเองทำได้ดีกับ ทีมชาติอังกฤษ แต่ อาร์เซนอล มีการขับเคี่ยวตำแหน่งนี้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกัน อาร์แซน เวนเกอร์ ดูจะมีความเห็นแย้งกับ รอย ฮ็อดจ์สัน ดังนั้น ห้องเครื่องวัย ปี น่าจะถูกดันขึ้นมาเป็นตัวรุก ทว่าเรื่องความฟิตยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ วิลเชียร์ ต้องการลงสนามบิ๊กแมตช์กับ "ปืนใหญ่" ดังนั้นหาก เจ้าตัว ได้รับโอกาส จะสามารถฉายแววดังเช่นเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี หรือไม่ (ซัดประตูตีเสมอ)
5. “อาร์วีพี” อยู่ภายใต้ความกดดัน
แฟนๆ เริ่มออกอาการคลางแคลงใจเกี่ยวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ยังคงเป็นหัวหอกอันดับ 1 หรือไม่ เนื่องจาก เวย์น รูนีย์ กับ ราดาเมล ฟัลเกา ที่เพิ่งบาดเจ็บพัก 2 สัปดาห์ หายใจรดต้นคออยู่ บางส่วนอาจกาชื่อ รูนีย์ ซึ่งสามารถถอยมาปั้นเกมแดนกลาง แต่ เจ้าตัว ก็พิสูจน์ระหว่างการเล่น ทีมชาติอังกฤษ (กับ สกอตแลนด์) ว่า ยังมีความอันตรายในฐานะตัวจบสกอร์ และอาจหมายถึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า “อาร์วีพี” ที่จะรับบทศูนย์หน้าตัวเป้า อดีตกัปตันทีม อาร์เซนอล ดูเหมือนจะขาดความเร็ว และพละกำลังอย่างที่กองเชียร์คุ้นเคย ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่า แนวรับ “เดอะ กันเนอร์ส” ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มสุดยอด นี่เป็นโอกาสที่จะสำแดงว่า ฟาน เพอร์ซี ยังมีเขี้ยวเล็บหลงเหลืออยู่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
