xs
xsm
sm
md
lg

เทนนิสไทยยุคผลัดใบ นับหนึ่งใหม่ที่ "น้องลัก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น้องลัก วางแผนก้าวสู่ท็อป 50 ปีนี้
ASTVผู้จัดการรายวัน - วงการลูกสักหลาดไทยถือว่าเคยรุ่งเรืองที่สุดในยุคของนักกีฬาชื่อดังอย่าง "ซูเปอร์บอล" ภาราดร ศรีชาพันธุ์ ที่สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับ 9 ของโลก ถือเป็นนักกีฬาเอเชียคนแรกที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ขณะที่ "แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ก็สร้างความสุขให้แก่แฟนเทนนิสไทยมายาวนานกว่า 20 ปี และยังไม่มีนักเทนนิสหญิงคนใดทำได้เทียบเท่า แต่เมื่อหมดยุคของทั้งคู่ ปัจจุบันดูเหมือนวงการลูกสักหลาดไทยก็เข้าสู่ภาวะซบเซาอย่างเห็นได้ชัด

โดย "แทมมี่" แทมมารีน ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงปลายอาชีพกล่าวถึงวงการเทนนิสไทยในยุคนี้ว่า "จะบอกว่าเป็นช่วงซบเซาของวงการเทนนิสไทยก็ได้ แต่มันไม่ได้ตกต่ำอะไร ยกตัวอย่าง คนไทยด้วยกันอาจไม่กระตือรือร้นพอมีการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ๆ ในบ้านเรา แต่ชาวต่างชาติเขาก็ติดตาม บางครั้งชาวต่างชาติมาชมการแข่งขันมากกว่าคนไทยเสียอีก ซึ่งเหตุผลที่คนไทยไม่ได้สนใจเทนนิสเท่าที่ควร คงเป็นเพราะนักกีฬาไทยังมีผลงานที่ไม่โดดเด่นในช่วงเวลานี้เท่านั้นเอง"

อย่างไรก็ตาม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่ากระแสความนิยมกีฬาเทนนิสในประเทศ แม้ตกต่ำ ทว่าเชื่อมั่นว่าความนิยมจะกลับมาในเร็ววัน เนื่องจากมีแผนพัฒนานักกีฬาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง "ที่ผ่านมาวงการเทนนิสไทยมีนักเทนนิสสร้างชื่อในระดับโลกอย่าง ภราดร, แทมมี และ ดนัย อุดมโชค แต่นักกีฬาเหล่านี้ต่างก็มีอายุการใช้งาน ดังนั้นเราจึงต้องสร้างนักกีฬาหน้าใหม่มาประดับวงการต่อไป"

"ขณะนี้ทางลอนเทนนิสสมาคมฯ สร้างดาวรุ่งขึ้นมาแล้ว แผนต่างๆ ยังดำเนินการต่อไป ซึ่งมีหลายโครงการในการพัฒนา และปัจจุบันก็ปรากฏความหวังใหม่ของวงการ อย่าง ลักษิกา คำขำ ซึ่งเป็นนักเทนนิสสาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก ''แทมมี่'' ที่ทำอันดับโลก เข้าไปอยู่ใน 100 อันดับแรกได้สำเร็จ โดยในการแข่งขันแกรนด์สแลมแรกของปี 2014 "ออสเตรเลียน โอเพน" ที่เมลเบิร์น "น้องลัก" สามารถเอาชนะ เปตรา ควิโตวา นักหวดมือ 6 ของโลกจากสาธารณรัฐเช็ก ดีกรีแชมป์วิมเบิลดัน 2011 จนกลายเป็นม้ามืดที่เตรียมขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของวงการ"

พร้อมกันนี้ สุวัจน์ กล่าวต่อไปด้วยว่า "ในรายของ นพวรรณ เลิศชีวกานต์ ที่สามารถคว้าแชมป์เยาวชนวิมเบิลดัน 2009 ทั้งเดี่ยวและคู่ มาครอง ก็เชื่อว่าต่อจากนี้จะดีขึ้นไปอีก แม้หลายปีที่ผ่านมาฟอร์มตกไปบ้าง แต่การสร้างนักกีฬาเราใจร้อนไม่ได้ ทุกคนมีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกราฟ มีขึ้นมีลง ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันหลายๆ รายการจะสั่งสมประสบการณ์ให้ นพวรรณ กลับมาได้ ส่วนเรื่องของนักกีฬาชายนั้น เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความจริงว่าคงอีกนาน เนื่องจากปัจจุบันเรามีนักกีฬาระดับเยาวชนอายุเพียง 14-15 ปีเท่านั้นที่ดูแล้วพอมีแวว"

ด้าน "บิ๊กแน็ต" ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ที่เป็นผู้ปลุกปั้น "น้องนก" นพวรรณ และ "น้องลัก" ลักษิกา สองหวดดาวรุ่งทีมชาติไทย ยอมรับว่าเป็นงานช้าง หากจะผลักดันให้วงการเทนนิสกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่เชื่อว่าสุดท้ายความสำเร็จสามารถเป็นจริงได้ "การที่เราจะสร้างนักกีฬาคนหนึ่งนั้น มีต้นทุนที่สูงมาก ยกตัวอย่าง ผมต้องเดินทางไปดูนักกีฬาสักคนหนึ่งที่มีแววนั้น บางครั้งเราต้องไปดูแล้วดูอีก เขาอาจมีแววดี แต่นักกีฬาอายุน้อยเรื่องจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ บางคนพอมีชื่อเสียงหน่อยก็เริ่มเตลิด เราต้องเลือกคนที่เขาอยากพัฒนาตัวเองจริงๆ ทุ่มเทให้การฝึกซ้อมจริงจัง"

จากนั้น "บิ๊กแน็ต" ยังเอ่ยถึงแผนการจ้าง ฌัค คริส โค้ชชาวอเมริกันที่เคยดูแล "น้องนก" ให้มาช่วยปั้น"น้องลัก" ว่า "ในรายของ ลักษิกา เมื่อพัฒนาถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องมีการจ้างโค้ชต่างชาติมาดูแล ที่นี้ค่าจ้างโค้ชคนนี้ไม่ใช่น้อยๆ ตกอยู่ 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.6 แสนบาท) ต่อปี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างหารือกัน แต่สุดท้ายผมก็เชื่อว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา"

ในส่วนของ "น้องลัก" ดาวรุ่งที่ถูกยกเป็นเบอร์ 1 ของวงการเทนนิสหญิงไทย ณ ปัจจุบัน กล่าวถึงแผนการในอนาคตของตัวเองว่า "ตอนเอาชนะ ควิโตวา ในออสเตรเลีย โอเพน 2014 รู้สึกช็อกเหมือนกัน แต่ก็เป็นการเรียกความมั่นใจได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการที่มีอันดับอยู่ในท็อป 100 ของโลกได้ ก็ช่วยให้ง่ายต่อการลงแข่งขันในรายการของ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ เป็นหลัก โดยไม่ต้องแข่งขันรอบคัดเลือก ต่อจากนี้คงต้องเน้นการแข่งขันทุกแมตช์ให้มากขึ้น จากนี้ไปวางแผนว่าอย่างน้อยๆ จบปีนี้ต้องไปให้ถึงท็อป 50 ของโลกให้ได้ ตอนนี้มองว่าทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเองสำคัญที่สุด"
เทนนิสชายไทยซบเซา
สุวัจน์ มีแผนสร้างนักกีฬาดาวรุ่งเพิ่ม
บิ๊กแน็ต ยังทำงานหนักต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น