เอเยนซี - หลังจากที่ ราเด็ค สเตปาเน็ค นักเทนนิสจอมเก๋ามือ 44 ของโลกทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก กำชัยชนะเหนือ ดูซาน ลาโยวิช คู่แข่งดาวรุ่งของเซอร์เบีย 3 เซตรวด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำให้ เช็ก ประกาศศักดาคว้าแชมป์หวดประเภททีม เดวิส คัพ มาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 3 พร้อมส่งสัญญาณเตือนไปยังชาติมหาอำนาจแห่งวงการลูกสักหลาดทั้งหลายว่าถึงเวลาแล้วที่ทัพหวดจากเช็กก้าวขึ้นมาขอเขย่าบัลลังก์หวดโลกให้สะเทือนเลื่อนลั่นในช่วงเวลานับจากนี้ไป
ขุนพลนักหวดชาวเช็กยุคใหม่ อันประกอบไปด้วย โทมัส เบอร์ดิช, ราเด็ค สเตปาเน็ค, ลูคัส โรโซล และ แยน ฮาเช็ค ภายใต้การนำของ วลาดิเมียร์ ซาฟาริค กัปตันทีม ปีนี้ลงเล่น เวิลด์ กรุ๊ป ในฐานะแชมป์เก่า ซึ่งผู้เล่นทุกคนนั้นโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตั้งแต่รอบแรกไล่ปราบทั้ง สวิตเซอร์แลนด์, คาซัคสถาน, อาร์เจนตินา จนมาถึง เซอร์เบีย อดีตแชมป์โลกปี 2010 ซึ่งในที่สุดก็เป็น เช็ก ที่คว้าชัยชนะมาแบบฉิวเฉียด 3-2 คู่ แม้อีกฝ่ายจะมี โนวัค ยอโควิช มือ 2 ของโลกเป็นผู้นำทัพแต่ก็ต้านความแกร่งไว้ไม่อยู่ เช็กจึงได้แชมป์ไปนอนกอดเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ความสำเร็จของทีมหวดเทนนิสหนุ่มเช็ก สร้างความประหลาดใจให้แก่คอกีฬาลูกสักหลาดพอสมควร เพราะโชว์ฟอร์มแข็งแกร่งจนเบียด สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจของวงการ สเปน, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี และ สวีเดน ขึ้นทำเนียบชาติที่ป้องกันแชมป์ เดวิส คัพ ได้ แม้ถูกสื่อบางสำนักวิจารณ์ว่าเป็นเพราะ เซอร์เบีย ขาดมือดีทั้ง แยนโก ทิปซาเรวิช ที่ถอนตัวเพราะบาดเจ็บส้นเท้า และ วิคเตอร์ ทรอยสกี ที่ติดโทษแบน 12 เดือน จากสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) เรื่องสารกระตุ้น ทำให้ ยอโควิช ต้องแบกภาระอยู่คนเดียว แต่ต้องไม่ลืมว่า เช็ก ชุดนี้ก็เคยปราบ สเปน ที่ล้วนมีมือท็อป 50 ของโลก นำโดย ดาบิด เฟร์เรร์ ในรอบชิงชนะเลิศมาแล้วเมื่อปีก่อนจึงถือเป็นเครื่องการันตีว่าชัยชนะ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างแน่นอน
สำหรับทีมนักหวดเช็กชุดปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นไลน์อัพที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 33 ปี อุดมไปด้วยนักหวดที่โลดแล่นอยู่ในระดับท็อปบนของแรงกิงทั้ง เบอร์ดิช มือ 7 ของโลก ตัวเก๋ามากประสบการณ์อย่าง สเตปาเน็ค รวมถึงเลือดใหม่อย่าง โรโซล ที่โชว์ฟอร์มอย่างร้อนแรงในช่วง 2 ปีหลังสุด โดยเฉพาะแมตช์บันลือโลกเขี่ย ราฟาเอล นาดาล มือ 1 โลกชาวสเปนตกรอบ 2 แกรนด์ สแลม วิมเบิลดัน ปีที่แล้ว ก่อนเดินหน้าเก็บชัยชนะต่อเนื่องจนไต่อันดับจากมือ 100 ขึ้นมาอยู่มือ 47 ของโลก และยังมีดาวรุ่งในประเทศที่ช่วยเติมเต็มโดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแต่ละรอบ
ขณะเดียวกันด้วยความที่ทีมชุดนี้รวมตัวเล่นเพื่อชาติกันมานาน 2-3 ปี โดยเฉพาะ เบอร์ดิช กับ สเตปาเน็ค ที่ยืนเป็นตัวหลักมาตลอด แถมยังโชว์ฟอร์มเข้าขารู้ใจเมื่อต้องลงทำศึกประเภทคู่ช่วยทีมยามคับขัน ก็ทำให้ เช็ก เบียด เซอร์เบีย และ สเปน ขึ้นเป็นชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกบนแรงกิง ณ เวลานี้ โดยถูกสื่อยกให้เป็นทีมแห่งความสำเร็จเทียบเท่ากับรุ่นพี่ที่เคยคว้าแชมป์โลก เดวิส คัพ สมัยแรกเหนือ ฝรั่งเศส 4-1 คู่ มาแล้วเมื่อปี 1980 ซึ่งในปีนั้นอุดมไปด้วยสุดยอดมือแร็กเก็ตอย่าง อิวาน เลนเดิล ตำนานมือ 1 ของประเทศ, โทมัส สมิด และ แยน โคเดส สมัยที่ทั้งหมดยังลงเล่นให้ เช็กโกสโลวาเกีย ที่ยังไม่แยกตัวออกมา
สำหรับเป้าหมายต่อไปของทีมหวดเช็ก แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการป้องกันแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่ง สเตปาเน็ค พี่ใหญ่วัย 34 ปี ยืนยันจะอยู่เป็นกำลังสำคัญช่วยทีมต่อไปเป็นปีที่ 10 เพื่อพาชาติบ้านเกิดกวาดความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า “ผมชื่นชอบการลงเล่น เดวิส คัพ เป็นอย่างมาก เพราะภาพแห่งความสำเร็จที่ อิวาน เลนเดิล และทุกคนในทีมทำไว้เมื่อปี 1980 ผ่านหน้าจอทีวี ยังตราตรึงอยู่ในใจแบบไม่มีวันลืม หวังว่าสักวันเราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศได้เฉกเช่นพวกเขา”
สำหรับศึกชิงแชมป์โลก เดวิส คัพ ปี 2014 เช็ก ที่นั่งตำแหน่งทีมวางอันดับ 1 ของโลก ประเดิมรอบแรกเจอกับ ฮอลแลนด์ ที่มี โรบิน ฮาสส์ มือ 43 ของโลกเป็นมือวางสูงสุด วันที่ 31 มกราคม ปีหน้า อย่างไรก็ตาม เส้นทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อ สเปน จะได้ ราฟาเอล นาดาล มือ 1 โลกกลับมานำทัพล่าแชมป์อีกครั้ง น่าจะมีโอกาสได้เผชิญหน้ากันในรอบรองชนะเลิศตามโปรแกรมที่วางไว้ แต่หาก 3 ทหารเสือของเช็ก อย่าง เบอร์ดิช, สเตปาเน็ค และ โรโซล ยังโชว์ฟอร์มกันได้ดีจนหยิบแชมป์โลกได้อีก งานนี้ประวัติศาสตร์ของวงการเทนนิสจะต้องจารึกชื่อ สาธารณรัฐเช็ก ให้เป็นอีกหนึ่งยอดทีมของโลกเฉกเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ สเปน อย่างแน่นอน