ASTV ผู้จัดการรายวัน – หลังจากที่วงการฟุตบอลหญิงของไทย สร้างความฮือฮาส่งนักเตะสาวทั้ง นภัทร สีเสริม, พิสมัย สอนไสย์ และ กาญจนา สังข์เงิน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติมาตลอด เดินทางไปค้าแข้งกับ สเปรันซา โอซากา ทีมแอล-ลีก (L-League) ชั้นนำในระดับดิวิชัน 1 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด 3 สาวเดินทางกลับมาพร้อมประสบการณ์ล้ำค่า เพื่อผนึกกำลังขุนพลช้างศึกไปล่าเหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า วันที่ 14-20 ธันวาคม นี้
ย้อนไปในอดีตวงการฟุตบอลไทยผลิตนักเตะไปค้าแข้งยังลีกต่างประเทศมาแล้ว อาทิเช่น “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่เคยบินไปเล่นกับ เค ลีเซร์ ทีมลีกดิวิชัน 2 ของ เบลเยียม หรือ “โก้” ดัสกร ทองเหลา ที่ย้ายจาก บีอีซี เทโรศาสน ไปลุยกับ ฮองอันห์ยาลาย ในวี-ลีก เวียดนาม จนกระทั่งโอกาสแวะเวียนมาถึงแข้งสาวบ้าง ซึ่งถือว่าทั้ง นภัทร, พิสมัย และ กาญจนา เปิดหน้าประวัติศาสตร์เบิกร่องตามมา
โดย “จ็อบ” นภัทร แนวรุกตัวเก่งและกัปตันทีมของ บีจี-บัณฑิตเอเชีย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่นว่า “วันหนึ่งทางต้นสังกัดเข้ามาบอกว่ามีแมวมองจากทีมลีกของญี่ปุ่น ติดต่อเข้ามาเพื่อขอดึงตนไปร่วมทีมด้วย หลังจากติดตามดูฟอร์มการเล่นมาตลอดทั้งกับต้นสังกัดและทีมชาติ ทำให้ตนรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจมากก่อนตอบตกลงเดินทางไปทดสอบฝีเท้าที่ญี่ปุ่น และเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม สเปรันซา โอซากา โดยรับค่าจ้างเดือนละ 5 หมื่นบาท บวกเงินพิเศษเพิ่มอีกแมตซ์ละ 1,880 บาท ถ้ามีชื่อลงเล่นไม่ว่าเป็นตัวจริงหรือสำรอง ซึ่งเป็นเรตเดียวกันกับเพื่อนๆ อีก 2 คน”
ขณะที่ “เนตร” กาญจนา ปีกความเร็วสูงของทีม “สาวเมืองหลวง” กรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมถึงการฝึกซ้อมกับบ้านหลังใหม่ที่แดนปลาดิบว่าแตกต่างจากที่เมืองไทยแบบสิ้นเชิง ด้วยระเบียบวินัยที่เคร่งครัด และการซ้อมแบบมีระบบแบบแผน ทำให้ฝีเท้าของตนพัฒนาขึ้นจากเดิมในแต่ละวัน ขณะที่การใช้ชีวิตที่ต่างแดนแม้ต้องปรับตัวบ้าง เช่นเรื่องของการสื่อสารที่ต้องหัดเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม ทำความเข้าใจกับคำสั่งของโค้ชเวลาอยู่ในสนาม ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่มีปัญหาเพราะสามารถซื้อหาอาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาประกอบทำเองรับประทานได้
“การซ้อมของญี่ปุ่นจะเน้นให้นักเตะมีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ฟิตพร้อมตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างไร้ปัญหา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือรู้สึกว่าตัวเองเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ไม่ถูกเบียดล้มง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน ขณะเดียวกันผู้ฝึกสอนยังเน้นฝึกทักษะการจ่ายบอลทุกรูปแบบทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่น เมื่อจบฤดูกาลก็ได้นำสิ่งนี้กลับมาแบ่งปันสอนน้องๆ ทุกคนในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมก่อนไปซีเกมส์” กาญจนา กล่าว
ส่วนในรายของ “ปุ๋ย” พิสมัย กองหน้าของ ชลบุรี-ศรีปทุม ที่เพิ่งตัดสินใจถอนตัวจากทีมชาติ เพราะบาดเจ็บเข่าขวารุนแรง จนต้องเข้ารับการผ่าตัด พักนานถึง 3 เดือน ระบุว่านอกจากการซ้อมปกติแล้ว โค้ชญี่ปุ่นยังกระตุ้นให้ทุกคนมีความเป็นนักสู้อยู่เสมอ “ที่ญี่ปุ่นจะปลูกฝังให้นักเตะทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ อยู่ในระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นหากสกอร์ตามหลังไม่ว่ากี่ประตูก็จะกระตุ้นให้ลูกทีมฮึดสู้เพื่อทวงคืนกลับมา หรือหากถูกทำฟาล์ว ถ้าแพทย์เห็นว่าเล่นต่อได้ก็ต้องลุกขึ้นไปวิ่งไล่บอลต่อทันที ห้ามนอนถ่วงเวลา ซึ่งทุกเรื่องที่กล่าวมานั้นมีผลต่อการตัดสินใจของโค้ชในการส่งตัวนักเตะลงเล่นในแมตซ์ต่อไปด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต้องพยายามเต็มที่เพราะไม่มีใครอยากเป็นตัวสำรองอยู่ข้างสนามแน่”
สำหรับทั้งสามสาวได้จรดน้ำหมึกเซ็นไว้สัญญาที่คนละ 1 ปี หากผู้ฝึกสอนสนใจอยากดึงมาช่วยทีมอีกก็จะได้รับการต่อสัญญาเพิ่มโดยติดต่อไปที่ต้นสังกัดของแต่ละคน ถึงแม้ว่า สเปรันซา จบผลงานที่อันดับ 10 ของตาราง ซึ่งหมายถึงตกชั้นไปเล่น ดิวิชัน 2 แต่ทุกคนยืนยันพร้อมบินกลับไปช่วยต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่างแน่นอน หากมีการติดต่อกลับมา
สุดท้าย นภัทร กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมซีเกมส์ ให้โชว์ฟอร์มเต็มที่ นอกเหนือจากกู้ศักดิ์ศรีจากการได้แค่เหรียญเงินที่ สปป.ลาว เมื่อปี 2009 ยังมีโอกาสต่อยอดไปถึงการค้าแข้งต่างแดนด้วย “ก็อยากให้เพื่อนร่วมทีมพยายามทำผลงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างโอกาสไปพัฒนาฝีเท้าที่ต่างแดน ไม่แน่เหมือนกันอาจมีแมวมองจากสโมสรอาชีพมาซุ่มดูฟอร์มอยู่ ขณะเดียวกันอยากให้ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ส่งทีมชาติไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ต่างประเทศด้วย เพราะเท่าที่ทราบ พม่า, อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ได้ส่งทีมชาติไปเก็บตัวต่างแดนเพื่อเพิ่มศักยภาพ หากทำได้เชื่อว่าวงการฟุตบอลหญิงของไทยจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและครองตำแหน่งเบอร์ 1 ของอาเซียนได้อย่างแน่นอน”
