คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
แล้วก็ได้แชมป์โลกรายใหม่ “อำนาจ รื่นเริง”
ช่วงนี้ถือว่าวงการมวยสากลอาชีพบ้านเรากลับคืนสู่ความคึกคักอีกครั้ง หลังจากเงียบหงอยไปพักใหญ่เมื่อปลายปี 2555 ที่ไม่มีแชมป์โลกเหลืออยู่ในเมืองไทยเลย ปีที่แล้ว “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ ส.รุ่งวิสัย ก็คว้าแชมป์โลกมาให้แฟนมวยชาวไทยได้เฮ แถมโชว์พลังหมัดได้สะใจคอซาดิสต์ยิ่งนัก พอเข้าปี 2557 ยังไม่ทันไร เราก็ได้แชมป์โลกมาประดับวงการอีกราย จาก “เจ้าเพชร” อำนาจ รื่นเริง หรือปัจจุบันใช้ชื่อค่ายว่า เกษตรพัฒนา ในรุ่นฟลายเวตของสหพันธ์มวยนานาชาติ IBF
โดย “เจ้าเพชร” ในฐานะแชมป์ IBF Asia นั้น มีคิวจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลกกับแชมป์โลกตัวจริง คือ โมรุติ เอ็มทาลาเน ชาวแอฟริกาใต้ แต่เจ้าของตำแหน่งไม่ยอมขึ้นชกกับนักมวยเรา ยอมสละตำแหน่งไปซะอย่างนั้น ทำให้ตำแหน่งแชมป์ว่างลง และด้วยบารมีของค่ายเกียรติกรีรินทร์ในสถาบัน IBF ก็ทำให้อำนาจยังได้เป็นตัวยืนในการชิงแชมป์ว่าง แม้ว่าจะเป็นเพียงรองแชมป์โลกอันดับ 7 เท่านั้น แถม IBF ยังจัดนักมวยฟิลิปปินส์ ร็อกกี ฟูเอนเตส ซึ่งเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 5 มาชิงกับเราอีกต่างหาก ทำเอารองแชมป์โลกอันดับที่สูงกว่าอย่างอันดับ 3 กับ 4 ถึงกับเงิบ (รองอันดับ 1 กับ 2 ว่างอยู่)
แต่มวยปินส์ตัวนี้ก็ไม่เบา เพราะ 6 ปีหลังขึ้นชก 15 ไฟต์ชนะรวด และมีสถิติการชกรวมชนะถึง 35 ไฟต์ แพ้ 5 และเสมอ 2 เทียบกับอำนาจเราที่ชกมวยอาชีพมาเพียงปีเศษๆ มีประสบการณ์เพียง 10 ไฟต์ แม้จะชนะรวด แต่ก็พบกับมวยระดับรองๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ ฟูเอนเตส เคยเจอมวยดีๆ มาแล้ว อย่าง ลี มยุง โฮ จากเกาหลี หรือ ฮิโรฟูมิ มูไก ที่เพิ่งมาชิงแชมป์โลกกับ “เจ้าแหลม” และถูกไล่ถลุงแต่ก็แสดงธาตุแท้ที่ทรหดอดทนยืนอยู่ได้ถึงยก 9 โดยตอนนั้นเจ้ามูไกก็ยืนได้ครบยกแพ้ ฟูเอนเตสไ ปแค่คะแนน ที่สำคัญ “เจ้าเพชร” นั้นก็วัย 34 ปีเข้าไปแล้ว ส่วนคู่ชกชาวฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในวัยห้าวเป้งเพียง 27 ปีเท่านั้น เรียกว่าก่อนชกก็น่าเป็นห่วง ที่จะได้เปรียบก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียวคือมาชกกันที่โคราชบ้านเราในช่วงเวลาทองมวยโลกบ่ายสาม ซึ่งเราคุ้นเคยกว่าเป็นไหนๆ แต่เจ้าฟูเอนเตสนี่ก็เคยมาชกเมืองไทยหลายครั้งเหมือนกันก็คงพอคุ้นๆ กับสภาพแวดล้อมอยู่ เรียกว่าได้เปรียบไม่มาก
พอขึ้นเวทีเจอกันจริงๆ อำนาจก็อาศัยฝีมือเชิงชกแบบมวยสมัครเล่นชนิดเทพเรียกพี่ ดักต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ โชว์ฟุตเวิร์กสวยงามเข้าออกเร็ว แถมมีปล่อยหมัดหนึ่งสองเป็นชุดๆ แบบที่ไม่เห็นในนักมวยสากลอาชีพชาวไทยคนอื่นๆ จนครบยกเอาชนะคะแนนไปแบบแฟนมวยชื่นใจ จะไม่ถูกใจเล็กๆ ก็ตรงที่น้ำหนักหมัดของอำนาจนั้นเบาหวิว ต่อยได้จะแจ้งหลายหมัดแต่หยุดนักมวยปินส์ไม่อยู่ ทำให้ต้องเหนื่อยจนครบยก แต่สุดท้ายก็ทำให้เมืองไทยเรามีเข็มขัดแชมป์โลกของจริงเพิ่มมาอีกเส้น แถมเป็นเส้นแรกในรอบ 16 ปีของสถาบันนี้ด้วย
แฟนมวยรุ่นเก่าๆ บอกตอนนี้นึกย้อนไปถึงสมัยที่ไทยเรามี “พี่ระ” เขาทราย แกแล็กซี่ และ “พี่เชาว์” สด จิตรลดา เป็นแชมป์โลกอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน คือคนนึงหมัดหนักไล่ต่อยไล่บี้ถึงใจพระเดชพระคุณ อีกคนสไตล์สากลแท้ฟุตเวิร์กสวยงาม เป็นมวยจังหวะฝีมือ ให้แฟนมวยตามเชียร์ได้ตามใจชอบ แบบนี้ก็ต้องหวังว่าแชมป์โลกทั้งคู่ของเราจะรักษาตัวยืนหยัดเป็นแชมป์ให้แฟนมวยชาวไทยได้เชียร์ไปนานๆ เหมือนแชมป์โลกรุ่นพี่ทั้งสองคน
แล้วก็ได้แชมป์โลกรายใหม่ “อำนาจ รื่นเริง”
ช่วงนี้ถือว่าวงการมวยสากลอาชีพบ้านเรากลับคืนสู่ความคึกคักอีกครั้ง หลังจากเงียบหงอยไปพักใหญ่เมื่อปลายปี 2555 ที่ไม่มีแชมป์โลกเหลืออยู่ในเมืองไทยเลย ปีที่แล้ว “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ ส.รุ่งวิสัย ก็คว้าแชมป์โลกมาให้แฟนมวยชาวไทยได้เฮ แถมโชว์พลังหมัดได้สะใจคอซาดิสต์ยิ่งนัก พอเข้าปี 2557 ยังไม่ทันไร เราก็ได้แชมป์โลกมาประดับวงการอีกราย จาก “เจ้าเพชร” อำนาจ รื่นเริง หรือปัจจุบันใช้ชื่อค่ายว่า เกษตรพัฒนา ในรุ่นฟลายเวตของสหพันธ์มวยนานาชาติ IBF
โดย “เจ้าเพชร” ในฐานะแชมป์ IBF Asia นั้น มีคิวจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลกกับแชมป์โลกตัวจริง คือ โมรุติ เอ็มทาลาเน ชาวแอฟริกาใต้ แต่เจ้าของตำแหน่งไม่ยอมขึ้นชกกับนักมวยเรา ยอมสละตำแหน่งไปซะอย่างนั้น ทำให้ตำแหน่งแชมป์ว่างลง และด้วยบารมีของค่ายเกียรติกรีรินทร์ในสถาบัน IBF ก็ทำให้อำนาจยังได้เป็นตัวยืนในการชิงแชมป์ว่าง แม้ว่าจะเป็นเพียงรองแชมป์โลกอันดับ 7 เท่านั้น แถม IBF ยังจัดนักมวยฟิลิปปินส์ ร็อกกี ฟูเอนเตส ซึ่งเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 5 มาชิงกับเราอีกต่างหาก ทำเอารองแชมป์โลกอันดับที่สูงกว่าอย่างอันดับ 3 กับ 4 ถึงกับเงิบ (รองอันดับ 1 กับ 2 ว่างอยู่)
แต่มวยปินส์ตัวนี้ก็ไม่เบา เพราะ 6 ปีหลังขึ้นชก 15 ไฟต์ชนะรวด และมีสถิติการชกรวมชนะถึง 35 ไฟต์ แพ้ 5 และเสมอ 2 เทียบกับอำนาจเราที่ชกมวยอาชีพมาเพียงปีเศษๆ มีประสบการณ์เพียง 10 ไฟต์ แม้จะชนะรวด แต่ก็พบกับมวยระดับรองๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ ฟูเอนเตส เคยเจอมวยดีๆ มาแล้ว อย่าง ลี มยุง โฮ จากเกาหลี หรือ ฮิโรฟูมิ มูไก ที่เพิ่งมาชิงแชมป์โลกกับ “เจ้าแหลม” และถูกไล่ถลุงแต่ก็แสดงธาตุแท้ที่ทรหดอดทนยืนอยู่ได้ถึงยก 9 โดยตอนนั้นเจ้ามูไกก็ยืนได้ครบยกแพ้ ฟูเอนเตสไ ปแค่คะแนน ที่สำคัญ “เจ้าเพชร” นั้นก็วัย 34 ปีเข้าไปแล้ว ส่วนคู่ชกชาวฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในวัยห้าวเป้งเพียง 27 ปีเท่านั้น เรียกว่าก่อนชกก็น่าเป็นห่วง ที่จะได้เปรียบก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียวคือมาชกกันที่โคราชบ้านเราในช่วงเวลาทองมวยโลกบ่ายสาม ซึ่งเราคุ้นเคยกว่าเป็นไหนๆ แต่เจ้าฟูเอนเตสนี่ก็เคยมาชกเมืองไทยหลายครั้งเหมือนกันก็คงพอคุ้นๆ กับสภาพแวดล้อมอยู่ เรียกว่าได้เปรียบไม่มาก
พอขึ้นเวทีเจอกันจริงๆ อำนาจก็อาศัยฝีมือเชิงชกแบบมวยสมัครเล่นชนิดเทพเรียกพี่ ดักต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ โชว์ฟุตเวิร์กสวยงามเข้าออกเร็ว แถมมีปล่อยหมัดหนึ่งสองเป็นชุดๆ แบบที่ไม่เห็นในนักมวยสากลอาชีพชาวไทยคนอื่นๆ จนครบยกเอาชนะคะแนนไปแบบแฟนมวยชื่นใจ จะไม่ถูกใจเล็กๆ ก็ตรงที่น้ำหนักหมัดของอำนาจนั้นเบาหวิว ต่อยได้จะแจ้งหลายหมัดแต่หยุดนักมวยปินส์ไม่อยู่ ทำให้ต้องเหนื่อยจนครบยก แต่สุดท้ายก็ทำให้เมืองไทยเรามีเข็มขัดแชมป์โลกของจริงเพิ่มมาอีกเส้น แถมเป็นเส้นแรกในรอบ 16 ปีของสถาบันนี้ด้วย
แฟนมวยรุ่นเก่าๆ บอกตอนนี้นึกย้อนไปถึงสมัยที่ไทยเรามี “พี่ระ” เขาทราย แกแล็กซี่ และ “พี่เชาว์” สด จิตรลดา เป็นแชมป์โลกอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน คือคนนึงหมัดหนักไล่ต่อยไล่บี้ถึงใจพระเดชพระคุณ อีกคนสไตล์สากลแท้ฟุตเวิร์กสวยงาม เป็นมวยจังหวะฝีมือ ให้แฟนมวยตามเชียร์ได้ตามใจชอบ แบบนี้ก็ต้องหวังว่าแชมป์โลกทั้งคู่ของเราจะรักษาตัวยืนหยัดเป็นแชมป์ให้แฟนมวยชาวไทยได้เชียร์ไปนานๆ เหมือนแชมป์โลกรุ่นพี่ทั้งสองคน