คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ห้วงเวลาที่ผ่านมานับแต่มีการก่อตั้งลีกแห่งสยามประเทศให้เป็นลีกอาชีพ ด้วยการผนวก “ลีกของสมาคมฟุตบอล” กับ “โปรวินเชียลลีก” ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าด้วยกัน กระแสความนิยมของลีกในประเทศก็เพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ นักการเมืองท้องถิ่นหลายรายก็หันมาลงทุนกับทีมสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ส่วนกลุ่มทุน บริษัท ห้างร้านต่างๆ เมื่อเห็นกระแสผู้คนหลั่งใหลเข้าสนาม จะพลาดก็กลัวเสียเที่ยว ช่วงแรกจึงโดดมาเป็นผู้บริหารทีมบ้าง ผู้สนับสนุนหลักบ้าง แม้หลายรายจะหมดเงิน หมดทุนกับสโมสรเล็กๆ จนต้องถอนตัวเนื่องจากบางทีมต่อให้ลงทุนแทบตายก็ไม่อาจขยายฐานแฟนบอลออกไปให้มากได้ กลุ่มทุนบางกลุ่มก็เลยหันไปจับทีมใหญ่เป็นที่มั่นแทน ซึ่งทุกอย่างก็ดูแล้วสวยงามตามภาพฝัน
จะมาพังทลายก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์แฟนบอลตีกันสนั่นทุ่งนี่แหละ ที่ทำให้ภาพการแข่งขันไทยลีกดูย่ำแย่ แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่มีใครกล้าการันตีว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ถึงมีการเปิดโต๊ะนั่งถกหาทางออกของปัญหาดังกล่าวก่อนที่จะลุกลามจนมีแฟนบอลเสียชีวิต โดยมีการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เชิญสโมสรต่างๆ มาหารือร่วมกัน เท่าที่ได้ฟังแล้วหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดีมาก
คนที่น่าชื่นชมเป็นตัวแทนจาก ชลบุรี เอฟซี ให้ความเห็นว่าเรื่องราวที่เกิดจากแฟนบอลก่อการวิวาทนั้น ห้ามยากเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เพราะอารมณ์มันรุนแรง และเดือดดาล เหมือนน้ำเชี่ยวเอาเรือเข้าขวางก็ยากที่จะหยุด แต่สามารถทุเลาสถานการณ์ลงมาได้ เริ่มจากสโมสรเองนี่แหละ ต้องมอบหน้าที่แฟนบอลทั้งหลายช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาว่าแฟนบอลรายไหนส่อแววมีพฤติกรรมรุนแรง ให้หมายหัวเอาไว้ แล้วจับตาให้ดีหากพยายามจะจุดชนวนเมื่อไหร่เฉดหัวออกไปทันที สั่งแบนไม่ให้เข้าสนามได้ยิ่งดีสำหรับบางราย
จากนั้นก็มีรายละเอียดพื้นที่โดยรอบสนาม ตรงไหนอับ ตรงไหนเสี่ยง ตรงไหนมืด เรียนเชิญเจ้าหน้าที่มาติดไฟให้สว่าง ติดกล้องวงจรปิด ดูได้ทุกจุดว่า หลังจบเกมเคลียร์แฟนบอลออกจากพื้นที่ให้หมด อย่าให้ไปจับกลุ่มรอทำร้ายทีมคู่แข่ง ที่สำคัญเรื่องเครื่องดืมมึนเมา ห้ามเด็ดขาดในการนำขึ้นสู่สแตนด์เชียร์ ดื่มได้ เมาได้ แต่เชิญด้านนอก เพราะส่วนใหญ่เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่อง สโมสรชลบุรี จึงห้ามขาดในเรื่องนี้ แม้จะมีลักลอบมาบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย และเป็นข้อสรุปว่าหลายปีหลังมาเราไม่เห็นข่าวทีม ชลบุรี มีเรื่องกับแฟนบอลทีมอื่นนานมาก
นั่นเป็นตัวอย่างที่ดี อีกเรื่องที่น่าติดตามคือ หากปล่อยให้มีการทะเลาะวิวาท เอาปากไปจูบเท้าของแฟนบอลกันอยู่เรื่อยๆ เรื่องน่ากลัวที่สุดจะตามมาเป็นการถอยห่างของแฟนบอล เนื่องจากไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงตายในสนามแน่ เมื่อแฟนบอลไม่สนใจที่จะไปดูไทยลีก ทีนี้ก็เตรียมบอกลาผู้สนับสนุนได้เลย เนื่องจากมีให้เห็นมาแล้วตัวอย่าง “วี ลีก” ในเวียดนาม ที่โดนข้อหาล้มบอลกันจนแฟนบอลระอาหนีหน้าจากสนามฟุตบอล สุดท้ายหลายทีมต้องยุติบทบาท เนื่องจากไม่มีเงินจากแฟนบอล และผู้สนับสนุนเข้ามา สุดท้ายทั้งตัวนักฟุตบอล และผู้บริหารทีมก็แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต่างคนต่างบอกเลิกตามๆ กันไป ถึงปัญหาจะคนละเรื่อง แต่จุดหมายปลายทางอาจเป็นที่เดียวกันก็ได้ ใครจะไปรู้...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ห้วงเวลาที่ผ่านมานับแต่มีการก่อตั้งลีกแห่งสยามประเทศให้เป็นลีกอาชีพ ด้วยการผนวก “ลีกของสมาคมฟุตบอล” กับ “โปรวินเชียลลีก” ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าด้วยกัน กระแสความนิยมของลีกในประเทศก็เพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ นักการเมืองท้องถิ่นหลายรายก็หันมาลงทุนกับทีมสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ส่วนกลุ่มทุน บริษัท ห้างร้านต่างๆ เมื่อเห็นกระแสผู้คนหลั่งใหลเข้าสนาม จะพลาดก็กลัวเสียเที่ยว ช่วงแรกจึงโดดมาเป็นผู้บริหารทีมบ้าง ผู้สนับสนุนหลักบ้าง แม้หลายรายจะหมดเงิน หมดทุนกับสโมสรเล็กๆ จนต้องถอนตัวเนื่องจากบางทีมต่อให้ลงทุนแทบตายก็ไม่อาจขยายฐานแฟนบอลออกไปให้มากได้ กลุ่มทุนบางกลุ่มก็เลยหันไปจับทีมใหญ่เป็นที่มั่นแทน ซึ่งทุกอย่างก็ดูแล้วสวยงามตามภาพฝัน
จะมาพังทลายก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์แฟนบอลตีกันสนั่นทุ่งนี่แหละ ที่ทำให้ภาพการแข่งขันไทยลีกดูย่ำแย่ แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่มีใครกล้าการันตีว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ถึงมีการเปิดโต๊ะนั่งถกหาทางออกของปัญหาดังกล่าวก่อนที่จะลุกลามจนมีแฟนบอลเสียชีวิต โดยมีการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เชิญสโมสรต่างๆ มาหารือร่วมกัน เท่าที่ได้ฟังแล้วหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดีมาก
คนที่น่าชื่นชมเป็นตัวแทนจาก ชลบุรี เอฟซี ให้ความเห็นว่าเรื่องราวที่เกิดจากแฟนบอลก่อการวิวาทนั้น ห้ามยากเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เพราะอารมณ์มันรุนแรง และเดือดดาล เหมือนน้ำเชี่ยวเอาเรือเข้าขวางก็ยากที่จะหยุด แต่สามารถทุเลาสถานการณ์ลงมาได้ เริ่มจากสโมสรเองนี่แหละ ต้องมอบหน้าที่แฟนบอลทั้งหลายช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาว่าแฟนบอลรายไหนส่อแววมีพฤติกรรมรุนแรง ให้หมายหัวเอาไว้ แล้วจับตาให้ดีหากพยายามจะจุดชนวนเมื่อไหร่เฉดหัวออกไปทันที สั่งแบนไม่ให้เข้าสนามได้ยิ่งดีสำหรับบางราย
จากนั้นก็มีรายละเอียดพื้นที่โดยรอบสนาม ตรงไหนอับ ตรงไหนเสี่ยง ตรงไหนมืด เรียนเชิญเจ้าหน้าที่มาติดไฟให้สว่าง ติดกล้องวงจรปิด ดูได้ทุกจุดว่า หลังจบเกมเคลียร์แฟนบอลออกจากพื้นที่ให้หมด อย่าให้ไปจับกลุ่มรอทำร้ายทีมคู่แข่ง ที่สำคัญเรื่องเครื่องดืมมึนเมา ห้ามเด็ดขาดในการนำขึ้นสู่สแตนด์เชียร์ ดื่มได้ เมาได้ แต่เชิญด้านนอก เพราะส่วนใหญ่เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่อง สโมสรชลบุรี จึงห้ามขาดในเรื่องนี้ แม้จะมีลักลอบมาบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย และเป็นข้อสรุปว่าหลายปีหลังมาเราไม่เห็นข่าวทีม ชลบุรี มีเรื่องกับแฟนบอลทีมอื่นนานมาก
นั่นเป็นตัวอย่างที่ดี อีกเรื่องที่น่าติดตามคือ หากปล่อยให้มีการทะเลาะวิวาท เอาปากไปจูบเท้าของแฟนบอลกันอยู่เรื่อยๆ เรื่องน่ากลัวที่สุดจะตามมาเป็นการถอยห่างของแฟนบอล เนื่องจากไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงตายในสนามแน่ เมื่อแฟนบอลไม่สนใจที่จะไปดูไทยลีก ทีนี้ก็เตรียมบอกลาผู้สนับสนุนได้เลย เนื่องจากมีให้เห็นมาแล้วตัวอย่าง “วี ลีก” ในเวียดนาม ที่โดนข้อหาล้มบอลกันจนแฟนบอลระอาหนีหน้าจากสนามฟุตบอล สุดท้ายหลายทีมต้องยุติบทบาท เนื่องจากไม่มีเงินจากแฟนบอล และผู้สนับสนุนเข้ามา สุดท้ายทั้งตัวนักฟุตบอล และผู้บริหารทีมก็แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต่างคนต่างบอกเลิกตามๆ กันไป ถึงปัญหาจะคนละเรื่อง แต่จุดหมายปลายทางอาจเป็นที่เดียวกันก็ได้ ใครจะไปรู้...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *