ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ครั้งหนึ่ง “วิวัฒน์ หรือท๊อป ยอดประสิทธิ์” ได้รับการยกย่องและจดจารจารึกจากผู้คนว่าเป็น “ฮีโร่” จากวีรกรรมที่เข้ารับบท “มือปืนป๊อปคอร์น” เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ชุมนุม กปปส.ซึ่งมี “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เป็นแกนนำบริเวณแยกหลักสี่ที่กำลังถูกกลุ่มรุมรำท้ายจากกองกำลังชายชุดดำของคนเสื้อแดง ซึ่งระดมสรรพกำลังและอาวุธร้ายแรงเตรียมเข้ามาเข่นฆ่า ให้อยู่รอดปลอดภัย
เป็นการกระทำที่ในชั่วขณะนั้นส่งผลทำให้มีการผลิตเสื้อที่สกรีนคำว่า POPCORN KOLK ซึ่งเป็นกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลืองที่ฮีโร่คนนี้ใช้คลุมศีรษะเพื่ออำพรางใบหน้าขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้คนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และมีคนซื้อหาไปใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่ในวันนี้ “ตำนานมือปืนป๊อปคอร์น” ได้ปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า ท๊อปมีความผิดตามกฎหมายต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 37 ปี กับอีก 4 เดือน
และที่น่านับถือในหัวจิตหัวใจยิ่งก็คือ ท๊อปประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่ผมกับครอบครัวไม่ขอรับเงินช่วยเหลือครับ”
แน่นอน คำถามที่ดังก้องในหัวใจของผู้คนก็คือ แกนนำ กปปส.ปล่อยให้มือปืนป๊อปคอร์นตกอยู่ในสภาพฮีโร่ที่ถูกทิ้งจริงดังเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ ที่ผ่านมามีการช่วยเหลือในทางคดีความในรูปแบบใดบ้าง และหลังคำพิพากษาแล้ว แกนนำ กปปส.จะเยียวยา “ท๊อป” โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาจากตัวผู้นำสูงสุดอย่าง “ลุงกำนัน-นายสุเทพ เทือกสุบรรณ”
จุดเริ่มต้นตำนานมือปืนป๊อปคอร์น
ย้อนหลังกลับไปก่อนหน้านี้....ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา
เหตุการณ์อันเป็นตำนานของมือปืนป๊อปคอร์นเกิดขึ้นในช่วงขณะที่มวลมหาประชาชนในนามคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. ได้มารวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเวทีชุมนุมที่ได้รับการยอมรับว่า สุ่มเสี่ยงและอันตรายที่สุดเมื่อเทียบกับเวทีอื่นก็คือ “เวทีแจ้งวัฒนะ” อันมี “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อยเป็นแกนนำ ทั้งนี้ เนื่องเพราะสถานที่ตั้งเป็นพื้นที่อิทธิพลของบุคคลอันตรายฝ่ายตรงกันข้ามที่นิยมความรุนแรงมากหน้าหลายตา อาทิ โกตี๋ ลุงยิ้ม เก่ง ฯลฯ ดังปรากฏให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลาของการชุมนุมมีกองกำลังฝ่ายตรงกันข้ามลอบกัดและลอบทำร้ายผู้ร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
และตัวอย่างความรุนแรงที่เห็นได้ชัดและมีการบันทึกไว้ก็คือมีการยิง M79 ถึง 14 ลูกเข้ามาภายในพื้นที่การชุมนุม
และความรุนแรงก็ขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้น “ติดดาบปลายปืน” เมื่อใกล้ถึงการเลือกตั้งที่ถูกกำหนดไว้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
“โกตี๋” แกนนำแดงฮาร์ดคอร์สายปทุมฯ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเกิดตำนานมือปืนป๊อปคอร์นเพียง 1 วันคือในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 กับสำนักข่าว telegraph.co.uk เอาไว้ชัดเจนว่า “นี่คือสงคราม แต่เป็นสงครามที่ยังไม่ได้ใช้อาวุธ แต่หากเกิดรัฐประหารขึ้นหรือการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อนั้นจะกลายเป็นสงครามที่มีการใช้อาวุธอย่างแน่นอน ผมอยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่านี้เพื่อจะได้ยุติเรื่องราวทั้งหมด ผมเบื่อที่จะต้องขึ้นปราศรัย มันถึงเวลาแล้วที่จะชำระล้างประเทศ เพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป” !!
ช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.พ.2557 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งซึ่งระบอบทักษิณหวังจะใช้การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นช่องทางในการฟอกตัวเพื่อกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง โกตี๋ได้นัดรวมพลแดงปทุม แดงดอนเมือง แดงหลักสี่ แดงสะพานใหม่ และแดงอิสระ อีกทั้งยังมี “บังโกวิท” นำแดงลาดกระบังร่วมด้วย โดยผนึกกำลังกับ “ชายชุดดำ” และ “ตำรวจมะเขือเทศ” ขนกำลังไปถล่มมวลชน กปปส. ที่นำโดยหลวงปู่พุทธะอิสระที่มาชุมนุมหน้าสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อแสดงอารยะขัดขืน ไม่ให้มีการขนหีบเลือกตั้งออกจากสำนักงานเขตหลักสี่ เพราะข้างฝ่ายทักษิณนั้นเล็งเห็นหายนะอยู่ข้างหน้าหากปล่อยให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งตามแนวทางของ กปปส. นั่นก็เท่ากับเป็นการตอกฝาโลงขุดหลุมฝังระบอบทักษิณให้สิ้นฤทธิ์ตายซากไปจากแผ่นดินนี้
โดยโกตี๋ได้ปลุกระดมผ่านวิทยุชุมชน “เรดการ์ด เรดิโอ” ที่ตนเองเป็นเจ้าของ ให้มวลชนพร้อมอาวุธมารวมกันที่หน้าอนุสรณ์สถาน เพื่อปฏิบัติการณ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเคลื่อนพลมาปักหลักปราศรัยปลุกระดมรอบสุดท้ายที่วัดหลักสี่ แล้วเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่
“โกตี๋กับทีมงาน วันนี้พี่น้องไม่ต้องห่วง ทุกอย่างพร้อม 200 คน นี่ครับพร้อมแน่นอน เฉพาะของผมนะครับ 200 คน นี่คือนักรบ (เสียงปรบมือ) ... อันดับที่หนึ่ง อันดับที่สอง วันนี้นะครับ ผมรู้ว่าพวกมันนี่ฟังอยู่ครับ มีครับมี ในนี้มีเยอะ ... วันนี้ครับหัวมึงต้องหายแน่นอนครับ ถ้ามึงยังยึดเขตหลักสี่อยู่ ”โกตี๋กล่าวบนเวทีภายในวัดหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 ซึ่งปรากฏภาพและเสียงที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเป็นหลักฐานอย่างชัดเจน โดยในภาพข่าวดังกล่าวมีการ์ดและชายชุดดำรายล้อมอยู่จำนวนหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ เมื่อบรรดาแกนนำ กปปส.ทราบข่าวถึงการเคลื่อนพลดังกล่าวของกลุ่มโกตี๋ ซึ่งกำลังฮึกเหิมเตรียมจะปฏิบัติการเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เสื้อแดงยิงถล่มมวลชน กปปส.ที่วัดศรีเอี่ยม และปลิดชีพ “สุทิน ธราทิน” แกนนำ กปท.(กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ) เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธะอิสระจึงประสานไปยัง พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ยศในขณะนั้น) ให้ส่งกำลังมาช่วยดูแลมวลชน ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักเขตหลักสี่ก็ได้ให้มวลชน กปปส.เข้าไปหลบภายในอาคาร
ส่วนทางด้าน นายอิสระ สมชัย อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำ กปปส.ซึ่งดูแลเวทีลาดพร้าว เมื่อทราบเรื่องก็ได้นำมวลชนส่วนหนึ่งเข้าสมทบเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อขบวนของนายอิสระเคลื่อนมาถึง 4 แยกหลักสี่ก็ถูกแก๊งโกตี๋ยิงตัดขบวน ทำให้รถของ กปปส.เข้าไปได้เพียงบางส่วน นอกจากนั้นคนเสื้อแดงยังกรูเข้าทุบตีรถยนต์ของมวลชนที่เข้ามาทางไอทีสแควร์ จากนั้นชายชุดดำฝั่งโกตี๋ก็เปิดฉากยิงถล่มมวลชน กปปส.จากลาดพร้าวที่ติดอยู่บริเวณแยกหลักสี่ โดยระดมยิงมาทุกทิศทุกทาง ทั้งจากพื้นราบ บนสะพานลอย และยิงลงมาจากดาดฟ้าของตึกไอทีสแควร์ อีกทั้งจากคลิปที่มีมวลชนและผู้สื่อข่าวถ่ายไว้ได้ยังปรากฏชัดว่ามีนายตำรวจร่วมสนับสนุนปฏิบัติการของโกตี๋ โดยมีทั้งภาพนายตำรวจซึ่งอยู่กับโกตี๋ที่นั่งสั่งการอยู่ในรถตู้ภายในวัดหลักสี่ และนายตำรวจที่ยิงถล่มมวลชน กปปส.ด้วย โดยมีทั้งตำรวจในเครื่องแบบขณะลั่นกระสุน และตำรวจในคราบชายชุดดำโดยใส่หมวกไหมพรมแต่ไม่ปิดหน้า และสวมแจ็คเก็ตดำคลุมทับเครื่องแบบตำรวจ
มวลชนดังกล่าวถูกยิงถล่มโดยไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยได้ กระทั่งมี “กลุ่มชายนิรนาม” เข้าไปยิงสกัดเพื่อพามวลชนออกมาจากวงล้อม โดยกำหนดจุดปฏิบัติการริมทางรถไฟ เกาะกลางถนน จัดวางรูปแบบกำลัง แบบซุ่มโจมตี มีหน่วยชี้เป้าพิกัด หน่วยจรยุทธ์ แล้วใช้ปืนที่อยู่ในถุงป๊อปคอร์นด้วยความแม่นยำและชำนาญกว่า ในที่สุดก็สามารถช่วยพามวลชน กปปส.ออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
จากปฏิบัติการของ “ฮีโร่ป๊อปคอร์น” ดังกล่าวนอกจากจะมีเสียงชื่นชมถึงความกล้าหาญที่พวกเขาฝ่าดงกระสุนเข้าไปช่วยปกป้องชีวิตของมวลชนดังกึกก้องไปทั้งโลกออนไลน์ ภาพการปฏิบัติการของฮีโร่กลุ่มนี้ถูกแชร์กันว่อนเน็ตพร้อมคำกล่าว “ขอบคุณ” จากหัวใจคนไทยผู้รักชาติแล้ว สังคมต่างก็พากันสงสัยว่าพวกเขาคือใคร ? หน่วยงานไหนส่งมา ? เพราะเมื่อดูจากฝีมือในการยิงปะทะและยุทธวิธีในการพามวลชนหลบหนีออกจากดงกระสุนแล้ว เชื่อได้ว่าพวกเขาไม่ใช่มวลชนหรือการ์ดอาสาธรรมดา แต่ต้องเป็นหน่วยจรยุทธ์ฝีมือฉกาจที่ผ่านการฝึกมาอย่างแน่นอน ที่สำคัญก่อนหน้านี้ยังมีนายทหารบางหน่วยออกมาประกาศว่า “จะปกป้องประชาชน ไม่ต้องการให้ประชาชนถูกฆ่าตาย”
“...หลายคนสอบถามมามากมายเหลือเกินเรื่องชายสวมไอ้โม่ง 2 คน ที่ใช้อาวุธปืน ปรากฏตัวบุกเข้ามาช่วยคนของเราทั้งเด็กและผู้หญิงหลายร้อยคนที่กำลังหมอบคลานต่ำไปตามถนนที่แยกหลักสี่หลังจากถูกเสื้อแดงยิงถล่ม ผมต้องขอยืนยันอย่างนี้ครับ ในฐานะที่รู้จักทีมการ์ดที่ลาดพร้าวเป็นอย่างดี ผมไม่เคยเห็นบุคคล 2 คนนี้ รวมทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ไม่ชินตา อย่าลืมนะครับว่าผมอยู่ที่นี่มานานและการ์ดส่วนมากแทบจะรู้จักกันหมดแล้ว แต่ 2 คนนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่คนของลาดพร้าว และที่สำคัญในคลิปวีดีโอ จังหวะที่ทั้ง 2 ยิงและถอยหลังพาคนของเราหลบไปตามแนวแบริเออร์คอนกรีตนั้น ดูแป๊บเดียวก็รู้ครับว่าเป็นการปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ฝึกฝนมา ซึ่งคุณอาจเห็นได้ในภาพยนตร์ฝรั่งหลายเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยสวาท หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ การเคลื่อนไหวจะมีคน 1 คนเป็นผู้ช่วยคอยแตะหลังให้เดินหน้าถอยหลังหรือซ้ายขวา คอยชี้ทิศทางของศัตรู ที่สำคัญอาวุธในกระสอบนั้นที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ลักษณะปิดบังอาวุธครับ แต่เพื่อเก็บปลอกกระสุน ผมไม่กล้าทายว่าเขาเป็นใคร เป็นปริศนา ผมรู้แค่ว่า...เสื้อแดงยิงถล่มเราก่อนและมีคนคอยช่วยป้องกันเด็กๆและผู้หญิงของเราครับ...” ส.จ.ตั้ม-พิสุทธิ์ จันทรจำนงค์ หนึ่งใน กปปส.ลาดพร้าว ระบุ
ที่สำคัญปฏิบัติการของ “ฮีโร่ป๊อปคอร์น” ยังส่งผลให้บรรดาแดงฮาร์ดคอร์ทั้งหลายเผ่นแน่บและไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับมวลชน กปปส.อีกเลยนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2557 เป็นต้นมา โดยเฉพาะโกตี๋แกนนำแดงฮาร์ดคอร์และชายชุดดำซึ่งยิงถล่มมวลชน กปปส.ที่หลักสี่ ต้องรีบเผ่นออกเขมร หนีไปกบดานถึงฮ่องกง พร้อมทั้งปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุปะทะที่หลักสี่ และไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 โกตี๋ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรายการอินไซด์ไทยแลนด์ สถานีโทรทัศน์ Spring Newsด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักว่า “ คืน 31 ม.ค. ชาวบ้านย่านหลักสี่ 30 คน ไปขอความช่วยเหลือว่า อยากจะเลือกตั้ง และขอให้โกตี๋ พาออกรายการวิทยุเรดการ์ด เพื่อพูดเชิญชวนขอให้ทุกคนไปยึดคืนพื้นที่เขตหลักสี่ที่ถูกยึดจาก กปปส. และให้โกตี๋ออกหน้า และนำกำลังไปขอคืนสถานที่ด้วย ผมจึงให้นำรถโมบายที่มีเครื่องเสียงไป แต่ผมไม่ได้เดินทางร่วมไปด้วย เพราะติดการสอบปากคำกับชายชุดดำกรณีเหตุการณ์คลอง 5 ในสถานีชายชุดดำดอนเมืองตั้งแต่เที่ยง แต่ได้ออกไปพบกับมวลชนที่วัดหลักสี่ เพื่อบอกว่าไม่สามารถอยู่ร่วมในการเดินขบวนของกลุ่มได้ ซึ่งแกนนำมวลชนที่ออกไปปะทะกับกลุ่ม กปปส . คือดาบเปี๊ยก กับ ลุงนวย”
ว่ากันว่าผู้ที่ส่งสัญญาณให้โกตี๋ รีบหนี พร้อมทั้งสั่งนายตำรวจให้ดูแลอำนวยความสะดวกพาโกตี๋ไปส่งถึงชายแดนเขมรก็คือ “พี่แจ๊ด” คนมีสีที่โกตี๋ปวารณาตัวเข้าไปอยู่ในสังกัดนั่นเอง โดยทันทีที่รับโทรศัพท์จากพี่แจ๊ดช่วงบ่ายคล้อยของวันที่ 1 ก.พ. หลังเกิดเหตุปะทะที่หลักสี่ โกตี๋ก็รีบโดดลงจากเวทีปราศรัยเผ่นออกเขมรในคืนวันเดียวกัน
และทั้งหมดนั้นคือเรื่องราวของมือปืนป๊อปคอร์นซึ่งประทับอยู่ในความทรงจำของกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างมิรู้ลืม
จำคุก 37 ปี ปิดตำนานฮีโร่ป๊อปคอร์น
หลังเหตุการณ์ความรุนแรงยุติลง ภาพของฮีโร่ป๊อปคอร์นที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้นำไปสู่การดำเนินการจับกุมดำเนินคดีในที่สุด และเป็นที่เปิดเผยในเวลาต่อมาฮีโร่ป๊อปคอร์นคนนี้ก็คือ นายวิวัฒน์ หรือท๊อป ยอดประสิทธิ์ คนเมืองพิษณุโลก
หลังต่อสู้และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นเวลากว่า 2 ปี ในที่สุดศาลก็มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559
คำพิพากษาในบางช่วงบางตอนเขียนเอาไว้ว่า
“...เดินจากแยกหลักสี่ไปจุดกึ่งกลางระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ที่มาจากแยกลาดพร้าว กับกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งที่ใช้หินขว้างปาและยิงใส่กัน รวมทั้งมีการขนอาวุธปืนจากรถกระบะสีขาวคล้ายรถขนเงิน ซึ่งมีภาพจำเลยวิ่งออกมารับอาวุธดังกล่าว ในบริเวณดังกล่าวนอกจากผู้ชุมนุมแล้วยังมีประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการศูนย์การค้าไอทีสแควร์ การกระทำของจำเลยย่อมมีเจตนาเล็งเห็นได้ว่ากระสุนที่ยิงไปนั้นอาจถูกคนเสียชีวิตได้...”
