เอเยนซี -สิ้นสุดการรอคอย สำหรับทัพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี กับการก้าวไปเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 เทียบเท่ากับ อิตาลี หลังจากนัดชิงชนะเลิศ “เวิลด์ คัพ 2014” ที่สนาม มาราคานา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2557 ต่อเวลาพิเศษเฉือน “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา แชมป์ 2 สมัย 1-0 จากประตูของ มาริโอ เกิตเซ กองกลางตัวสำรองนาที 113 ถือเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่ปี 1990
นอกจากนี้ เยอรมนี ยังเป็นยุโรปชาติแรกที่มาลูบคมบรรดามหาอำนาจแถบอเมริกาใต้ด้วยการปักธงชัยบนแผ่นดินละติน ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว เพราะต้องอาศัยทีมเวิร์คการเล่นแบบเข้าขารู้ใจจนทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นทีมที่ลงตัวที่สุดไล่ตั้งแต่เกมรับไปจนถึงเกมรุก ซึ่ง “Belfasttelegraph” ได้ชำแหละปัจจัยนำไปสู่แชมป์โลก 2014 ออกสู่สายตาดังนี้
1. บุกแบบปูพรม – เทียบบรรดาแนวรุกทั้งหมด โทมัส มุลเลอร์ อาจจะโดดเด่นที่สุดจากผลงานซัดไป 5 ประตู แต่ก็มาจากการสนับสนุนของกองกลางรายอื่นอย่าง โทนี โครส, เมซุต โอซิล และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เล่นแบบทีมเวิร์คไร้ “วัน แมน โชว์” แถมต่อบอลกันแบบเข้าขามองตารู้ใจ ชนิดที่ว่าทำเอาต้นตำรับอย่าง บราซิล กางตำรารับไม่ทันจนโดนถล่ม 1-7 รอบตัดเชือก ส่วนแมตช์รอบแรก กลุ่ม จี ที่ชนะ โปรตุเกส 4-0 และเฉือน สหรัฐอเมริกา 1-0 ก็แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะลำเลียงบอลไปข้างหน้าเอ็นเตอร์เทนคนดู นักเตะแต่ละคนช่วยกันวิ่งเปิดพื้นที่ฉีกแนวรับคู่ต่อสู้เป็นริ้วๆ
2. สัญชาตญาณจบสกอร์ - ทัวร์นาเมนต์นี้ เยอรมนี เป็นแชมป์ด้วยการยิงไปทั้งสิ้น 18 ประตู ทั้งที่มีกองหน้าคนเดียวคือ มิโรสลาฟ โคลเซ แถมวัยปาเข้าไป 36 ปีซัดได้ 2 ประตูรวมแล้วยิงในฟุตบอลโลก 16 ลูกมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ ที่เหลือมาจากนักเตะตำแหน่งอื่น ทั้งที่ไม่มีผู้เล่นทักษะสูงระดับ ลิโอเนล เมสซี แนวรุก อาร์เจนตินา แต่ทุกคนมีสัญชาตญาณตัวจบสกอร์ที่มองหาตาข่ายคู่ต่อสู้ตลอดเวลา จึงถือเป็นของขวัญสุดวิเศษเลยก็ว่าได้ เพราะเกิดขึ้นตามธรรมชาติทันทีที่คุณเข้าไปในพื้นที่ของศัตรู โดยสิ่งนี้มีอยู่ในตัวของ มุลเลอร์ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าหอกเวิลด์คลาสรายอื่นเลย
3 .ลาห์ม กับตำแหน่งที่ดีที่สุด - โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติเยอรมัน ถูกวิจารณ์พอสมควร หลังเกมรอบแรกทั้ง 3 นัดจับ ฟิลิปป์ ลาห์ม แนวรับสารพัดประโยชน์ ประจำการตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวตัดเกมหน้าแผงแบ็กโฟร์ ก่อนที่สุดท้ายจะให้เล่นแบ็กขวาที่ถนัดตามธรรมชาติ ทำให้ทีมสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ยังถอด แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ออกแล้วหุบ เฌโรม บัวเต็ง ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ มัตส์ ฮุมเมิลส์ โดยมี เบเนดิคต์ โฮเวเดส อยู่ทางซ้าย เป็นเกมรับที่ดูแข็งแกร่งที่สุดเหนือ 31 ชาติที่เหลือเสียไปแค่ 4 ประตู ซึ่งยังมีทีเด็ดจาก ฮุมเมิลส์ ที่เติมขึ้นมาโหม่งได้อีก 2 ลูกด้วย
4. ผ่อนคลาย - โยอาคิม เลิฟ คุมทัพ เยอรมนี มา 8 ปี แต่ยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ ทั้งที่เป็นตัวเต็งแทบทุกรายการ ดังนั้นฟุตบอลโลกหนนี้ก็ย่อมต้องแบกความหวังเป็นธรรมดา แต่สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการงัดฟอร์มรอบตัดเชือกชนะ บราซิล คาถิ่น 7-1 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปลุกเร้าสภาพจิตใจนักเตะสู้กับแรงกดดันจากกองเชียร์ด้วย เซสชันซ้อมของทัพ “อินทรีเหล็ก” นั้นมีหลายรูปแบบเพื่อให้นักเตะผ่อนคลาย ทำให้จะเห็นภาพผู้เล่นไม่เครียดเหมือนบรรดาชาติอื่นๆ แต่เหนือสิ่งใดลึกๆ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายคืออะไรและต้องไปให้ถึง เพราะการลงเล่นแบบไร้จุดประสงค์คงไม่มีประโยชน์
5. หัวจิตหัวใจของผู้ชนะ - นักเตะ 17 จากทั้งหมด 23 คนสุดท้ายลุยฟุตบอลโลกหนนี้เคยมีประสบการณ์กวาดแชมป์ระดับสโมสรมากมายนับตั้งแต่เผชิญความผิดหวังแพ้ให้กับ สเปน เมื่อ 4 ปีก่อนที่ แอฟริกาใต้ 0-1 ตกรอบรองชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ อังกฤษ, เดเอฟเบ โพคาล และ อิตาเลียน คัพ เรียกได้ว่าทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นผู้เล่นภายใต้การควบคุมของ โยอาคิม เลิฟ จึงรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรถึงจะก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ ส่วนใหญ่อายุยังน้อยและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นยากระตุ้นชั้นดีที่หาได้ยาก
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *