สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นั่งเก้าอี้นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศ ติดต่อกัน 7 สมัย โดยได้รับเสียงโหวตจากสโมสรสมาชิก 68 คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ เผยเร่งสร้างนักหวดลูกสักหลาดไทย เตรียมจัดเวทีสำหรับเยาวชนแข่งขัน
เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 หลังจากที่ประชุมรับรองผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ได้เข้าสู่วาระสำคัญคือ การเลือกตั้งนายกลอนเทนนิสสมาคมคนใหม่และคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ เนื่องจากชุดเดิมได้บริหารงานครบวาระ 2 ปีแล้ว โดยที่ประชุมได้แต่งตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ดำรงตำแหน่งนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน โดยได้รับเสียงโหวตจากผู้แทนสโมสรสมาชิก จำนวน 68 สโมสรที่มาประชุม
หลังจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวถึงแผนงานที่เตรียมดำเนินการค่อในปี 2557 ว่า “จะเร่งพัฒนาการวงการเทนนิสให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ให้คนไทยได้เชียร์นักเทนนิสในการแข่งขันต่างๆ รวมถึงรายการใหญ่อย่างแกรนด์สแลม โดยมั่นใจว่าปีนี้ นักเทนนิสหญิงดาวรุ่ง เช่น “น้องนก” นพวรรณ เลิศชีวกานต์ จะก้าวขึ้นไปติด 100 ของโลกได้ เช่นเดียวกับ “น้องลัก” ลักษิกา คำขำ จะขึ้นไปติดท็อป 50 ของโลก และมีความหวังที่คนไทยจะแชมป์แกรนด์สแลม ภายใน 1-2 ปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนนักเทนนิสชาย ยอมรับว่าต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยจะพยายามสร้างอย่างรวดเร็ว โดยเปิดโอกาสให้นักเทนนิสรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือและก้าวขึ้นมาสร้างชื่อต่อไป”
นายกลอนเทนนิสฯ สมัยที่ 7 กล่าวต่อไปว่า “ขณะนี้ทั่วโลกยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่บริหารจัดการกีฬาได้ดี โดยจะใช้จุดนี้มาทำให้นักเทนนิสระดับโลกมาแข่งขันภายในประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชน ช่วยกระตุ้นเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยปี 2557 จะจัดการแข่งขันเทนนิส “ไทยแลนด์ อินวิเตชั่น” แทน “ไทยแลนด์ โอเพ่น” เพราะนอกจากจะลดปัญญาค่าลิขสิทธิ์ได้แล้ว เรายังสามารถเลือกนักเทนนิส ระดับท็อป 10 มาเข้าร่วมการแข่งขันภายในประเทศได้อีกด้วย”
“นอกจากนี้ จะส่งเสริมการแข่งขันเทนนิสชายหาด ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทดลองจัดไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และที่สำคัญ คือ โครงการสร้างนักเทนนิสเยาวชนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ด้วยการจัดการแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 14 รายการ โดยจัดเพิ่มขึ้นอีก 14 รายการ แบ่งเป็นระดับ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 12 รายการ และระดับ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 2 รายการ รวมเป็นทั้งหมด 28 รายการตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่ปีนี้ พ.ศ.2557 เป็นต้นไป” บิ๊กสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย