“เจ้าภาพ-น้ำตา” บทเรียนจากพม่า

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ไทย ทวงความยิ่งใหญ่แถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คืนมาได้สำเร็จ โดยถือเป็นเจ้าเหรียญทองต่อจากที่ เวียงจันทน์ เมื่อปี 2009 หลังโกย 107 เหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ ประเทศพม่า ซึ่งรูดม่านปิดฉากไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 แม้ต้องเผชิญกับปัญหาที่เจ้าภาพตัดกีฬาสากล เพื่ออัดการแข่งขันพื้นบ้านนานาชนิด รวมถึงการตัดสินที่ค้านสายตาหลายประเภท ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับนี้ที่เหมือนจะเปลี่ยนโฉมหน้าไป ดังนั้นจำต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับอีก 2 ปีข้างหน้าที่ สิงคโปร์ จะรับไม้ต่อ

หลังห่างหายจากการเป็นเจ้าภาพนานถึง 44 ปี พม่า ใช้ ซีเกมส์ เป็นเวทีเปิดประตูสู่โลกภายนอก ซึ่งภาพรวมถือว่าสอบผ่านแบบเส้นยาแดง เนื่องจากใช้วิธีจัดการแข่งขันแบบตามมีตามเกิด ชนิดกีฬาไหนไม่พร้อมก็ตัดออกไปในเรื่องเหตุผลของสนาม รวมถึงต้องอาศัยความร่วมมือจากเพื่อนบ้านตั้งแต่พิธีเปิดที่มาช่วยดูแลเรื่องการถ่ายทอดสด อีกทั้งรูปแบบการวางโปรแกรมแบบสากลถูกสลับสับเปลี่ยนวุ่นวายไปหมดจนปวดหัว

พม่า เลือกที่จะโปรโมตเมืองหลวงใหม่คือ เนปิดอว์ หลังจากก่อนหน้านี้จัดที่ ย่างกุ้ง ซึ่งถือเป็นแหล่งการค้าที่ค่อนข้างวุ่นวาย โดยตลอดระยะเวลา 12 วันที่ผ่านมานอกจาก 2 เมืองนี้ยังมี มัณฑะเลย์ อีกหนึ่งแห่ง รวมแล้วมีกระแสตอบรับที่ดีจากคนท้องถิ่นตีตั๋วเข้ามาเชียร์กีฬา แม้ว่าสภาพบ้านเมืองของ เนปิดอว์ จะไม่ค่อยพร้อม เพราะนอกจากสนามแข่งขัน วันนะ เต็กกี สเตเดียม และ ซายาร์ ธีรี สเตเดียม รอบๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตึกรามบ้านช่องร้านค้ามากนัก จึงทำให้เงียบเหงาไปถนัดตาผู้คนไม่พลุ่กพล่าน ส่วนหนึ่งการประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่ครอบคลุม

แต่ด้านธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จบรรดาโรงแรมและเจ้าของกิจการห้องพักที่เพิ่งเปิดทำการช่วง 2-3 ปีได้รับอานิสงฆ์ไปด้วย เพราะมีชาวต่างชาติต่อสายกริ๊งกร๊างเข้ามาหรือจองห้องพักผ่านทางอินเทอร์เน็ตกันคับคั่งทั้งนักท่องเที่ยวหรือสื่อมวลชน ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็ย่อมถีบตัวสูงขึ้นไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นินี รีเซฟชันสาวแห่งโรงแรม นานวัดดี โฮเท็ล เปิดเผยว่า “ห้องพักของโรงแรมทุกระดับถูกจองเต็มหมดและเมื่อลูกค้าเก่าออกไปก็มีลูกค้าใหม่เข้ามาเช็กอินทันที ขณะที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในละแวกนั้นก็เต็มไปด้วยผู้มาเยือนจากต่างแดน ที่แวะมาชอปปิ้งซื้อของที่ระลึกกลับไปมากมาย เล่นเอาพ่อค้าแม่ค้ารับทรัพย์กันถ้วนหน้า”

ส่วนผลงานของนักกีฬาไทย ที่หวั่นใจก่อนเดินทางว่าจะไม่ได้เจ้าเหรียญทอง เพราะ พม่า ขัดขวางทุกวิถีทางด้วยการบรรจุกีฬาพื้นบ้านมากมาย โดยเฉพาะ ชินลง ที่แข่งขันล่วงหน้าและโกยเหรียญทองจนส่งเจ้าภาพขึ้นนำบนตารางตั้งแต่หัววัน แต่สุดท้ายก็สามารถเอาตัวรอดคว้าไป 107 เหรียญทอง 94 เหรียญเงิน และ 81 เหรียญทองแดง ส่วนเจ้าถิ่นได้ไป 86 เหรียญทองคว้าอันดับ 2 ก็น่าจะพอใจไม่น้อย

“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาทีมชาติไทย ซีเกมส์ ครั้งนี้ เผยเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม “น่าพอใจมาก เพราะตอนแรกเราวางเป้าเหรียญทองไว้ที่ 100 เหรียญ แต่มาตอนนี้ทะลุไป 107 เหรียญแล้ว จาก ฟุตบอลที่ได้ในวันสุดท้ายด้วย รวมถึงกีฬาอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก”

แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ ไทย จะต้องกลับไปทำการบ้านและปรับตัวกับ ซีเกมส์ อีก 2 ปีข้างหน้าว่า สิงคโปร์ จะมาไม้ไหน เพื่อที่จะมีเวลาเตรียมตัวสำหรับชนิดกีฬาที่ไม่ถนัดหรือบางประเภทอาจจะต้องถูกหั่นออกไป เพราะคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าทัวร์นาเมนต์ระดับนี้ใครเจ้าภาพถือว่าได้เปรียบและมีอำนาจพอสมควร

อีกหนึ่งสิ่งก็คือการตัดสินค้านสายตาเรียกได้ว่าโดนกันถ้วนหน้าไล่ตั้งแต่ ไทย การแข่งขันเทควันโด พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 46 กิโลกรัมหญิง แพ้ นุย นุย คู่แข่งพม่า 5-7 แม้จะยื่นประท้วงก็ไม่เป็นผล ท่ามกลางกองเชียร์เจ้าถิ่นที่เข้ามากดดันคับคั่ง สุดท้าย “น้องนิด” ก็ต้องรับเหรียญเงินพร้อมน้ำตาที่อาบแก้ม ตามด้วย มวยไทย ที่ต้องร่ำไห้ก็คือ ภานุพงศ์ ตั้นจัด รุ่น 67 กิโลกรัมชาย แพ้ หมิน ตู ของเจ้าภาพเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ทำใจขอโทษแฟนๆ พร้อมประกาศอำลาการชกแบบไม่สวยงามเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ยังมี เหงียน ตราน ดวย ของ เวียดนาม ที่แพ้ ลัตศักดิ์ โสวลิยวงศ์ จากลาว โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าข้างเวทีมี นายสายสมร สายะสอน ประธานสหพันธ์มวยอาเซียนที่เป็นชาวลาว มานั่งกดดันอยู่ด้วย

ธนา หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เผยว่า พม่า แค่สอบผ่านในการเป็นเจ้าภาพและการจัดการต่างๆ เท่านั้น พร้อมฝากเตือนไปยังสมาคมต่างๆให้เร่งสร้างนักกีฬาใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นรากฐานสำคัญ “ปีนี้เราได้เห็นนักกีฬาหน้าใหม่ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติหลายคน ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ ดังนั้นคิดว่าก่อนถึง ซีเกมส์ ครั้งต่อไป ก็อยากให้สมาคมกีฬาต่างๆ ช่วยกันสร้างดาวรุ่งขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่มากกว่านี้ เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับชาติในอนาคต รวมถึงทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่รออยู่ในปีหน้าอย่าง เอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้, ยูธ โอลิมปิก ที่เมืองนานกิง จีน และ ซีเกมส์ ที่ สิงคโปร์”

สุดท้าย “บิ๊กต้อม” ยังกล่าวถึง สิงคโปร์ ที่จะรับไม้ต่อจัด ซีเกมส์ เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากปี 1973 ด้วยว่า “จากสิ่งที่ พม่า ทำไว้ แน่นอนว่า สิงคโปร์ จะต้องทำการบ้านกันหนัก เพราะห่างหายจากการเป็นเจ้าภาพกีฬามานานเช่นกัน ผมคิดว่าฝ่ายจัดการแข่งขันจะต้องศึกษาและนำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งปี 2015 นักกีฬาไทยอาจมีลุ้นเจ้าเหรียญทองอีกครั้ง เพราะพวกเขายืนยันแล้วว่าจะไม่บรรจุกีฬาพื้นบ้านลงไป จะเน้นแต่กีฬาสากลเท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าจะตัด วอลเลย์บอล, มวย และ ยกน้ำหนัก ผมคิดว่านานาประเทศคงไม่ยอมแน่ ซึ่งต้องรอดูอีกครั้งในการประชุมที่จะมีขึ้นในอนาคต”