ASTV ผู้จัดการรายวัน – ผ่านด่านแรกมาได้เรียบร้อยสำหรับขุนพลนักเทนนิสหนุ่มทีมชาติไทย ชุดลุยศึก เดวิส คัพ 2014 หลังผนึกกำลังปราบ ฮ่องกง ผู้มาเยือนไปได้แบบขาดลอยที่ภูเก็ตเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกว่าฮือฮาไม่น้อย เพราะนักหวดหนุ่มทั้ง 4 รายล้วนแต่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งมีประสบการณ์เพียงน้อยนิด แต่จากผลงานที่เกิดขึ้นถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าวงการเทนนิสฝ่ายชายของไทย กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าสู่ยุคมืดมานานหลายปี
ก่อนลงแข่งเทนนิสชิงแชมป์โลกประเภททีมชาย รอบแรกของกลุ่ม 2 โซนเอเชีย/โอเชียเนีย พันเอก ไกรเพชร วรสมบัติ กัปตันทีมไทย จัดการเรียกตัว “ณัฐ” ปรัชญา อิสโร, “จูเนียร์” วิชยา ตรงเจริญชัยกุล, “แชมป์” วริศ สอนบุตรนาค และ “แมน” ณัฐนนท์ กัจฉปานันท์ มารวมตัวฝึกซ้อมเพื่อเจอกับ ฮ่องกง โดยไร้ชื่อของหวดรุ่นพี่อย่าง ดนัย อุดมโชค, กิตติพงษ์ วชิรมโนวงศ์ หรือแม้แต่ “ฝาแฝด” อย่าง สนฉัตร-สรรค์ชัย รติวัฒน์ มาช่วยประคองน้องๆ เหมือนที่ผ่านมา ทำเอาแฟนเทนนิสบางส่วนถึงกับตั้งคำถามว่าทั้งหมดจะทำผลงานได้ดีเพียงใด
แต่กลายเป็นว่าหวดหนุ่มเลือดใหม่ทั้ง 4 คน ซึ่งเคยมีประสบการณ์ลงเล่นให้ทีมชาติมาเพียงแค่ 1-2 ครั้ง กลับสร้างผลงานยอดเยี่ยมไล่ต้อนคู่แข่งที่สนามเทนนิส โรงแรมธัญญะปุระ ภูเก็ต ขาดลอย 4-1 คู่ เมื่อวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนสามารถตีตั๋วผ่านเข้ารอบสองได้สำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีคิวเจอกับ คูเวต ซึ่งยืนรออยู่ข้างหน้า ระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน โดยทีมไทยต้องชนะให้ได้เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนลุ้นโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นสู่กลุ่ม 1 ปลายปีนี้
ผลงานสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของหวดชาวไทย สร้างความประทับใจให้คนดูรวมถึงสื่อที่ตามไปเกาะติดอยู่ข้างคอร์ตไม่น้อย เพราะแต่ละคนงัดฟอร์มดีที่สุดมาสู้กับผู้เล่นซึ่งมีประสบการณ์ลงเล่นระดับ เอทีพี ทัวร์ มาแล้วอย่าง ฟิลลิป คิง และ อ็อกเนียน โคเลฟ จนไปไม่เป็น เล่นเอา พันเอก ไกรเพชร วรสมบัติ กัปตันทีมยิ้มแก้มปริ โดยกล่าวว่า “สำหรับทีมเดวิส คัพ ชุดนี้ผมเป็นคนเลือกเองกับมือ เพราะมองเห็นศักยภาพความแข็งแกร่งของเด็กเหล่านี้ แม้ประสบการณ์ค่อนข้างน้อยแต่ก็ได้ความสดใหม่ ซึ่งหาไม่ได้ในคู่แข่งจากชาติต่างๆ ตลอด 3 วัน ทั้ง ปรัชญา, วิชยา, วริศ และ ณัฐนนท์ เล่นได้ประทับใจมาก น่าจะขึ้นเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติของเราไปอีกหลายปี”
ขณะที่ ปรัชญา อิสโร หวดหนุ่มวัย 18 ปี มือ 806 ของโลกและมือ 1 ของทีม ซึ่งงัดลูกเสิร์ฟเอซประเคนใส่คู่ต่อสู้จนเล่นไม่ออก ช่วยให้ทีมเก็บแต้มสำคัญเข้ากระเป๋า ชี้ชัยชนะที่ได้มาช่วยสร้างความมั่นใจได้มาก พร้อมหวังพัฒนาฝีมือเพื่อไต่อันดับขึ้นไปเล่นรายการ เอทีพี ทัวร์ รวมถึงช่วยชาติทำศึก เดวิส คัพ และ เอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ “การเล่นให้ทีมชาติครั้งนี้ทำให้ผมได้ประสบการณ์ รู้ข้อผิดพลาดตัวเองมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากทัวร์นาเมนต์ระดับ ฟิวเจอร์ คัพ ที่เคยเล่นมา โดยบรรยากาศความกดดันแตกต่างกันเลย จากนี้ไปตั้งเป้ารักษาผลงานที่ดี ปรับปรุงข้อผิดพลาดเพื่อยกระดับขึ้นไปเล่น เอทีพี ในอนาคต”
ส่วน “กัปตันนุ” เชื่อมั่นว่าศักยภาพของนักหวดไทยเวลานี้สู้กับทุกทีมในแถบเอเชียได้สูสี รวมถึง คูเวต ในรอบสอง แต่ยังต้องมีการปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองอยู่บ้าง “ปรัชญา เล่นได้ดีทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ แต่ควรปรับปรุงเรื่องการเสิร์ฟลูกแรกที่เสียเองบ่อยครั้ง ขณะที่ วิชยา มีเกมบุกที่โดดเด่น ทว่ายังติดใจร้อนต้องรู้จักผ่อนเกมบ้าง ด้าน วริศ ที่แพ้คู่แข่งวันแรกคิดว่าเจ้าตัวคงตื่นเต้นเกินไป อย่างไรก็ตาม หากได้เล่นทัวร์นาเมนต์อื่นมากขึ้น จิตใจก็จะนิ่งกว่านี้ ส่วน ณัฐนนท์ เล่นได้ทุกแบบทั้งเดี่ยวและคู่ แต่หลายจังหวะยังตีเสียมากเกินไป ต้องออกลูกให้แม่นกว่านี้ หากทุกคนรู้จักแก้ไข ผมเชื่อว่าเราจะชนะ คูเวต ก่อนก้าวขึ้นไปสร้างชื่อเสียงให้ชาติได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า”
ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งที่แฟนลูกสักหลาดไทย ต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าทิศทางของหวดเลือดใหม่ฝ่ายชายนั้นจะไปได้ไกลเพียงใด หลังจากปล่อยให้ฝ่ายหญิงที่สร้างตัวตายตัวแทนของ แทมมารีน ธนสุกาญจน์ เกิดขึ้นมาหลายรายในช่วง 2-3 ปีหลัง แซงหน้าไปไกลแล้ว ซึ่งหากผลงานยังเข้าตาและสามารถสร้างฮีโร่คนใหม่ขึ้นมาแทนรุ่นพี่ได้ วงการเทนนิสชายไทยที่เคยอยู่ในช่วงสูญญากาศมาตลอดหลังหมดยุคของ “ซูเปอร์บอล” น่าจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย