xs
xsm
sm
md
lg

ทิ้งทวน “บิ๊กหนุ่ม” 7 ปีนายใหญ่ “กกท.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กหนุ่ม จะโบกมือลา กกท.กลางปีนี้
ASTV ผู้จัดการรายวัน – นับตั้งแต่รับตำแหน่ง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 จวบจนทุกวันนี้รวม 2 วาระร่วม 7 ปีที่อยู่ในตำแหน่งประมุขแห่ง กกท. “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์ จุลเกษม ล้วนสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจเป็นจำนวนไม่น้อย โดยในวันที่ 30 มิถุนายน 2557 จะถือเป็นวันสุดท้ายในการทำหน้าที่กับหน่วยงานแห่งนี้ก่อนจะเปิดโอกาสให้คนใหม่เข้ามาบริหารงานต่อไป

สำหรับผลงานที่เป็นรูปธรรมตลอดเวลา 7 ปีของนายใหญ่ กกท.คนที่ 5 รายนี้ คือผลักดันให้มีการรวมลีกฟุตบอล ระหว่าง ไทยลีก ที่บริหารงานโดย สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ ฟุตบอลโปรวินเชียลลีก จนกลายมาเป็นฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ ลีก ที่มีผลต่อการพัฒนากีฬาฟุตบอลในทุกวันนี้ รวมถึงการผลักดันพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ที่ยังไม่สามารถออกใช้ เนื่องจากมีการยุบสภาในชุดปัจจุบันเสียก่อน อีกทั้งยังมีส่วนในการตั้งโครงการ “สปอร์ตฮีโร่” ที่เป็นสร้างรากฐานนักกีฬาเยาวชนสู่ระดับชาติ

ซึ่ง “บิ๊กหนุ่ม” เปิดใจผ่าน MGR SPORT เกี่ยวกับการทำงานที่ผ่านมาว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผมรับหน้าที่ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนในการขับเคลื่อนทางกีฬาของประเทศไทย และนับเป็นห้วงเวลาที่การกีฬาของไทยอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระดับสากลอย่างแท้จริง ผมได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถทั้งในเรื่องระบบงาน หรือการมีส่วนร่วมในการเตรียมนักกีฬาไปแข่งขันรายการสำคัญต่างๆ ที่นำความสำเร็จมาสู่แฟนกีฬาชาวไทย”

หลังจากพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ กกท.แล้ว มีกระแสว่า “บิ๊กหนุ่ม” จะหันไปเล่นการเมือง ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า "หลังจากนี้ยังต้องทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) รวมทั้งช่วยเหลือการเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ จ.ภูเก็ต ในปีหน้าก่อน จากนั้นจะขอพักผ่อนสักระยะ ส่วนการทำงานคงไม่หยุดแน่ ต้องหาอะไรทำต่อไป แต่จะไม่ทำงานในองค์กรกีฬาอีก เพราะรู้สึกอิ่มตัวกับการกีฬาแล้ว และคงจะเปลี่ยนไปบริหารงานในภาคส่วนอื่นๆ ส่วนการเมืองไม่เข้าไปทำแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”

โดย นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวถึงนายใหญ่ กกท. คนปัจจุบันที่นับถอยหลังหมดวาระว่า “สำหรับคุณกนกพันธุ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญในการผลักดัน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การกีฬาแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ เพื่อสร้างมาตรฐานการพัฒนาของสมาคมกีฬา จุดเด่นของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ กกท.มีอำนาจในการจดทะเบียนรับรองสมาคมกีฬา โดยไม่ต้องผ่านกรมการปกครอง ทำให้ กกท.พิจารณาข้อพิพาทต่างๆ ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดไว้ว่า การเสียภาษี สุรา-บุหรี่ จะนำมาสนับสนุนวงการกีฬาไทย 2 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อรวมกับงบประมาณประจำปีที่การกีฬาได้รับอยู่แล้ว ก็จะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะนำมาสนับสนุนชนิดกีฬาต่างๆ ได้มากขึ้น นับเป็นศักยภาพที่โดดเด่น สำหรับผู้ว่าการ กกท.ท่านนี้”

ด้าน “รองจุก” สังเวียน บุญโต รองผู้ว่า กกท.ฝ่ายบริหาร ที่มีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารงาน เพื่อสร้างนักกีฬา ก็ชื่นชมเช่นกันว่า “ที่ผ่านมาคุณกนกพันธุ์ ได้ให้แนวทางในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณานักกีฬาเข้าร่วมโครงการ “พัฒนากีฬาจังหวัด” หรือ “สปอร์ตฮีโร่” ซึ่งเป็นแผนการสร้างนักกีฬาในต่างจังหวัดที่มีความสามารถ มาเข้าร่วมโครงการ โดยมีพี่เลี้ยง ผู้ฝึกสอน รวมทั้งการอบรมนักกีฬา ใครที่ไม่ผ่านการอบรมจะไม่สามารถเข้าร่วมในโครงการได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมนักกีฬาให้พร้อมก่อนที่จะขึ้นมาเป็นนักกีฬาทีมชาติของประเทศไทยต่อไป อย่างการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่ จังหวัดสุพรรณบุรี มีนักกีฬาในโครงการ เข้าร่วมกว่า 532 คน ถือเป็นอีกหนึ่งรายการสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการกีฬาของประเทศไทย”

ปิดท้ายด้วย “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย กล่าวชื่นชมผลงานการบริหารของผู้ว่าการ กกท.รายนี้ ที่เน้นความทันสมัย และสร้างชื่อให้กับประเทศไทย "นับว่าท่านเป็นบุคลากรที่ใช้ระบบการจัดการแบบธุรกิจที่ท่านถนัด มาปรับใช้กับการบริหารกีฬาได้อย่างดีเยี่ยม สามารถจัดหางบประมาณจากภาคเอกชนเข้ามาส่งเสริมการพัฒนาวงการกีฬา นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภาพลักษ์ให้กับประเทศไทย อย่างการที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัด กีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 จ.ภูเก็ต ถือเป็นการแนะนำประเทศไทยให้นานาชาติรู้จัก และส่งเสริมทั้งด้านการกีฬา และการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เป็นอย่างดี”
รองฯมนตรี ยกย่องผลงานเข็น พ.ร.บ.กีฬา
โปรแจ๊ส อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ หนึ่งในนักกีฬาโครงการสปอร์ตฮีโร่
ฟุตบอลไทยลีกได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น