“...พิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน ให้ริบของกลาง”
สิ้นคำพิพากษา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมๆ กับความหดหู่ใจของผู้ร่วมชุมนุมกลุ่ม กปปส. รวมทั้งบรรดาคนไทยที่มีหัวใจรักชาติทั้งหลาย
อาทิ วีระ สมความคิด ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “น้องท๊อปเขาเสียสละเพื่อพวกเรา เขาไม่ใช่อาชญากรที่ไปปล้นฆ่าทำร้ายทำลายชีวิตผู้ใดเพื่อต้องการแย่งชิงผลประโยชน์ใดๆ แต่เขาทำไปเพื่อปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง อย่าปล่อยให้เขาถูกทอดทิ้ง พวกเราไม่ได้ติดคุกไม่รู้หรอกว่าในคุกมันเลวร้ายและทุกข์ทรมานเพียงใด เขาเสียสละเพื่อพวกเรา ขอให้ช่วยเหลือโดยส่งกำลังใจและทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ให้เขาตลอดไปจนกว่าเขาจะพ้นโทษ เขาคือผู้เสียสละผู้สมควรได้รับการยกย่องในความเสียสละอย่างกล้าหาญ เขาไม่ใช่อาชญากรที่ใครจะไปประณามหยามหยาบ”
เช่นเดียวกับการ์ตูนนิสต์ชื่อดังอย่าง “ชัย ราชวัตร” และเป็นหนึ่งในแกนนำ กปปส.ก็โพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกในบางช่วงบางตอนเอาไว้ว่า “เราเคารพการตัดสินของศาล และเชื่อว่าศาลคงพิพากษาไปตามหลักฐานและพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่เราอยากพูดถึงสิ่งที่เราเห็นจากการรายงานของสื่อทีวีช่องต่าง ๆ โดยถ่ายทอดสดจากสถานที่จริงบริเวณสี่แยกหลักสี่ ใครที่เฝ้าอยู่หน้าจอในวันนั้นคงได้เห็นกลุ่มอันธพาลการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโกงชาติ ส้องสุมกำลังเป็นจุด ๆ และเป็นกลุ่ม ๆ ไล่ยิงกระสุนใส่ประชาชนมือเปล่าที่ไปชุมนุมอยู่ศูนย์ราชการเป็นระยะ ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็ปรากฏมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งประมาณห้าหกคน มีอาวุธครบคนหรือเปล่าไม่ทันสังเกตได้ทั่วถึง โผล่มาจากไหนไม่ทราบ ออกมายิงสกัดกลุ่มอันธพาลการเมืองเพื่อเซฟชิวิตประชาชนผู้รักชาติ หนึ่งในนั้นใช้ถุงป็อบคอร์นครอบปืนไว้ไม่ให้เห็น ถ้าไม่มีผู้กล้ากลุ่มนี้มายับยั้งสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายกว่าที่เป็น คงมีการสูญเสียคนดีอีกหลายชีวิต จากนั้นมามีการร่ำลือกันว่า ผู้กล้าเหล่านั้นเป็นทหารเรือจากหน่วยซีลที่ออกมาช่วยประชาชน และมือปืนป๊อบคอร์นก็หลายเป็นขวัญใจมหาชน มีเสื้อยืดมือปืนป๊อบคอร์นผลิตออกมาจำหน่ายเป็นที่ระลึกในที่ชุมนุม กปปส.หลายดีไซน์ด้วยกันเป็นที่ขายดิบขายดี เราสลดใจ กับชะตากรรมของน้องป๊อปคอร์น วีรบุรุษของผู้รักชาติรักประชาชน และขอส่งข่าวนี้ไปถึงน้องมือปืนป๊อบคอร์น มวลมหาประชาชนนับล้านในวันนั้นจะไม่มีวันลืมวีรกรรมของน้อง คนเสียสละอย่างน้อยจะไม่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเหมือนพวกเผาบ้านเผาเมืองเผาศาลากลาง เพราะผมเชื่อว่า คนกล้าแสดงออกถึงความรักชาติย่อมต้องแสดงออกถึงคุณธรรมต่อมิตรร่วมรบ เราจะรอดู กปปส.จะชี้นำอย่างไรในกรณีนี้ แต่โดยส่วนตัวจะไม่รอช้าที่จะขอมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน ในการดูแลเจือจานวีรบุรุษของเราในชะตาชีวิตที่เผชิญอยู่ขณะนี้ ใครที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ 204 วันจากทุกสมรภูมิ โปรดส่งความเห็นแนวทางการช่วยเหลือ มาที่กล่องข้อความในเพจผมได้นับแต่บัดนี้
เราไม่ช่วยกันแล้วจะหวังใครมาช่วยเรา”
ส่วนหลวงปู่พุทธะอิสระในฐานะผู้นำเวทีแจ้งวัฒนะนั้นมีความชัดเจนว่า ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ขณะที่มวลมหาประชาชนจำนวนไม่น้อยแสดงเจตจำนงในการให้ความช่วยเหลือ และอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันได้พร้อมใจกับใส่เสื้อ “ป๊อปคอร์น” เดินทางไปยังเรือนจำเพื่อเยี่ยมเยือนฮีโร่ของพวกเขา เพราะทุกคนรับรู้ดีว่า นายวิวัฒน์กระทำเช่นนั้นเพื่อปกป้องประชาชนฝ่ายของตนเอง ซึ่งทางเรือนจำได้กำหนดให้เข้าเยี่ยม สำหรับ แดน 6 ได้อาทิตย์ละ 2 วัน คือวันอังคารและวันพฤหัสบดี ในช่วงเวลา 10.30- 11.15 น.และ เวลา 11.15-12.00 น. โดยสามารถเข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 30 นาที
ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามตามมาเช่นกันว่า แล้วผู้กระทำผิดฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีอาวุธปืนและระดมยิงเข้าใส่ประชาชนฝ่าย กปปส. ที่บริเวณแยกหลักสี่ ถูกจับกุมและดำเนินคดีเช่นเดียวกับท๊อปหรือไม่ เพราะจนบัดนี้ก็ไม่เห็นมีข่าวคราวปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
และที่สุดของที่สุดก็คือ นับกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกมือปืนป๊อปคอร์นเป็นเวลากว่า 37 ปี สังคมไม่ได้ยินเลยก็คือความรู้สึกของแกนนำคนสำคัญอย่าง “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว ควรที่จะแสดงท่าทีต่อเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจนดังที่ “ชัย ราชวัตร” ได้ตั้งคำถามเอาไว้ เพราะแม้นายสุเทพจะประกาศตั้งแต่แรกว่า มือปืนป๊อปคอร์นไม่ใช่ การ์ด กปปส.ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงเมื่อถูกจับกุม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แต่ในเรื่องของ “น้ำใจ” แล้ว นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่มือปืนป๊อปคอร์นผู้นี้ทำก็คือการปกป้องมวลมหาประชาชน กปปส.ของลุงกำนันนั่นเอง
วิวัฒน์ หรือท๊อป ยอดประสิทธิ์คือลูกผู้ชายตัวจริงที่ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของ กปปส.จักต้องบันทึกไว้
เขาคือผู้เสียสละที่มวลมหาประชาชน กปปส.ทุกคนต้องควักหัวใจออกมาคารวะ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝากถ้อยคำสำคัญไว้กับ “ทนายมิ้นท์-พวงทิพย์ บุญสนอง” และถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กของทนายมิ้นท์ว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่ผมกับครอบครัวไม่ขอรับเงินช่วยเหลือครับ”
ลุงกำนันของมวลมหาประชาชนทำอะไรอยู่ที่ไหน โปรดตอบด้วย อย่าปล่อยให้เขาเป็น “ฮีโร่ที่ถูกทิ้ง” เลยขอรับ