คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีนักชกคนดังไม่ยอมชกบนเทวีในยกที่ 4 หลังชกครบ 3 ยก แล้วเดินลงจากเวที สร้างความผิดหวังให้กับเหล่าบรรดาแฟนมวยเป็นจำนวนมากที่หลั่งใหลเข้าไปชมการแข่งขันที่พัทยา ส่งผลให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าเหตุใดกำปั้นคนดังจึงตัดสินใจเช่นนี้ แม้ภายหลังจะมีการแถลงข่าวกันใหญ่โตที่ค่ายมวย ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เมื่อแถลงจบก็จับประเด็นหาสาระอะไรได้ยาก
เนื่องจากนักชกคนดังสรุปว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากตัวตนล้วนๆ ไม่ได้มีการจัดฉากจากบุคคลใกล้ชิด เพียงเพื่อจะรักษาศิลปมวยไทยอันเป็นที่รัก ไม่ให้เสียชื่อเสียงถูกหลู่เกียรติจากการปรับเปลี่ยนกติกาการแข่งขัน ซึ่งในความเป็นจริง หากไม่แกล้งหลงลืมกันก็ต้องจำได้เป็นอย่างดีว่าการต่อสู้บนเวทีครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบผสมผสาน ไม่ใช่การใช้วิธีการของมวยไทยเป็นหลัก เพียงแค่มีนักมวยไทยเท่านั้นที่อยู่บนเวที
ดังนั้นการอ้างว่าเป็นการรักษาแม่ไม้มวยไทยให้ยั่งยืนสืบต่อไปด้วยการปฏิเสธการชกในยกที่ 4 ในรายการที่ต้องยืนยันว่ามันไม่ใช่มวยไทย จึงเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่าเกิดจากอะไร ซึ่งเท่าที่เห็นผู้คนในแวดวงการมวยต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าอาจเป็นผลมาจากการพนันขันต่อ หากยังดันทุรังชกต่อจนมีผลแพ้ชนะ อาจเป็นผลเสียสำหรับผู้ถือหางนักชกไทย ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แม้จะไม่มีการแข่งขันต่อไป ผลที่ออกมาผู้ชนะก็ยังเป็นคู่ชกชาวเยอรมัน และมันไม่ได้เปลี่ยนผลแพ้ชนะแต่อย่างใด คำกล่าวอ้างดังกล่าวจึงอาจดูเลื่อนลอย และไร้น้ำหนักในสายตาผู้ชมที่มองด้วยใจเป็นกลาง
แม้เรื่องราวจะไม่ค่อยคลี่คลาย แต่ดูเหมือนว่าการตัดสินใจดังกล่าวของนักชกไทย จะถูกเมินมองจากฝ่ายจัดการแข่งขันจากการยืนยันว่าคงไม่มีการฟ้องร้องกัน อาจเนื่องด้วยมองว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายยังต้องกลับมาร่วมงานกันใหม่ในการแข่งขันปี 2015 ตามสัญญาที่มีอยู่ ซึ่งฝ่ายนักมวยดังที่ออกมาตีอกชกตัวว่าเป็นผู้ปกป้องศิลปแม่ไม้มวยไทยมาตลอด ก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าพร้อมคืนเวทีที่ตัวเองให้ความเคลือบแคลงในการตัดสินอีกเช่นกัน
ถึงจะถูกตั้งคำถามมากมายว่ามันดูเหมือนการปกป้องตัวเองจากการพ่ายแพ้กรรมการก็ตาม ดราม่า เหล่านี้คงไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะสิ่งที่น่าจับตายิ่งกว่าคือการชกในปีหน้า ว่าหากเกิดกรณีเช่นการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่อีกครั้งจากฝ่ายจัด หรืออาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลในแง่ของการตัดสินอีกครั้ง จะมีใครกล้ารับประกันว่าซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยไทยรายนี้ จะงอแงไม่ยอมชก แล้วหันหลังหนีกลับไปอีกหรือไม่ มันคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้การแข่งขันรายการนี้ไม่ใช่มวยไทย แต่มันก็เสียมาถึงภาพพจน์ของวงการมวยไทยอยู่ดี หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีนักชกคนดังไม่ยอมชกบนเทวีในยกที่ 4 หลังชกครบ 3 ยก แล้วเดินลงจากเวที สร้างความผิดหวังให้กับเหล่าบรรดาแฟนมวยเป็นจำนวนมากที่หลั่งใหลเข้าไปชมการแข่งขันที่พัทยา ส่งผลให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าเหตุใดกำปั้นคนดังจึงตัดสินใจเช่นนี้ แม้ภายหลังจะมีการแถลงข่าวกันใหญ่โตที่ค่ายมวย ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เมื่อแถลงจบก็จับประเด็นหาสาระอะไรได้ยาก
เนื่องจากนักชกคนดังสรุปว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากตัวตนล้วนๆ ไม่ได้มีการจัดฉากจากบุคคลใกล้ชิด เพียงเพื่อจะรักษาศิลปมวยไทยอันเป็นที่รัก ไม่ให้เสียชื่อเสียงถูกหลู่เกียรติจากการปรับเปลี่ยนกติกาการแข่งขัน ซึ่งในความเป็นจริง หากไม่แกล้งหลงลืมกันก็ต้องจำได้เป็นอย่างดีว่าการต่อสู้บนเวทีครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบผสมผสาน ไม่ใช่การใช้วิธีการของมวยไทยเป็นหลัก เพียงแค่มีนักมวยไทยเท่านั้นที่อยู่บนเวที
ดังนั้นการอ้างว่าเป็นการรักษาแม่ไม้มวยไทยให้ยั่งยืนสืบต่อไปด้วยการปฏิเสธการชกในยกที่ 4 ในรายการที่ต้องยืนยันว่ามันไม่ใช่มวยไทย จึงเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่าเกิดจากอะไร ซึ่งเท่าที่เห็นผู้คนในแวดวงการมวยต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าอาจเป็นผลมาจากการพนันขันต่อ หากยังดันทุรังชกต่อจนมีผลแพ้ชนะ อาจเป็นผลเสียสำหรับผู้ถือหางนักชกไทย ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แม้จะไม่มีการแข่งขันต่อไป ผลที่ออกมาผู้ชนะก็ยังเป็นคู่ชกชาวเยอรมัน และมันไม่ได้เปลี่ยนผลแพ้ชนะแต่อย่างใด คำกล่าวอ้างดังกล่าวจึงอาจดูเลื่อนลอย และไร้น้ำหนักในสายตาผู้ชมที่มองด้วยใจเป็นกลาง
แม้เรื่องราวจะไม่ค่อยคลี่คลาย แต่ดูเหมือนว่าการตัดสินใจดังกล่าวของนักชกไทย จะถูกเมินมองจากฝ่ายจัดการแข่งขันจากการยืนยันว่าคงไม่มีการฟ้องร้องกัน อาจเนื่องด้วยมองว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายยังต้องกลับมาร่วมงานกันใหม่ในการแข่งขันปี 2015 ตามสัญญาที่มีอยู่ ซึ่งฝ่ายนักมวยดังที่ออกมาตีอกชกตัวว่าเป็นผู้ปกป้องศิลปแม่ไม้มวยไทยมาตลอด ก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าพร้อมคืนเวทีที่ตัวเองให้ความเคลือบแคลงในการตัดสินอีกเช่นกัน
ถึงจะถูกตั้งคำถามมากมายว่ามันดูเหมือนการปกป้องตัวเองจากการพ่ายแพ้กรรมการก็ตาม ดราม่า เหล่านี้คงไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะสิ่งที่น่าจับตายิ่งกว่าคือการชกในปีหน้า ว่าหากเกิดกรณีเช่นการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่อีกครั้งจากฝ่ายจัด หรืออาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลในแง่ของการตัดสินอีกครั้ง จะมีใครกล้ารับประกันว่าซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยไทยรายนี้ จะงอแงไม่ยอมชก แล้วหันหลังหนีกลับไปอีกหรือไม่ มันคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้การแข่งขันรายการนี้ไม่ใช่มวยไทย แต่มันก็เสียมาถึงภาพพจน์ของวงการมวยไทยอยู่ดี หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *