คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
หลังจบศึกวอลเลย์บอลเวิลด์ แกรนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2013 ที่ประเทศญี่ปุ่น ทีมลูกยางสาวไทยแม้จะเริ่มต้นด้วยการแพ้ทีมระดับโลกอย่าง โดมินิกัน, บราซิล, ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ ก่อนจะมาเอาชนะ รัสเซีย แชมป์ยุโรป ได้ในนัดสุดท้าย ส่งให้เกิดความคึกคักขึ้นในหมู่แฟนกีฬาวอลเลย์บอลเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะจารึกหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นครั้งแรกที่สามารถเอาชนะ รัสเซีย ได้แล้ว ยังเป็นการคว้าชัยชนะครั้งแรกในรายการดังกล่าวได้อีกด้วย
โดยพลันที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายกสมาคมลูกยางไทย อย่าง นายสมพร ใช้บางยาง เผยแผนการเตรียมทีมลงแข่งขันปี 2014 ในทันที โดยมีรายการใหญ่อย่างศึกชิงแชมป์โลก ที่อิตาลี ระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2557 และเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2557 ซึ่งจากโปรแกรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางเลยที่ทีมไทยจะเข้าแข่งขันทั้งสองรายการได้พร้อมๆ กัน ด้วยนักกีฬาชุดเดียว จึงมีแนวความคิดที่จะแยกนักกีฬาออกเป็น 2 ทีม โดยวางทีมชุดที่ใช้นักกีฬาดาวรุ่งไปอิตาลี ส่วนนักกีฬาชุดใหญ่ส่งไปเมืองอินชอน แดนกิมจิแทน
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้แฟนวอลเลย์บอลชาวไทยจำนวนมากต่างก็แสดงความไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับมีการออกมาตั้งแง่ติติงถึงการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นอันมากผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่าควรแล้วหรือที่จะส่งเพียงแค่ดาวรุ่งร่วมรายการชิงแชมป์โลก และหากว่าความเห็นเหล่านั้นไม่เข้าท่า ไร้เหตุผลก็คงไม่มีใครใส่ใจรับฟัง ทว่าแฟนกลุ่มดังกล่าวมีข้อคิดที่น่ารับฟังในหลายประการ
เริ่มต้นด้วยเรื่องคะแนนสะสมอันดับโลกที่มีคะแนนสูงสุด รวมถึงการได้เป็นทีมวางในการแข่งขัน จึงไม่ต้องดวลกับเหล่าบรรดาทีมใหญ่ตั้งแต่รอบแรกทำให้มีโอกาสผ่านเข้ารอบค่อนข้างสูงทีเดียว และหากว่าทำอันดับได้ดี ก็จะมีผลต่ออันดับโลกที่จะขยับขึ้นไป อีกทั้งยังมีผลต่อการแข่งขันเพื่อควอลิฟายรายการต่างๆ ของ “เอฟไอวีบี” รวมไปถึงการได้เป็นทีมวางในโอลิมปิก 2016 ที่เหล่าบรรดาผู้บริหารสมาคมวาดความหวังไว้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลต่างๆ นานา ว่าด้วยเรื่องของการส่งทีมชุดเล็กไปแข่งขันชิงแชมป์โลก อาจถูกมองว่าไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันอย่างจริงจัง และอาจถูกเพ่งเล็งจาก “เอฟไอวีบี” จนถึงขั้นถูกลงโทษด้วยการลดพื้นที่ของทีมจากเอเชียเข้าร่วมรายการนี้ในอนาคต
คิดไปคิดมาก็น่ากลัวนะครับ เพียงแต่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ จะว่าไปแม้ว่าจะไม่มีคะแนนเกี่ยวข้องกับอันดับโลกเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่ารายการนี้เจอเสือ สิงห์ กระทิง แรด น้อยกว่าชิงแชมป์โลกเยอะ เราเจอแค่กระดูกในทวีปอย่าง ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้ และ คาซัคสถาน เท่านั้น (แค่นี้นักกีฬากว่าจะชนะแต่ละทีมได้ก็เหงื่อตกกีบแล้ว) แล้วถือว่ามีความหวังลุ้นเหรียญรางวัลได้เลยเสียด้วย
สุดท้ายแล้วสมาคมวอลเลย์บอลฯ จะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องที่คงต้องนำสิ่งเหล่านี้มาขบคิดกันให้มาก เพราะมีเสียงท้วงติงมาขนาดนี้ไม่ฟังเลยก็ไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องเลือก ระหว่างการพัฒนาทีมสู่ระดับโลกจริงๆ หรือหวังแค่น้ำบ่อหน้าอย่างเอเชียนเกมส์เท่านั้น
หลังจบศึกวอลเลย์บอลเวิลด์ แกรนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2013 ที่ประเทศญี่ปุ่น ทีมลูกยางสาวไทยแม้จะเริ่มต้นด้วยการแพ้ทีมระดับโลกอย่าง โดมินิกัน, บราซิล, ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ ก่อนจะมาเอาชนะ รัสเซีย แชมป์ยุโรป ได้ในนัดสุดท้าย ส่งให้เกิดความคึกคักขึ้นในหมู่แฟนกีฬาวอลเลย์บอลเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะจารึกหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นครั้งแรกที่สามารถเอาชนะ รัสเซีย ได้แล้ว ยังเป็นการคว้าชัยชนะครั้งแรกในรายการดังกล่าวได้อีกด้วย
โดยพลันที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายกสมาคมลูกยางไทย อย่าง นายสมพร ใช้บางยาง เผยแผนการเตรียมทีมลงแข่งขันปี 2014 ในทันที โดยมีรายการใหญ่อย่างศึกชิงแชมป์โลก ที่อิตาลี ระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2557 และเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2557 ซึ่งจากโปรแกรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางเลยที่ทีมไทยจะเข้าแข่งขันทั้งสองรายการได้พร้อมๆ กัน ด้วยนักกีฬาชุดเดียว จึงมีแนวความคิดที่จะแยกนักกีฬาออกเป็น 2 ทีม โดยวางทีมชุดที่ใช้นักกีฬาดาวรุ่งไปอิตาลี ส่วนนักกีฬาชุดใหญ่ส่งไปเมืองอินชอน แดนกิมจิแทน
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้แฟนวอลเลย์บอลชาวไทยจำนวนมากต่างก็แสดงความไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับมีการออกมาตั้งแง่ติติงถึงการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นอันมากผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่าควรแล้วหรือที่จะส่งเพียงแค่ดาวรุ่งร่วมรายการชิงแชมป์โลก และหากว่าความเห็นเหล่านั้นไม่เข้าท่า ไร้เหตุผลก็คงไม่มีใครใส่ใจรับฟัง ทว่าแฟนกลุ่มดังกล่าวมีข้อคิดที่น่ารับฟังในหลายประการ
เริ่มต้นด้วยเรื่องคะแนนสะสมอันดับโลกที่มีคะแนนสูงสุด รวมถึงการได้เป็นทีมวางในการแข่งขัน จึงไม่ต้องดวลกับเหล่าบรรดาทีมใหญ่ตั้งแต่รอบแรกทำให้มีโอกาสผ่านเข้ารอบค่อนข้างสูงทีเดียว และหากว่าทำอันดับได้ดี ก็จะมีผลต่ออันดับโลกที่จะขยับขึ้นไป อีกทั้งยังมีผลต่อการแข่งขันเพื่อควอลิฟายรายการต่างๆ ของ “เอฟไอวีบี” รวมไปถึงการได้เป็นทีมวางในโอลิมปิก 2016 ที่เหล่าบรรดาผู้บริหารสมาคมวาดความหวังไว้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลต่างๆ นานา ว่าด้วยเรื่องของการส่งทีมชุดเล็กไปแข่งขันชิงแชมป์โลก อาจถูกมองว่าไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันอย่างจริงจัง และอาจถูกเพ่งเล็งจาก “เอฟไอวีบี” จนถึงขั้นถูกลงโทษด้วยการลดพื้นที่ของทีมจากเอเชียเข้าร่วมรายการนี้ในอนาคต
คิดไปคิดมาก็น่ากลัวนะครับ เพียงแต่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ จะว่าไปแม้ว่าจะไม่มีคะแนนเกี่ยวข้องกับอันดับโลกเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่ารายการนี้เจอเสือ สิงห์ กระทิง แรด น้อยกว่าชิงแชมป์โลกเยอะ เราเจอแค่กระดูกในทวีปอย่าง ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้ และ คาซัคสถาน เท่านั้น (แค่นี้นักกีฬากว่าจะชนะแต่ละทีมได้ก็เหงื่อตกกีบแล้ว) แล้วถือว่ามีความหวังลุ้นเหรียญรางวัลได้เลยเสียด้วย
สุดท้ายแล้วสมาคมวอลเลย์บอลฯ จะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องที่คงต้องนำสิ่งเหล่านี้มาขบคิดกันให้มาก เพราะมีเสียงท้วงติงมาขนาดนี้ไม่ฟังเลยก็ไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องเลือก ระหว่างการพัฒนาทีมสู่ระดับโลกจริงๆ หรือหวังแค่น้ำบ่อหน้าอย่างเอเชียนเกมส์เท่านั้น