คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย แมวดำ
แยกกันเดิน รวมกันตี
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ลูกผู้ชายชื่อ “อ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้พิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางสายวอลเลย์บอลที่ตัวเองรักแล้วว่า เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยฐานะผู้เล่น และสถานภาพผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยในยุคปัจจุบัน จากความสำเร็จในการนำทีมสาวไทยคว้าแชมป์เอเชียถึง 2 สมัย แต่จากการได้อ่านหนังสือ “โค้ชอ๊อต” ของสำนักพิมพ์ อินบีทวีน พับลิเคชั่นส์ ทำให้ต้องเติมคำว่า “มาก” ต่อท้ายคำว่า “เก่ง”
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ “โค้ชอ๊อต” พูดเรื่องที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่รู้ว่าการบริหารทีมลูกยางตั้งแต่ระดับเยาวชนสร้างจนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติยุคปัจจุบัน ไม่ใช่มีแค่การพัฒนาฝีมือเท่านั้น หากต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจ และสอดแทรกเรื่องจิตวิทยาลงไปด้วย ยกตัวอย่างคือการลงซ้อมทีม ที่มีกุนซือร่างใหญ่ลงทำหน้าที่ผู้ตัดสิน บ่อยครั้งที่ลูกลง แต่กลับว่าแกล้งขานว่าลูกออก เพื่อฝึกในเรื่องการรับมือกับสภาพความไม่เป็นธรรมของผู้ตัดสิน ให้นักกีฬาเคยชินกับสภาวะเช่นนี้ เมื่อแข่งจริงจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์สมาธิแตกซ่าน
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการโฆษณาหนังสือที่ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ ทว่าเพื่อยืนยันความยอดเยี่ยมของสุดยอดโค้ชคนหนึ่งของวงการกีฬาบ้านเรา และบทพิสูจน์ด่านสำคัญอีกครั้งของ “โค้ชอ๊อต” เป็นการมอบนโยบายจากสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ให้รับหน้าที่ผู้ฝึกสอนนำทีมชาติไทยร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-12 ต.ค.นี้ ซึ่งมีการเปิดเผยมาแล้วว่าจะแบ่งนักกีฬาทีมชาติออกเป็น 2 ชุด เพื่อแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค.นี้ ซึ่งชุดหลังนี้จะคุมทีมโดย “โค้ชยะ” ณัฐพล ศรีสมุทรนาค
ทั้งนี้สมาคมลูกยางไทย ประกาศไว้เลยว่าเป้าหมาย “อินชอนเกมส์” คือการคว้าเหรียญรางวัลเหรียญใดเหรียญหนึ่ง แต่กลับส่ง “โค้ชยะ” มาคุม แทนที่จะเป็น “โค้ชอ๊อต” นั้น เรื่องนี้ได้รับคำตอบจากท่านนายกสมาคมอย่างคุณสมพร ใช้บางยาง ว่าผู้เล่นทั้งสองทีมนั้นจะมีนักกีฬาตัวหลักผสมกับดาวรุ่งร่วมการแข่งขัน แต่น่าจะเน้นดาวรุ่งไปลงที่ทีมชุดชิงแชมป์โลกที่ “โค้ชอ๊อต” ดูแลมากกว่า เนื่องจากนักกีฬารุ่นพี่ในทีมชาติไทยนั้นอายุแตะหลัก 3 กันไปเยอะแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาต้องให้โอกาสนักกีฬารุ่นน้องขึ้นมาแทนที่ ถือเป็นช่วงเวลาสร้างทีมใหม่ หรือจะเรียกว่าพยายามถ่ายเลือดก็ได้
ถึงตรงนี้คุณสมพร ยืนยันว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับนักกีฬาดาวรุ่ง และมอบหมายเบอร์ 1 อย่าง “โค้ชอ๊อต” มาดูแลเหมือนที่เคยสร้างนักกีฬาทีมหญิงขึ้นมาคว้าแชมป์เอเชียได้ อีกทั้งเชื่อว่าแฟนกีฬาชาวไทยคงรับได้กับการตัดสินใจเช่นนี้
ส่วนเรื่องการคุมทีมของ “โค้ชยะ” นั้น แฟนที่เพิ่งตามกีฬาลูกยางขออย่าห่วง เพราะฝีมือไม่ธรรมดาแน่ ที่ผ่านมาก็เคยนำทีมคว้าเหรียญทองแดงการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2013 มาได้ อีกทั้งถือเป็นโค้ชมากประสบการณ์ และเคยนำทีมประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดก็คือแผนแยกกันเดิน รวมกันตีของสมาคมลูกยางไทยนั่นเอง
แยกกันเดิน รวมกันตี
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ลูกผู้ชายชื่อ “อ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้พิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางสายวอลเลย์บอลที่ตัวเองรักแล้วว่า เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยฐานะผู้เล่น และสถานภาพผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยในยุคปัจจุบัน จากความสำเร็จในการนำทีมสาวไทยคว้าแชมป์เอเชียถึง 2 สมัย แต่จากการได้อ่านหนังสือ “โค้ชอ๊อต” ของสำนักพิมพ์ อินบีทวีน พับลิเคชั่นส์ ทำให้ต้องเติมคำว่า “มาก” ต่อท้ายคำว่า “เก่ง”
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ “โค้ชอ๊อต” พูดเรื่องที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่รู้ว่าการบริหารทีมลูกยางตั้งแต่ระดับเยาวชนสร้างจนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติยุคปัจจุบัน ไม่ใช่มีแค่การพัฒนาฝีมือเท่านั้น หากต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจ และสอดแทรกเรื่องจิตวิทยาลงไปด้วย ยกตัวอย่างคือการลงซ้อมทีม ที่มีกุนซือร่างใหญ่ลงทำหน้าที่ผู้ตัดสิน บ่อยครั้งที่ลูกลง แต่กลับว่าแกล้งขานว่าลูกออก เพื่อฝึกในเรื่องการรับมือกับสภาพความไม่เป็นธรรมของผู้ตัดสิน ให้นักกีฬาเคยชินกับสภาวะเช่นนี้ เมื่อแข่งจริงจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์สมาธิแตกซ่าน
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการโฆษณาหนังสือที่ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ ทว่าเพื่อยืนยันความยอดเยี่ยมของสุดยอดโค้ชคนหนึ่งของวงการกีฬาบ้านเรา และบทพิสูจน์ด่านสำคัญอีกครั้งของ “โค้ชอ๊อต” เป็นการมอบนโยบายจากสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ให้รับหน้าที่ผู้ฝึกสอนนำทีมชาติไทยร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-12 ต.ค.นี้ ซึ่งมีการเปิดเผยมาแล้วว่าจะแบ่งนักกีฬาทีมชาติออกเป็น 2 ชุด เพื่อแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค.นี้ ซึ่งชุดหลังนี้จะคุมทีมโดย “โค้ชยะ” ณัฐพล ศรีสมุทรนาค
ทั้งนี้สมาคมลูกยางไทย ประกาศไว้เลยว่าเป้าหมาย “อินชอนเกมส์” คือการคว้าเหรียญรางวัลเหรียญใดเหรียญหนึ่ง แต่กลับส่ง “โค้ชยะ” มาคุม แทนที่จะเป็น “โค้ชอ๊อต” นั้น เรื่องนี้ได้รับคำตอบจากท่านนายกสมาคมอย่างคุณสมพร ใช้บางยาง ว่าผู้เล่นทั้งสองทีมนั้นจะมีนักกีฬาตัวหลักผสมกับดาวรุ่งร่วมการแข่งขัน แต่น่าจะเน้นดาวรุ่งไปลงที่ทีมชุดชิงแชมป์โลกที่ “โค้ชอ๊อต” ดูแลมากกว่า เนื่องจากนักกีฬารุ่นพี่ในทีมชาติไทยนั้นอายุแตะหลัก 3 กันไปเยอะแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาต้องให้โอกาสนักกีฬารุ่นน้องขึ้นมาแทนที่ ถือเป็นช่วงเวลาสร้างทีมใหม่ หรือจะเรียกว่าพยายามถ่ายเลือดก็ได้
ถึงตรงนี้คุณสมพร ยืนยันว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับนักกีฬาดาวรุ่ง และมอบหมายเบอร์ 1 อย่าง “โค้ชอ๊อต” มาดูแลเหมือนที่เคยสร้างนักกีฬาทีมหญิงขึ้นมาคว้าแชมป์เอเชียได้ อีกทั้งเชื่อว่าแฟนกีฬาชาวไทยคงรับได้กับการตัดสินใจเช่นนี้
ส่วนเรื่องการคุมทีมของ “โค้ชยะ” นั้น แฟนที่เพิ่งตามกีฬาลูกยางขออย่าห่วง เพราะฝีมือไม่ธรรมดาแน่ ที่ผ่านมาก็เคยนำทีมคว้าเหรียญทองแดงการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2013 มาได้ อีกทั้งถือเป็นโค้ชมากประสบการณ์ และเคยนำทีมประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดก็คือแผนแยกกันเดิน รวมกันตีของสมาคมลูกยางไทยนั่นเอง