เอเยนซี - ศึกฟุตบอลโลก 2014 เตรียมเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายนนี้ ตามเวลาประเทศไทย โดย บราซิล แชมป์สูงสุด 5 สมัยจะเป็นคู่ประเดิมสนาม กลุ่ม เอ พบ โครเอเชีย ที่ อารีนา เดอ เซา เปาโล ท่ามกลางความกดดัน เพราะชนะอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเอ็นเตอร์เทนให้ประทับใจคนดูด้วย ส่วนอีกประเด็นที่ทุกคนจับตามองว่าจะมีการพลิกล็อกเกิดขึ้นหรือไม่ ดูแล้วแมตช์นี้บอกได้คำเดียวว่าระดับ “แซมบ้า” ยาก
เวิลด์ คัพ 2 หนหลังสุด บราซิล จอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ดังนั้น คราวนี้จึงหมายหมั้นปั้นมือเป็นพิเศษต้องเติมดาวดวงที่ 6 บนอกเสื้อให้ได้สถานเดียวไม่เช่นนั้นถือว่าล้มเหลว เพราะทุกอย่างล้วนเป็นใจกับการรับหน้าเสื่อหน 2 ต่อจากปี 1950 ที่ได้รองแชมป์ โดยได้ดึง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี กุนซือที่พาคว้าแชมป์สมัยที่ 5 เมื่อปี 2002 บนทวีปเอเชียที่ ญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วม กลับมารับงานคำรบ 2 หลังไม่ประสบความสำเร็จภายใต้การคุมทัพของ คาร์ลอส อัลเบอร์โต เปร์เรรา, คาร์ลอส ดุงกา และ มาโน เมเนเซส
นักเตะชุดนี้ของ บราซิล ถือเป็นเลือดใหม่เกือบทั้งหมด อาวุโสสุดที่น่าจะออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกคือ ฮูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูวัย 34 ปี กับ ดาเนียล อัลเวส แบ็กขวาวัย 31 ปีจากค่าย บาร์เซโลนา ขณะที่ความหวังแดนหน้าเป็น เนย์มาร์ วัย 22 ปี กับฟุตบอลโลกหนแรกในชีวตที่ต้องแบกความกดดันของคนทั้งประเทศ
ก่อนเกม อัลเวส ใช้ประสบการณ์ออกมากระตุ้นรุ่นน้องว่า “ผมบอกเสมอว่าถ้าคุณลงเล่นแบบไร้ความวิตกกังวลก็ไม่มีคุณค่าในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เกมเปิดสนามยากเสมอและ 3 แต้มก็สำคัญด้วย นอกจากนี้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้กับคู่แข่งอีก 31 ชาติ ทุกคนพร้อม มั่นใจและใจจดจ่อให้ เวิลด์ คัพ มาถึงเร็วๆ เพราะจะพยายามทำให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด”
สำหรับสไตล์ของ สโคลารี ยังเหมือนเดิมคือใช้กองกลางตัวรับ 2 คน ย้อนไปปี 2002 พึ่ง กิลแบร์โต ซิลวา กับ คเลแบร์สัน ระบบ 3-5-2 แต่หนนี้จะเป็น 4-2-3-1 เปาลินโญ กับ หลุยส์ กุสตาโว จะประจำการก่อนถึงหลังบ้าน ส่วนแบ็กโฟร์ถือว่าเหนียวแน่นจากซ้ายไปขวา มาร์เซโล, ติอาโก ซิลวา, ดาวิด ลุยซ์ และ อัลเวส
สโคลารี ค่อนข้างมั่นใจนักเตะชุดนี้มาก เพราะเคยถล่ม สเปน แชมป์เก่าฟุตบอลโลก 2010 และชาติแรกที่ชนะเลิศ 3 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน ในนัดชิง ฟีฟา คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2013 สกอร์ 3-0 เปาลินโญ กับ กุสตาโว จะปักหลักช่วยกันตัดเกมเช่นเคย แต่ใครจะทำได้ครบเครื่องทั้งรุกและรับอย่าง ดุงกา กัปตันทีมชุดแชมป์โลกปี 1994 ที่คู่กับ เมาโร ซิลวา ก็ต้องลุ้นกัน
ด้าน โครเอเชีย แยกตัวเป็นอิสระจาก ยูโกสลาเวีย ตามด้วยเข้าเป็นสมาชิก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เมื่อปี 1993 ซึ่งการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1998 ก็สร้างความฮือฮาด้วยการคว้าอันดับ 3 หลังแพ้ ฝรั่งเศส รอบรองชนะเลิศแบบหวุดหวิด 1-2 ก่อนจะมาล้ม เนเธอร์แลนด์ กู้หน้า ชุดนั้นถือว่าอัดแน่นไปด้วยนักเตะทักษะสูง นำโดย ดาวอร์ ซูเคอร์ ดาวซัลโว 6 ประตูของทัวร์นาเมนต์ ถือเป็นโมเมนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะจากนั้นเป็นบรรดาเลือดใหม่ทำให้ปี 2002 และ 2006 ตกรอบแรก ตามด้วย 4 ปีก่อนที่ไม่ได้ไปโชว์ฝีเท้าที่ แอฟริกาใต้
กลับมาคราวนี้ภายใต้การคุมทัพของ นิโก โควัค อดีตกองกลางที่มีประสบการณ์ลุยฟุตบอลโลกปี 2002 กับ 2006 แต่ โครเอเชีย ต้องลุ้นถึงเพลย์ออฟโซนยุโรปกว่าจะคว้าตั๋วด้วยการเอาชนะ ไอซ์แลนด์ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-0 ซึ่งดูจาก แคเมอรูน กับ เม็กซิโก 2 ชาติร่วมกลุ่ม เอ ก็ถือว่าหินไม่น้อย เพราะล้วนมีประสบการณ์ผ่านเวทีระดับนี้มาแล้วทั้งสิ้น
โครเอเชีย จะต้องพึ่ง ลูกา โมดริช กับ อิวาน ราคิติช 2 กองกลางที่เล่นอยู่ใน ลา ลีกา สเปน บดกับแผงมิดฟิลด์ของ บราซิล แต่กองหน้าไม่มี มาริโอ มานด์ซูคิช จากบาเยิร์น มิวนิก ดีกรีดาวซัลโว 3 ประตู ยูโร 2012 เนื่องจากติดโทษแบนมาจากรอบ เพลย์ออฟ โซนยุโรป
โดย โมดริช แข้งที่พา รีล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก สมัยที่ 10 กล่าวว่า “แทบทุกเกมมักตัดสินกันที่แดนกลาง ดังนั้น หวังว่าเราจะแสดงศักยภาพออกมาเพื่อชิงพื้นที่สู้กับเจ้าภาพ ซึ่งก็รู้ดีว่าเป็นงานยาก ส่วน เนย์มาร์ แม้ไม่ได้มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับ บาร์เซโลนา แต่เมื่อเล่นให้ บราซิล เขาจะเป็นผู้เล่นที่แตกต่างออกไป แต่ก็เชื่อว่าทุกคนน่าจะหาทางหยุดได้”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *